ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ | ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ |
อ่านออกเสียง- อ่านร้อยแก้วและร้อยกรอง- อ่านทำนองเสนาะ- การท่องอาขยาน อ่านในใจ- อ่านจับใจความและคาดคะเนเหตุการณ์- การตั้งคำถาม ตอบคำถาม- การเข้าใจความหมาย ประโยค ข้อความการเขียน- เขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด- การเขียนตามคำบอก- การคัดลายมือ- การใช้คำเขียนประโยค- การเขียนเรื่องสั้นๆแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกความต้องการและประสบการณ์- การใช้เลขไทยหลักการอ่าน- การอ่านคำพื้นฐาน ประมาณ ๖๐๐ คำ และคำในสาระอื่น- การอ่านแจกลูก และสะกดคำในมาตราต่างๆการผันวรรณยุกต์- การอ่านคำที่มีการันต์ อักษรควบ อักษรนำ ฯลฯ | อ่านออกเสียง- อ่านร้อยแก้วและร้อยกรอง- อ่านทำนองเสนาะ- การท่องอาขยาน อ่านในใจ- การเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความ- การอ่านจับใจความ และคาดคะเนเหตุการณ์- การตั้งคำถาม ตอบคำถามการเขียน- เขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด- การเขียนตามคำบอก- การคัดลายมือ- การเขียนประโยคและข้อความ- การเขียนเรื่องสั้นๆแสดงจินตนาการความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ- การเขียนบันทึก- การใช้เลขไทยหลักการอ่าน- การอ่านคำพื้นฐาน ประมาณ ๘๐๐ คำ และคำในสาระอื่น- การอ่านแจกลูก และสะกดคำในมาตราต่างๆการผันวรรณยุกต์- การอ่านคำที่มีการันต์ อักษรควบ อักษรนำ ฯลฯ |
๑. ขั้นตอนที่ ๑ การเรียนรู้เรื่องพยัญชนะ สอนให้นักเรียน สังเกต และจำพยัญชนะไทยทั้ง ๔๔ ตัว ให้ได้ก่อน ผู้เล่ามีความเห็นว่าที่ผู้แต่งสมัยเราเป็นเด็ก เด็ก แต่งได้สัมผัส คล้องจอง เนื้อเรื่องร้อยรัด เช่นก.เอ๋ยก.ไก่ /ข. ไข่อยู่ในเล้า/ฃ. ขวด ของเรา/ ค.ควาย เข้านาฯ จนถึงฮ. ความหมายรับกันจนครบ แต่ของสมัยนี้ ดูให้ดีจะพบว่าไม่ ไพเราะ ความหมายไม่สอดคล้อง กันเท่าไร ผู้เล่าคิดเองนะ
๒. ขั้นตอนที่ ๒ การเรียนรู้เรื่องสระ เมื่อเด็กจำพยัญชนะได้คล่องแล้ว จึงเริ่มเรียนสระ ครูเขียนแผนภูมิสระทั้ง ๓๒ รูป ให้เด็กดู ควรเขียนไว้ ๒ ข้าง ดังนี้
- ะ อ่านว่า สระอะ - า อ่านว่า สระอา
-ิ อ่านว่า สระอิ -ี อ่านว่า สระอี
เขียนจนครบ ๑๖ คู่
