...เมื่อฟ้าจรดทราย...


 

                  ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล

 

          ตอนที่น้องสาวดิฉันชวนไปดูละครเพลงเรื่อง "ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล"  ด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนออกนอกหน้านั้น   ดิฉันรู้สึกขำแกมเอ็นดูเธอ   น้องสาวคนนี้อายุไม่ไกลกับดิฉันนัก แต่โลกของเธอช่างสดใส และมองเห็นบรรยากาศและความสนุกสนานในทุกที่

         ดิฉันตอบตกลงเพราะอยากฟังเพลง และอยากรู้ว่าเขาจะแต่งเพลงสื่อความเล่าเรื่องอันโรแมนติกยืดยาวได้อย่างไร    ในขณะที่น้องกุลีกุจอจองตั๋วชมละครออนไลน์  ออกตังค์ล่วงหน้าให้ หาข้อมูลเกี่ยวกับละครสุดชีวิต    จะถามดิฉันก็ไม่ใคร่ได้เรื่องอะไร  เพราะได้อ่านนิยายของคุณโสภาค สุวรรณ เรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว  ภาษาที่ใช้นั้น “หวาน” มาก   แต่ถ้าให้ดิฉันอ่านเรื่องแนวๆนี้อีกก็คงไม่รู้สึกอะไรเท่าสมัยสาวๆ

         หรืออีกทีก็คงเป็นเพราะดิฉันออกจะแก่ไปสำหรับเรื่องโรแมนติก...    ว่าเข้าไปนั่น  : )

          ตอนที่ไปถึงโรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์   ซึ่งดูอลังการสมเป็น “โรงละคร”   ดิฉันค่อนข้างจะถูกใจการตกแต่งสถานที่ที่ใช้ไฟหรี่ต่ำ โดยใช้สีดำเข้มแดงก่ำเป็นพื้น    ดูตัดกันฉึบฉับดี   รอบค่ำวันที่ดิฉันกับน้องไปดูนั้น   มีผู้ชมมากเป็นพิเศษ  ดิฉันคิดเพียงว่าเดี๋ยวเข้าไปข้างในจะได้หลับสบาย เพราะคนดูคงเงียบกริบ  ตามแบบฉบับของละครเวที

          ตอนนั่งรอที่แถวหลังสุดบนสุด  (ทำเลดีจริงๆ)   ดิฉันก็เตรียมพร้อมที่จะหลับ เพราะแอร์เย็นกำลังดี  เราต้องรอเวลาก่อนละครองก์แรกจะ เริ่มขึ้น    น้องอยากเข้าห้องน้ำ  ดิฉันบอกเธอให้รีบไปเพราะคิดว่าน่าจะทัน     น้องคล้อยหลังออกไปแป๊บเดียว ละครก็เปิดตัวด้วยระบำอาหรับที่เร้าใจ  แม้ฉากจะไม่ถึงกับอลังการมากนัก  แต่เพลงและดนตรีก็เร้าใจให้จับตาอยู่ที่ผู้แสดง 

           ดิฉันกระวนกระวายเพราะเสียดายแทนน้องที่มาไม่ทัน  หันไปที่ทางเข้าก็เห็นเขากันคนที่มาช้าให้ยืนรอให้จบองก์แรกก่อน จึงจะเข้าที่นั่งได้  นึกชอบใจวิธีคิดฝรั่งอยู่บ้าง  ขนาดดูละครเวทียังต้องเคารพขนบ มีวินัย  หาไม่แล้วที่ผู้แสดงเพียรซ้อมกันมานับร้อยเที่ยว   ก็จะจบลงที่การได้นั่งชมคนดูด้วยกันเดินสวนสนามกันไปมา แบบไม่ได้ซ้อม 

