เฮ้! วันนี้ดีใจที่สุดเลย เพราะ อินเตอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยใช้งานได้แล้ว หลังจากที่ใช้งานไม่ได้เป็นเวลากว่าอาทิตย์มาแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเลยอึดอัดน่าดู เนื่องจากจะติดต่อใครก็ไม่ได้ (ไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะ จะติดต่อทางโทรศัพท์ก็ดันลืมเอามาจากกรุงเทพฯ จะติดต่อทาง Mail ก็ใช้งานไม่ได้) แต่ในความอึดอัดนั้นก็มีความสบายใจอยู่ด้วย เพราะ รู้สึกว่าไม่มีใครมารบกวน ไม่รับรู้อะไรบ้างก็ดีเหมือนกัน คนที่รู้อะไรไปหมดบางทีก็ไม่ดี เหมือนอย่างที่มีคนเคยบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ก็อย่างว่าอีกนั่นแหละค่ะ เครื่องมือในการสื่อสารพวกนี้ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ช่วยร่นให้ระยะทางที่ดูเหมือนไกลนั้นไกล้เข้ามา เหมือนอย่างการเขียน Blog นี่ไงคะ แม้ผู้วิจัยจะอยู่เกือบเหนือสุด แต่ทีมประสานงานอยู่เกือบใต้สุด ในขณะที่ทีมวิจัยอื่นๆก็อยู่กระจายตัวกันออกไป แต่ก็ทำให้เราทราบได้ว่าแต่ละทีมกำลังทำอะไรอยู่ รวมทั้งทำให้เราได้ความรู้ ได้เพื่อนใหม่จาก Blog ต่างๆด้วย
ตั้งใจเอาไว่ว่าวันนี้จะเล่าเรื่องสุดท้ายของการประชุมเครือข่ายประจำเดือนให้ฟังค่ะ นั่นก็คือ เรื่องของการขยายผล ความจริงแล้วเรื่องนี้มีจุดกำเนิดมาจากการที่ทีมวิจัยจัดการความรู้ของเราได้ทราบว่าทางทีมสงขลานั้นได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ซึ่งทางมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติได้รับการหนุนเสริมงบประมาณจากทาง สสส.อีกทีหนึ่เพื่อให้มาดูแลในเรื่องนโยบายสาธารณะ โดยทีมสงขลานั้นขณะนี้สามารถเคลื่อนงานได้ทั้งในส่วนของการขยายจำนวนสมาชิก และการเชื่อมประสานกับหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ ในตอนแรกทีมของเราก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งคุณสามารถได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการของมูลนิธิ ทางมูลนิธิมีความสนใจในเรื่องนี้จึงได้มีการติดต่อพูดคุยติดต่อกันมาระยะหนึ่ง คุณดวงพรนั้นได้มาร่วมประชุมกับคณะกรรมการเครือข่ายฯแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งจัดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มีผู้มาร่วมงานประมาณ 25 คน ในวันนั้นคุณดวงพรได้มาเล่าประสบการณ์การทำงานกับทีมสงขลา รวมทั้งถ่ายทอดการทำงานของทีมสงขลาด้วยบางส่วน ซึ่งทีมลำปางมีความสนใจมาก ก่อนกลับในช่วงตอนเย็นทีมลำปางได้พาคุณดวงพรลงไปดูพื้นที่ของกลุ่มแม่ทะป่าตันด้วย (เสียดายมากที่ผู้วิจัยไม่ได้ไปร่วมงาน เนื่องจากติดภารกิจที่มหาวิทยาลัย)
หลังจากนั้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2548 คุณสามารถในฐานะประธานเครือข่ายฯและผู้รับผิดชอบโครงการนี้ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อช่วยกันเขียนแผนเพื่อจะส่งโครงการเข้ารับการสนับสนุนจากมสช. โดยใช้สถานที่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง (เสียดายอีกครั้งค่ะที่ผู้วิจัยไม่ได้เข้าร่วมในงานนี้ด้วย เนื่องจากติดการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ให้กับชาวบ้านอยู่อีกห้องหนึ่ง) ภายหลังได้เห็นโครงการที่คุณสามารถเขียนขึ้นมา ได้มีโอกาสอ่านอย่างคร่าวๆแต่ก็ไม่ได้เสนอความคิดเห็นอะไรออกไป เพราะ คิดว่ายังไงก็คงจะมีการปรับอีก
ในวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ทางมสช.ก็ได้เชิญผู้วิจัยและคุณสามารถ รวมทั้งพ่อชบ ยอดแก้วและ อาจารย์สุกัญญา (ทีมสงขลา) ให้ลงไปพูดคุยกันที่มูลนิธิฯ เริ่มคุยกันประมาณ 11.00น. จบการสนทนาเวลาประมาณ 14.30 น. (เนื่องจากเวลาน้อยระหว่างรับประมาณอาหารกลางวันก็คุยกันไปด้วย) บรรยากาศของการพูดคุยเป็นไปอย่างกันเอง เราได้รับความรู้หลายอย่างจากทีมสงขลา อาจารย์สุกัญญาเตรียมข้อมูลมานำเสนอได้ดีมาก สั้น กระชับ เข้าใจง่าย สิ่งหนึ่งที่ผู้วิจัยได้จากการประชุมก็คือ เราคงต้องหารูปแบบการบริหารจัดกหารที่เหมาะสมกับเรา จะเลียนแบบทีมสงขลาไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีเงื่อนไขหลายอย่างที่แตกต่างกันมาก เช่น ที่สงขลาคนไม่ค่อยตาย ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายเงินสวัสดิการการตาย ในขณะที่ลำปางคนตายมาก เฉลี่ยในแต่ละเดือนจะมีคน 1,000 คนจะตาย 1 คน (จากสถิติที่เครือข่ายฯเก็บข้อมูลมา) เป็นต้น ดังนั้น ลำปางคงต้องหาทางแก้ไขในส่วนนี้ว่าถ้าหากเงินสวัสดิการ 50% ไม่พอสำหรับการจ่ายสวัสดิการเราจะทำอย่างไรกันต่อไป เพราะฉะนั้นตอนนี้เครือข่ายฯต้องพยายามทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบันที่สุด
ข้อสรุปที่ได้จากการพูดคุย คือ คุณดวงพรเสนอแนะว่าก่อนที่ลำปางจะทำนโยบายสาธารณะในเรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชน อยากให้มีช่วงเวลาของการเตรียมการก่อน โดยทางมสช.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด พวกเราจึงมาช่วยกันนั่งคิดว่าจะเตรียมการอย่างไร ในที่สุดก็สรุปได้ว่าใน 3 เดือนแรก คือ มกราคม-มีนาคม 2549 จะเป็นช่วงเตรียมการ โดยเดือนมกราคมขอให้เป็นการค้นหาแกนนำของลำปางก่อน หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์แกนนำจะต้องไปศึกษาดูงานที่สงขลา (ในเดือนกุมภาพันธ์ สงขลาจะจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้พอดี) ส่วนเดือนมีนาคมจะเป็นส่วนของการจุดประกายไปยังหน่วยงานสนับสนุน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการนำองค์กรชุมชน หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาควิชาการ มาคุยกันในเรื่องนี้
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้แล้ว ผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้มาเขียนโครงการเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอมาให้ทางมสช.พิจารณา อ้อ! เกือบลืมไป ในการสนทนาครั้งนี้ คุณดวงพรได้บอกตอนหนึ่งว่า ทางมสช.ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชน ประกอบกับการทำงานของมสช.ที่ผ่านมาจากการประเมินผลงานต่างๆพบว่า ถ้าหากชุมชนทำงานแล้วให้นักวิจัยประกบเพื่อประเมินงานจะออกมาดี และมีประโยชน์มาก (คงเหมือนกับที่มีคนเคยบอกว่าชุมชนปฏิบัติเป็นแต่เขียนไม่เป็น ในขณะที่นักวิชาการเขียนเป็น มีความรู้ มีแนวคิดทฤษฎีเต็มไปหมด แต่ปฏิบัติไม่เป็น ถ้าสองส่วนนี้ประสานกันได้ และทำงานอย่างเกื้อกูลกัน งานก็จะออกมาดี) ดังนั้น ทางมูลนิธิจึงตั้งเงื่อนไขขึ้นมาว่าถ้าหากจะให้การสนับสนุนทีมลำปางจะต้อง
1.พ่อชบ ต้องรับเป็นที่ปรึกษาโครงการ
2.ต้องลงไปศึกษาดูงานที่สงขลา
3.ต้องมีนักวิชาการทำงานกับชุมชน
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วผู้วิจัยได้นัดหมายกับคุณจักรกฤษณ์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบว่าจะส่งโครงการมาให้ดูภายใน 1-2 อาทิตย์นี้ ดังนั้น หลังจากกลับจากการพูดคุยผู้วิจัยจึงเริ่มเขียนโครงการทันที หลังจากนั้นจึงนำโครงการไปนำเรียนให้ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ท่านเจริญสุข ชุมศรี) และท่านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำปาง (ท่านปิ่นชาย ปิ่นแก้ว) ทราบ ทั้งสองท่านเห็นดีด้วยกับโครงการนี้และรับเป็นที่ปรึกษาโครงการให้ค่ะ
)
ไม่มีความเห็น