เมื่อเด็กจำ อ่านได้ แนะให้สังเกต และสรุปให้ได้ว่าเสียงของสระ แถวซ้าย ต่างกับ แถวขวา อย่างไร ครูอ่านซำๆ ฝึกการสังเกต การวิเคราะห์ จนเด็ก สังเกตได้ว่า แถวซ้าย เสียงสั้น แถวขวาเสียงยาว หรือ แล้วแต่วิธีกรของครู แต่ครูอย่าบอกเด็กว่าสระมีเสียงสั้นกับเสียงยาว พยายามให้เด็กสังเกต เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ข้อสำคัญต้องให้ทุกคนจำพยัญชนะ และรูปสระให้ได้๓. ขั้นตอนที่ ๓ เรียนรู้เรื่องวรรณยุกต์ ใช้แผนภูมิ/บัตรคำ เขียนรูปวรรณยุกต์ ทั้ง ๔ รูป พร้อมเสียง ๕ เสียง หาวิธีให้เด็กจำให้ได้ว่า วรรณยุกต์ ตัวไหน เสียงอะไร
รูปวรรณยุกต์ ่ ้ ๊ ๋ เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
๔. ขั้นตอนที่ ๔ เรียนรู้เรื่องการประสมแบบง่ายๆเมื่อเด็กจำได้แล้ว จึงสอนให้นำพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ มาประสมกัน
๑). ประสมพยัญชนะ กับสระก่อน
-ะ - า
ก กะ กา
-ิ -ี
ก กิ กี
ให้หัดประสมจนครบทั้ง ๑๖ คู่ ควรใช้กลุ่มอักษรกลางมาก่อน แล้วกลุ่มอักษรสูง และต่ำตามลำดับ โดยยังไม่ต้องบอกเด็กว่าอักษรมีกี่หมู่ ให้เด็กจำ สังเกตว่า วิเคราะห์อักษรแต่ละหมู่มีกี่ตัว เพื่อสอนในเรื่องอักษรสามหมู่ในโอกาสต่อไป
๒) ประสมพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ เมื่อเด็กประสมพยัญชนะ สระ ได้แล้ว จึงสอนให้นำวรรณยุกต์มาประสม
กา - ก่า / กา -้ ก้า / กา -๊ ก๊า / กา -๋ ก๋า
กาเอกก่า กาโทก้า กาตรีก๊า กาจัตวาก๋า
สอนทีละหมู่เหมือนเดิม อย่าเร่งรีบ จนทุกคนสามารถอ่าน ประสมได้
๕.ขั้นตอนที่ ๕ เรียน เรืองการผัน เมื่อนักเรียนประสมพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ได้แล้ว ขั้นตอนไปเป็นเรื่องการหัดผัน โดยใช้วรรณยุกต์ มาช่วย การผัน ใช้สระเสียงยาว เริ่มจากอักษรกลางก่อน
วรรณยุกต์ ่ ้ ๊ ๋ กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
ให้เขียนแผนภูมิ มีรูปวรรณยุกต์ สระ สียง ไว้ถาวร แล้วนำพยัญชนะเป็นบัตรคำมาทีละตัว ให้อ่าน เช่น พยัญชนะ ก เด็กออกเสียงว่า กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า (ไม่ต้องอ่าน กอ อา กา /กา เอก ก่า/กา โท ก้า) ในชั้น ป.๒ จะรู้จักการผันกับสระลดรูป ศึกษาเพิ่มเติมจากแบบเรียนภาษาไทย ชั้น ป.๒ (หลักสูตร ๒๕๒๑)
๖. ขั้นตอนที่ ๖ การเรียนรู้การแจกลูก
เมื่อหัดผันได้คล่องเริ่มฝึกการแจกลูกต่อเนื่องจากขั้น ๕ คล้ายการประสม ในขั้น ๔ เช่น กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า
กอ อา กา กา เอก ก่า ก้าโทก้า กาตรีก๊า กาจัตวา
๗. ขั้นตอนที่ ๗ การเรียนรู้อักษรนำ
คำในภาษาไทยแยกเป็น คำที่ใช้ อ. นำ กับคำที่ใช้ห.นำป.๒ เพิ่มการใช้อักษรนำ อื่น เช่น ใช้ ผ.ส. นำ