           และนับแต่นาทีนั้น  ดิฉันก็หลับไม่ลงอีกต่อไป 
 
          เพราะได้เห็นการทำงานเป็นทีมแบบมืออาชีพ   เพราะได้ตั้งใจฟังเพลงที่ผู้แต่งพยายามสื่อความหมาย    เพราะวง orchestra ที่บรรเลงประสานกันอย่างไพเราะลงตัว    นักแสดงนำทุกคนร้องเพลงได้ไพเราะนัก     เพลง Hilfarah ฟังแล้วเข้ากับบรรยากาศ  โดยเฉพาะท่อนที่คุณนัทร้องจับใจมาก  

           ดิฉันเพิ่งนึกได้ว่า ละครเพลงเรื่อง The Phantom of the Opera ที่ดิฉันชอบมากนั้น นางเอกเป็นคนฝรั่งเศสเหมือนกัน    กำพร้าเหมือนกันอีกต่างหาก 
 
           การถ่ายทอดวิญญาณตัวละคร  ทำให้ดิฉันยอมรับได้ว่าละครเวทีเป็นโลกการแสดงสด  ไม่ใช่นวนิยายที่เรียงร้อยตัวอักษรเปิดให้จินตนาการโลดแล่นไปตามใจคนอ่านอย่างเสรี  ดิฉันเรียนรู้ที่จะไม่คาดหวังความสมจริงจากเวทีสมมุติ… 

          คุณมอสจึงเป็นชารีฟราชองครักษ์ที่ดิฉันรับได้   แม้จะไม่มีหนวดเคราอย่างในนิยาย และดูมี  “บารมี” น้อยไปนิด  แต่บทบาทคุณมอสก็โดดเด่นสมเป็นพระเอก  คุณนัท มีเรีย  เป็นมิเชลอย่างที่มิเชลเป็น  ดิฉันไม่รู้สึกตั้งคำถามกับตัวละครตัวนี้เลย  ชื่นชมเสียงร้องเพลงและบทบาทการแสดงของคุณนัท   คุณศรัญญูก็เป็นองค์อาเหม็ดที่ดูเด็ดขาดแต่เปี่ยมคุณธรรม  เป็นราชาผู้อารีได้ไม่เคอะเขิน    คุณญาญ่าหญิงในบทของนางร้าย “แคชฟียา” นั้นเห็นชัดว่า “แรง”ดี  แม้จะออกมาเพียงช่วงสั้น   เสียงร้องเพลงของเธอมีพลังเข้มข้น  คุณวิทย์ AF1ก็เป็น “โอมาน” น้องชายกษัตริย์ได้โหดดี 

          ติดใจอยู่นิดเดียวตรงท่าเต้นฉากหนึ่งที่แสดงถึงความสำเร็จในการชิงบัลลังก์จากพี่ชาย  ที่ดูอย่างไรก็เป็นท่าแด๊นซ์เพลงป๊อบ  เลยลดดีกรีความโหดลงมาเยอะ  ผู้ร้ายเลยดูไม่ร้ายเท่าที่คิดว่าน่าจะร้ายได้
   
          ฉากเคลื่อนที่ออกแบบได้อย่างน่าสนใจ  มีเครื่องบินให้ดูด้วย  ดิฉันชอบทางเดินเลื่อนบนเวทีที่ดูเนียนไปกับเวที  ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังเดินทางไกลได้อารมณ์มาก    ความต่อเนื่องของแต่ละฉากแทบจะไม่สะดุดเลย

           และฉากที่ติดตาที่สุดคือฉากฝนดวงดาวที่สวยงามมาก  ดาวระยิบระยับบนฟ้าว่าสวยแล้ว  ฝนดาวตกพร่างพราวชวนให้อธิษฐานด้วยยิ่งสวยใหญ่    ดิฉันก็เผลอใจอธิษฐานไปตามนางเอกเหมือนกัน
 
          และสิ่งสำคัญที่สุดคือการเล่าเรื่องด้วยเพลง  ซึ่งดิฉันรู้สึกชื่นชมนัก   ลำพังขมวดไดอะล็อกให้เป็นบทละครเพียงสองชั่วโมงกว่าๆก็สาหัสอยู่แล้ว  (โดยเฉพาะภาษาสวยๆของคุณโสภาค  สุวรรณ)

