ขอวีซ่าไปอเมริกา & เด็กบ้าในโรงหนัง

........ ขอวีซ่าไปอเมริกา ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด .........

เวลานัดของเราคือ 9 โมงเช้า แต่เราไปถึงเร็วมากคือตั้งแต่ ราวๆ 7 โมงครึ่ง ประมาณว่าติดรถพี่เขยที่ทำงานที่สีลมแล้วนั่งปอ.67 ฝั่งตรงข้าม ธ.กรุงเทพ ไปสถานทูต เร็วมาก 12 บาท ใช้เวลาราวๆ 10 นาทีเอง ผ่านกระบวนการตรวจเอกสาร ซื้อซองไปรษณีย์อะไรต่างๆไปนั่งรอเรียกสัมภาษณ์ราว 3 ชั่วโมงได้ หลับไป 3 รอบ อ่านนิยายจบไปครึ่งเล่ม เข้าไปสัมภาษณ์ราวๆ 3 นาที ก็ได้แล้วค่ะวีซ่า แต่เดี๋ยวนี้เขาจะส่งตามไปให้ทางไปรษณีย์นะคะ สบายดี เขาถามแค่ 3 คำถามจริงๆ (เราเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ)

1. How long have you been working in Khon Kaen University?

2. What does your cousin do in Kansas? (ไปเยี่ยมญาติที่รัฐแคนซัสค่ะ)

3. How many degrees did you get from Australia? (ฮ่าฮ่า คำถามหลังนี่เขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบมั้งคะเพราะว่าในใบ DS-157 ก็เขียนไปแล้ว)

 จากนั้นเขาก็บอกเลยว่า Your visa is approved. We will send ... blah blah blah .... ก็จบสิ้นกระบวนการ

......... เด็กกรุงเทพ ใช่่ว่าจะศิวิไลซ์ไปซะหมดนะจ๊ะ ........

 หลังจากขอวีซ่าวันนี้ ก็ไปต่อค่ะ ที่ Siam Paragon คือ ไ ม่เคยไปเลย ขอบอก วันนี้ก็เลยไปซะหน่อย ตั้งใจไปดูหนังค่ะ Harry Potter 5 โรงหนังก็โอเึคอยู่ค่ะ แต่เจ้าเด็กวัยรุ่นผู้ชาย (ไม่ร้อยเปอร์เซ็น) ที่ันั่งข้างๆสิคะ เราอยากจะกรี๊ด ก็เธอเล่นรับโทรศัพท์ทุกครึ่งชั่วโมงได้ ไม่นับเรื่องที่คุยจุ๊กจิ๊กกับเพื่อนอีกนะคะ ปกติก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะถ้านิดๆหน่อย รับแล้วรีบวาง แต่นี่เธอประมาณว่าคุยเป็นเรื่องเป็นราว เอาเป็นว่าเรารู้เรื่องที่เธอคุยตลอดเลยค่ะ พอเธอรับโทรศัพท์ครั้งที่ 3 เราก็หมดความอดทนเพราะเธอรับแล้วคุยต่อประมาณว่ากำลังดูหนังอยู่ที่บ้าน คราวนี้เราเลยต้องสะกิดบอกว่า น้อง เลิกคุยโทรศัพท์เสียทีเถอะ มันรบกวน เป็นไงรู้ไหมคะ โฮะๆๆ เธอเอียงไปแอบอิงกะเพื่อนหนุ่ม (ไม่เต็มร้อย) อีกฟากหนึ่งแล้วคุยต่อค่ะ เรานะ อยากจะกรี๊ด ลูกใครหลานใครเนี่ย ไม่เคยเจอะไม่เคยเจอที่เป็นหนักขนาดนี้ ไร้มารยาทโดยสิ้นเชิง (ถ้านิดหน่อยเราจะไม่ติดเรท โดยสิ้นเชิง ให้นะเนี่ย)

อีกนิดนึง เรื่องเกิดขึ้นที่โรงหนัง 7 ที่ Siam Paragon หนังเรื่อง Harry Potter 5 วันศุกร์ที่ 13 ก.ค. 50 รอบเวลาบ่ายโมงตรงค่ะ น้องเขานั่งที่ G13 (หรือจะเป็นอาถรรพ์เลข 13 เนี่ย) ... เฮ้อ ...

 

[มะปรางเปรี้ยว]

  ยินดีด้วยค่ะ สำหรับเรื่องวีซ่า

   ส่วนเรื่องดูหนัง คงต้องบอกว่าน่ารำคาญค่ะ เคยเจอเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอแบบคุยนานอย่างนี้คะ  งงจัง ว่าทำไมน้องเค้าจะมาดูหนังทำไม ถ้าจะคุยโทรศัพท์

   เอาเป็นว่า Happy กับเรื่องที่จะไปอเมริกาดีกว่าคะ :)