๘. ขั้นตอนที่ ๘ การเรียนรู้คำควบกล้ำ
การอ่านคำควบกล้ำ จะอ่านพยัญชนะ ๒ ตัวควบกันแล้วตามด้วยสระ ตัวสะกดและวรรณยุกต์ เช่น กรับ อ่าน กรอ- อะ- บอ –กรับ ฯลฯ ครูหาคำมาให้นักเรียนฝึกอ่าน เช่น คำที่มี กร,กล,ขร,ขล,คร,ตร,ปร,ปล,พร,พล ควบกล้ำ
๙. ขั้นตอนที่ ๙ การเรียนรู้การสะกด
สอนคำที่สะกดคำ จะเริ่มในมาตราแม่ ก กา ก่อน แล้วตามด้วย มาตราตัวสะกดกง,กน,กม,เกย,เกอว ซึ่งเป็นคำเป็น (แบบเรียนเร็ว เล่ม ๑)แล้วสะกดคำใน แม่ กก,กด,กบ ซึ่งเป็นคำตาย คำเป็นก่อนเพราะออกเสียงง่าย สอนคำที่สะกด มีสระเสียงสั้น คู่กับยาว เรียงตามมาตราตัวสะกด ๘ แม่ ใช้พยัญชนะอักษร กลาง สูง ต่ำ ตามลำดับ
มาตราแม่ก.กา กะ = กอ-อะ-กะ / กา=กอ-อา-กา
แม่กง กัง = กะ-งอ-กัง / กาง=กา-งอ-กาง
แม่กน กัน=กะ-นอ-กัน / กาน=กา- นอ-กาน
แม่กม กัม=กะ-มอ-กัม / กาม=กา-มอ-กาม
แม่เกย 
สวัสดีครับอาจารย์...วิธีการที่อาจารย์นำเสนอเป็นวิธีการที่ดีที่ตอนนี้ผมกำลังทดลองสอนพิเศษเพื่อแก้ปัญหาเด็กที่อ่านไม่ออก(ป.2-6)ผลยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าใดนักเนื่องจากเพิ่งเริ่มทดลอง ผมดีใจที่มีคนมองปัญหาและแก้ปัญหาในทางเดียวกันกับผม
ภาษาไทยนี้ดี มากมากควรรักษาไว้ จาก 0891350916
ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ให้ข้อเสนอแนะดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์อย่างยิ่งเพราะมันเป็นเรื่องที่ดิฉันประสบกับตัวเองซึ่งมันตรงกับที่อาจารย์แนะนำพอดีคือดิฉันเริ่มสอนภาษาไทยแบบมปภ.( ป.1) ปี2541เด็กสนุกสนานมากแต่เด็กขึ้นป.2 ครูป.2 บ่นว่าเด็กไม่รู้เรื่องเขาต่อยอดไม่ได้(เขาไม่ได้สอนแบบมปภ.)ทำให้เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ปี2542 ก็ยังไม่น่าพอใจ และเป็นวิธีการสอนที่ครูเหนื่อยมากเนื่องจากขั้นที่5ไม่มีสื่อ ดิฉันกลุ้มใจอยู่ 2ปี ก็เลยมานั่งคิดถึงอดีตที่เราเคยเป็นนักเรียน แล้วดิฉันก็ตัดสินใจนำวิธีการแบบที่เคยได้รับสมัยเป็นนักเรียนมาใช้โดยไม่บอกให้เพื่อนครูรู้ คือ ดิฉันก็จะให้ความรู้กับนักเรียน เกี่ยวกับ โดยเริ่มจากง่ายไปหายาก คือ พยัญชนะ / สระ /การผันพยัญชนะกับสระ / วรรณยุกต์ /การผันพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ / ตัวสะกด / การผันพยัญชนะ สระ ตัวสะกด /การผันพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และมีตัวสะกด / คำที่ใช้สระไ / ใ หลังจากนั้น ก็ใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบมปภ. เมื่อถึงขั้นที่ 