           แต่การขมวดความทั้งเรื่องให้ลงในเพลงที่ต่อเนื่องเรื่องเล่าร้อยเรียงกันอย่างราบรื่นนี้  ดิฉันคิดว่าคนทำเพลงอาจนอนไม่หลับเป็นเดือน

           ตลอดทั้งเรื่องที่ตาดิฉันจ้องเป๋งไปที่เวที  แม้ที่นั่งของเราไกลจากเวทีมากจนยากที่จะเห็นสีหน้าผู้แสดงอย่างชัดเจน  แต่บทบาท เพลง และการแสดงที่สอดประสานกันอย่างดี ทำให้รับรู้และเกิดอารมณ์ร่วมได้อย่างงดงาม

           ดิฉันรู้สึกเหมือนได้ย้อนคืนไปในวันเก่า    วันที่เคยเรียนรู้ชีวิตด้วยการไปนั่งดูหนังคนเดียว    ช่วงเวลาที่มี “เราคนเดียว”  กับคนทุกคน ท่ามกลางความมืดมิดนั้น  เราก็ไม่ใช่เราอีกต่อไป  และเมื่อไฟสว่าง.....เราก็อาจเปลี่ยนไปเป็นอีกคน   เพราะได้ก้าวผ่านชีวิตจำลองของใครบางคนที่เราไม่รู้จัก  แต่ทำให้เราตระหนักได้ถึงมุมมองที่แตกต่างของหลายชีวิต

          สื่อบันเทิงมิได้ไร้สาระเสมอไป....   สำหรับดิฉัน  สื่อบันเทิงที่ผ่านการประกอบสร้างอย่างตั้งใจ  จำลองอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก  และจินตนาการของมนุษย์ อย่างประณีต    นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว    ยังจรรโลงใจ  ทำให้จิตใจละเอียดอ่อน เห็นมุมมองของชีวิตอย่างประณีตละเมียดละไมลึกซึ้งขึ้น  ก็คุ้มค่าที่จะเข้าชม
    
            ละครเรื่องนี้คุ้มค่าที่จะเข้าไปนั่งซาบซึ้งโรแมนติกน้ำตาไหลอยู่เป็นระยะได้ร่วมสามชั่วโมง    ตอนที่ผู้ชมต่างกำลังปรบมือให้ผู้แสดงเมื่อละครจบ    ดิฉันแอบหยิบทิชชูขึ้นมาจะซับน้ำตา (ตอนกำลังดูรู้สึกอายไม่กล้าเช็ดให้ใครเห็น)   บังเอิญเหลือบตาไปเห็นสุภาพสตรีที่นั่งติดกันกำลังคลี่ผ้าเช็ดหน้าซับหางตา.....    
           เหลือบตาไกลไปอีกนิด...    สุภาพบุรุษอีกท่านก็ทำแบบเดียวกัน 

        ....เป็นอารมณ์ซาบซึ้งร่วมกันตอนจบของ     “ฟ้าจรดทราย  เดอะมิวสิคัล”   ........ที่ไม่แบ่งแยกเพศและวัยอีกต่อไป.....

 

 

 

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------

หมายเหตุนิดนะคะ

            เนื่องจากเพื่อนแวะมาอ่านและท้วงว่าดิฉันมีน้องชายคนเดียวมิใช่หรือ    ดิฉันจึงขอเรียนเพิ่มเติมว่า "น้องสาว" ที่เล่าถึงข้างต้น เป็นน้องร่วมภาควิชาเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเกือบสิบปีแล้ว     ดิฉันจึงไม่รู้สึกว่าเธอเป็นใครอื่นนอกจากเป็น "น้องสาว" จริงๆ    
            ....ที่เล่าไปข้างต้นจึงไม่ถือเป็นการให้การเท็จแต่ประการใด.... : )

 

คำสำคัญ (Tags): #สิ่งเล็กๆน้อย
หมายเลขบันทึก: 106014เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2007 01:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (51)

สวัสดีครับพี่แอมป์

   ฟ้าจรดทราย...สายน้ำจรดสายรุ้ง...ทุ่งนาจรดยอดเขา...ลำเนาไพรจรดปลายถนนลูกรัง.....

สบายดีไหมครับ เข้ามาทักทายพร้อมรับฟังเรื่องเล่าดีๆ ผมไม่เคยได้ดูละครเวทีมานานแสนนานครับ เคยดูกลางแจ้งในเยอรมัน สนุกมากๆ เลยครับ เรื่อง Student Prince เค้าแสดงช่วงหน้าร้อน ในปราสาทที่เก่าแก่ ตอนจบนะครับคนปรบมือให้ประมาณสามนาทีครับ....

ขอบคุณมากครับ

 

  • แหมอาจารย์อธิบายซะเห็นภาพเลยครับ
  • ละครดีก็มีพลังให้คนทำดีได้เช่นกันครับ
  • เอ่อ ผมมีคำถามมาถามอาจารย์สองคำถามครับ
  • คำถามแรก ตอนฝนดาวตก อาจารย์อธิษฐานว่ายังไงครับ (ขอให้โลกสงบสุข?)
  • และคำถามสุดท้าย  หลังจากเข้าห้องน้ำแล้วน้องสาวอาจารย์ได้เข้ามาดูไหมครับ อิอิ

สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะ อ.ดอกไม้ทะเล

โอ้โห..ทันสมัยจริงๆ ^ ^

ดิฉันก็มีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ที่คล้ายๆ กับน้องสาวอาจารย์ มาถามดิฉันว่าดูเรื่องนี้หรือยัง ต้องไปดูนะ (เขาพาพ่อแม่เขาไปดูมา) เขาบอกดิฉันว่า "เดี๋ยวเชย..." 5555

เริ่มรู้สึกเชยจริงๆ แล้วสิ โรงละครที่ว่าอยู่ตรงไหนยังไม่รู้เลย..555 

แต่อย่างน้อยก็ได้ฟังการบรรยายจากผู้ชมที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วด้วย...นับว่าได้ประสบการณ์เหมือนกัน รู้สึกเชยลดลงหน่อย อิอิ

ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะคะ  ^ ^

สวัสดีครับ ไม่ได้แวะมาทักทายพอควรเลย เพิ่งเข้า G2Kได้ครับ

บรรยายบรรยากาศได้อรรถรสสมจริงมากเลยครับ

วิพากย์บทละคร คล้ายมีคู่เทียบตัวอย่าง ทำให้ได้เข้าใจถึงตัวละครได้ดีเลยครับ

ท่านผู้ชมทางบ้าน ผมว่าเราได้นักวิพากย์หนังละคร(ไม่ใช่วิจารณ์หนังละคร)แล้วครับ

คุณตาหยู กะ ท่านผู้ชมทางบ้านโปรดทราบ..

อ.ดอกไม้ทะเล ท่านมีความสามารถหลากหลาย

ภาษาวัยรุ่นเค้าเรียกว่า คนอินเทรนด์ ตามสมัย :)

(สมกับเป็น อาจารย์รุ่นใหม่เชียวค่ะ)

ปล.ขึ้นมาอบรมมารยาท เอ้ย..อบรมคอมพ์ฯที่เกี่ยวกับงานคงต้องรีบกลับหน้าจอที่อบรมแล้วค่ะ ..

มาจอนี้นานนาน เด๋วซาบชึ้ง..อาจจะถูกดุจนน้ำตาเล็ดได้!!