5 ก็จะเพิ่มเติมในเรื่องต่อไปนี้ คือคำที่ประสมสระแล้วลดรูป เปลี่ยนรูป/คำควบกล้ำ/คำที่มี ห นำ/ เครื่องหมาย ไม้ยมก ไม้ไต่คู้ ตัวการันต์/คำคล้องจอง/บทร้องเล่น /บทกล่อมเด็ก และอื่นๆอีกถ้าเด็กรับได้ ซึ่งพอดิฉันใช้วิธีนี้ผลปรากฎว่าเด็กอ่านออกเขียนได้ เลื่อนชั้นขึ้นไปครูป.2 ก็พอใจ พอปี2544 ดิฉันใช้วิธีนี้อีก ก็ได้ผล จนพี่ที่สอนป.2 บอกว่า "เจ้าสอนแบบไหนไม่รู้ล่ะ แต่เด็กเลื่อนชั้นขึ้นมาแล้วมันมันอ่านออกเขียนได้ เขาพอใจ ทำให้เขาสอนง่าย " มันก็เลยทำให้ดิฉันแอบดีใจ ภูมิใจ แล้วก็ทำให้ขอบคุณไปถึงครูบาอาจารย์ที่เคยสอนมา ขอบคุณท่านจริงๆ หลังจากนั้นดิฉันก็ใช้วิธีนี้เรื่อยมา จนเมื่อปี 2546 จึงนำผลงานขอกำหนดตำแหน่ง และเป็นปีที่ได้ผลมากๆเพราะดิฉันตั้งใจเต็มที่ แต่แล้วผลงานที่ดิฉันเขียนรายงานไปไม่เข้าตากรรมการ อาจเป็นเพราะเราไม่ชำนาญในด้านนี้ ทำให้ผลการตัดสินไม่อนุมัติ แต่ดิฉันก็ภาคภูมิใจอย่างที่สุดเพราะเด็กที่ดิฉันสอนเขาอ่านออกเขียนได้และมีความสุข สรุปแล้วดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวความคิดของท่านที่เสนอแนะไว้เพราะมันตรงกับที่ดิฉันได้กระทำอยู่ในปัจจุบัน ( ดิฉันได้จัดทำสื่อซึ่งเป็นแบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 20 ชุด มีทั้งหมด 25 เล่ม หากท่านใดสนใจ ยินดีที่จะเผยแพร่เพื่อเด็กไทยจะได้อ่านออกเขียนได้ )
แบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 20 ชุด สำหรับการสอนภาษาไทย น่าสนใจมากครับ
ยิ่งใหม่ยิ่งอ่านไม่ได้ ดูของเก่าบ้างคงจะดี
ไม่กลัวพ่อแม่ ไม่กลัวครู ไม่ตก ซ่อมเอา ไม่มีเวลาให้กับการเรียน
มีให้กับมือถือ เกม ทีวี เที่ยว
หนังสือมากจนแบกไม่ไหว ได้ดีที่บริษัท และดอกฯทั้งหลายที่ชอบคิด
นี่แหละยุคโลกาวินาศ (ธุรกิจทางการศึกษา )
ขอบคุณที่ท่านชี้แนะ ที่อ่านไม่คล่องมีแทบทุกโรงเรียน
ดีมากครับ ผมก็เป็นคนที่อ่านไม่ออกเท่าไร
ไม่รู้อะไรมาก เขียนบางที่ก็ไม่ถูก คิดที่จะไปเรียน กศน แต่ก็อาย
เพราะเอาแต่คิดว่า ถ้าเขาให้เขียนอะไรและทำไม่ใด้จะเป็นตัวทัว
แต่ผมก็ตั้งใจอ่านเขียนแต่ก็ไม่รู้มากเท่าไรเพราะไม่มีใครบอก
สวัสดีครับ
ที่บ้านผมสอนลูกอ่านหนังสือ จากป้ายโฆษณา ร้องเพลงที่ชอบจากคาราโอเกะ นำของใช้ในชีวิตประจำวัน แปลงเป็นตัวอักษร ให้เขียน ให้อ่าน เล่นเกมส์จากการเขียนรูป ฝึกบ่อย เกิดทักษะ ต่อไปก็เพิ่มคำไปเรื่อยๆ ครับ
สวัสดีคะ
ดีใจที่ได้พบครูภาษาไทยที่มีแนวทางเดียวกัน ดิฉันสอนแบบมปภ.ตั้งแต่ปี 41 จนปัจจุบัน ดีใจที่เห็นรอยยิ้มเด็กขณะเรียน