สวัสดีค่ะ น้องเม้ง

  • เม้งนี่ความคิดสร้างสรรค์สูงนะคะ     คำๆเดียวเม้งกระจายออกได้เป็นสิบ    แถมมีลักษณะร่วมเชื่อมโยงกันได้อีกต่างหาก    เพราะคิดเพลินไปอย่างนี้รึปล่าวคะ    ถึงได้มีโอกาสรับประทานไข่ปิ้งโดยไม่ได้เจตนา     อิอิ   : )
  • ของพี่แอมป์เพิ่งได้ดูละครเวที(สไตล์ฝรั่ง)ที่ต้องจ่ายตังค์ดูก็หนนี้แหละค่ะ     ประทับใจความตั้งใจของนักแสดง   คนดูปรบมือหลายรอบอยู่เหมือนกัน (ประมาณสี่นาทีเศษ : )  
  • สงสัยอีกแล้วอะค่ะ    วัฒนธรรมชมหนังและละครของไทย  ก่อนเริ่มแสดงจะเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อน   ของเยอรมันมีคล้ายๆแบบนี้ไหมคะ? (เอ่อ..คือถ้านานจนลืมไปแล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ)

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

ฟ้าจรดทราย เป็นนิยายที่เบิร์ดเคยอ่านสมัยโรมันติกโครมันยอง ( ศัพท์ใครคะ คุ้นๆมั้ย ^ ^ )...และตอนนี้ก็อ่านไม่ได้อีกเลยเหมือนกันค่ะเพราะหวานมาก หวานเกินพิกัด แหะ แหะ...หรือว่าอายุเยอะแล้วความจริงมันบดบังความฝันคะพี่แอมป์

ตอนที่ได้ยินชื่อละครเรื่องนี้ เบิร์ดเชื่อว่าละครของคุณบอย น่าจะดีเพราะชื่อก็การันตีได้ระดับหนึ่ง ( เหมือนแบรนด์ๆหนึ่งเลยนะคะ ^ ^ )...แต่พออ่านบันทึกพี่แอมป์เลยยิ่งอยากฟังเพลงเข้าไปใหญ่ เอ๊ะ ! ผิดวัตถุประสงค์ เอาใหม่ค่ะ เลยอยากดูเหมือนกัน ไม่ทราบจะมีซีดีมั้ยคะ เพราะเบิร์ดชอบละครเพลงมากกว่าละครเจ๊าะแจ๊ะในทีวี อิ อิ

ขอบคุณมากค่ะที่พาไปกินบรรยากาศในการชมละครโดยนักวิพากษ์ละครที่เก่งเหลือเกิน...ขอบคุณมากๆค่ะ

 

สวัสดีค่ะ คุณธรรมาวุธ

  • ไม่ได้เจอกันนาน  สบายดีนะคะ  วันก่อนอ่านความเห็นคุณในบันทึกบะหมี่ของเบิร์ดดิฉันก็นั่งหัวเราะอยู่พักใหญ่  เจ้าคารมเทียวนะคะ....
  • แหมชอบคำนี้จัง   "ละครดีก็มีพลังให้คนทำดี"   สรุปเข้าประเด็นตรงใจได้ครบในประโยคเดียวเลยค่ะ
  • อนึ่ง....ขอบคุณที่เป็นห่วงน้องสาวดิฉันนะคะ   : )   หลังจากหมดชุดระบำอาหรับชุดแรก  เขาก็ให้คนที่มาทีหลังวิ่งจู๊ดเข้าที่นั่งอย่างรวดเร็ว  น้องสาวดิฉันก็เลยได้นั่งชมละครตั้งแต่(เกือบ)ต้นจนจบค่ะ 
  • เอ่อ.... นี่ใจคอคุณธรรมาวุธจะไม่ให้ดิฉันมีความลับกับเขาบ้างเลยหรือคะ      อิอิ   ถ้าคำอธิษฐานเป็นจริง  ดิฉันจะประชาสัมพันธ์สนั่นหวั่นไหวไปทุกเว็บบอร์ดเลยอะค่ะ   : )
  • สวัสดีครับ
  • แวะมาทักทายและซึมซับเรื่องราวอันประทับใจจากบันทึกที่ฉาบแต่งด้วยการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย แต่งดงาม
  • ละครเวทีฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ดูโหมโรงประโคมข่าวอันใหญ่โตมาตั้งแต่ต้น  แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงการแสดงจริง ก็ล้วนได้รับคำชื่นชมสมดังที่โฆษณาไว้
  • ผมไม่เคยได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้   แต่ก็รับรู้มาโดยตลอดว่าความหวานนั้นไม่ด้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ  และด้วยบรรยากาศของเรื่องในแนวนี้จึงดูเหมาะสมยิ่งนักต่อการนำมาทำเป็นละครเพลง
  • การดูละครเวที  ฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดียิ่ง  ฝึกแม้กระทั่งวัฒนธรรมการนั่งชม,  ชื่นชม  ...
  • ผมคุ้นเคยแต่ละครเวทีของนิสิต  ยังไม่มีโอกาสได้ดูละครในลักษณะเช่นนี้เลย
  • .....
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ อาจารย์กมลวัลย์  : )