ขอบคุณค่ะที่ให้แนวทาง
ตอนนี้ หนูสอนเด็กที่อ่านไม่ออก 29 คน
ทดลองมา 1 เทอม มีคนที่อ่านได้และยังอ่านไม่ออกเหมือนเดิม 5 คน
หนูสอนแบบนี้แหละค่ะ ไม่เอาแล้วภาษาพาที ไม่เหมาะกับนักเรียนของหนู
ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะ เป็นความรู้และวิธีที่ดีมากถึงหนูจะเป็นครูรุ่นใหม่แต่ก็เห็นว่าวิธีของอาจารย์ดีมากและไม่ทราบว่าครูจะอนุญาตไหมถ้าหนูจะนำวิธีนี้ไปเผยแพร่ให้กับเพื่อนๆครูที่โรงเรียนค่ะ
ขอบคุณคะที่ให้แนวทาง เพราะไม่ได้จบเอกประถมโดยตรงมีปัญหาการสอนนักเรียนป.1มากขอนำวิธีของคุณครูไปใช้บ้างนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ตอนนี้กำลังสอนการอ่านหนังสือให้ลูกอยู่พอดี แต่เด็กเกิดอาการกลัวการอ่าน
สังเกตุจากตอนสอบได้คะแนนไม่ดี แต่อยู่บ้านชอบอ่านนิทานแม้จะอ่านไม่ค่อยคล่องก็ตาม ยังดีกว่าไม่ยอมอ่านเลย
ขอบคุณมากสำหรับแนวทางการสอน คิดว่าถ้าครูใช้วิธีนี้น่าจะช่วยให้เด็กที่อ่านไม่ออกหลายๆคน อ่านได้ค่ะ
ขอบคูณค่ะ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ลูกเรียนภาษาไทยไม่เข้าใจเลย(ป.2)
พอเจอครูก็ตอบว่าน้องไม่เข้าใจ (งงมากค่ะ)
ทั้งที่อยู่บ้านน้องอ่านได้ดีค่ะ
แต่พออยู่กับครูทำไมอ่านไม่ได้
พอดิฉันวิเคราะห์คือ(จากการถามเพื่อนลูก ตัวลูก)
คือให้เด็กจับกลุ่มอ่านกันเอง(ป.2)
และมาอ่านให้ครูฟัง(แต่เด้กคนอื่นอ่านได้ครูกล่าว)
ขอสรุป คือ ความใกล้ชิดกับเด็กไม่มี(ไม่เอาใจใส่)
เสียดัง(เพราะเด็กส่วนใหญ่จะกลัวครู)
เด็กยังตัดสินใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าถูกรึปล่าว
ครูไม่มองกลับไปที่ตัวเองว่าตนบกพร่องตรงไหน ได้แต่ให้พ่อ แม่ คอยดู
(ถ้าทั้ง2ฝ่ายไม่ช่วยกันเด็กจะทำได้ไง)
พอเด็กเศร้าก็หาว่าที่บ้านมีปัญหา ดิฉันงงจริงๆค่ะ
**อยากได้คำตอบ อาจารย์คิดว่ายังไงค่ะมันตรงหลักสูตรไหม ไม่เข้าใจค่ะ
สงสารเด็กค่ะเพราะน้องเรียนเอกชนมาก่อนเลยไม่รู้ระบบของรัฐบาล
ขอบคุณค่ะ
เป็นวิธีสอนที่ดีคะ
ตอนนี้ลูกเรียนอยู่ ป.1 และป.2 ยังอ่านและเขียนหนังสือไม่คล่อง อยากได้แบบเสริมทักษะไม่ทราบว่าจะติดต่อได้อย่างไร
ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับแนวการสอน
ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้งให้อาจารย์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา เย้ เพราะมีความคิดที่น่าสนใจและเป็นวาระแห่งชาติ ที่ รมต.ไม่เคยพูดถึงเลย พูดถึงแต่ แทบเละ หรือ ทุเรศ นั่นเอง