  • อิอิ ก่อนค่ะอาจารย์   ดิฉันก็ไม่รู้เลยว่าโรงละครอยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ   ถ้าไม่เพราะน้องสาว  ดิฉันก็คงไม่ได้ดู    รู้แต่ว่าอยู่ที่ศุนย์การค้าเอสพลานาด  ซึ่งอยู่ตรงไหนดิฉันก็หารู้ไม่อีกเหมือนกัน  ...บ้านนอกเข้ากรุงของแท้เลยค่ะ  
  • เท่าที่จำได้  รู้สึกจะอยู่แถวรัชดาอะค่ะ
  • ดิฉันจ่ายค่าชมละครเรื่องนี้สูงที่สุดตั้งแต่จ่ายเพื่อการบันเทิงมา    แต่ไปดูแล้วดิฉันก็ไม่รู้สึกเสียดายพันห้าร้อยเลยแม้แต่นิดเดียว 
  • คงเป็นเพราะได้เห็น "การทำงานเป็นทีมอย่างตั้งใจจริง"มังคะ   ดิฉันเห็นแล้วก็ประทับใจจังเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณตาหยู  : )

  • คุณตาหยูเพิ่งเข้า G2K  ได้หรอกหรือคะ  ดิฉันก็ว่าไม่ใคร่เห็นบันทึก  คิดว่าเปิดเทอมคงยุ่งเสียอีก 
  • ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะคะ  ดิฉันเขียนเล่าไปตามใจตัวมากเลย  ต้องเรียนท่านผู้ชมทางบ้านว่าไม่ได้เจตนาจะวิพากษ์ดอกค่ะ   : )     ที่เขียนก็ออกแนวชมน่าดู   แต่ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  
  • เขาทำงานเป็นทีมและฝึกซ้อมกันมาอย่างดีทีเดียวค่ะ  เพลงก็ไพเราะสมเป็นละครเพลง   และอาจเป็นเพราะดิฉันไม่ได้คาดหวังอะไรไปก่อนดูก็ได้  พอได้ดูก็เลยรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย
  • จึงไม่เสียดายพันห้าร้อยอย่างที่เล่าไปข้างต้นอะค่ะ

สวัสดีครับพี่แอมป์

  • อิๆๆๆ แบบว่าวันนี้เกือบเผาบ้านไปอีกแล้ว ฮาๆๆๆ แต่เพราะว่าจินตนาการไม่ยาวนักเลยระลึกชาติได้เสียก่อนครับ ว่ามีสังหรณ์ใจครับ
  • ที่เยอรมันหรือครับ ก่อนจะแสดงละครเวทีหรือครับ ที่นี่แบบว่าไม่มีกษัตริย์แล้วครับ มีเป็นเพลงบรรเลงอะไรก่อนบ้าง แล้วแต่รูปแบบนะครับ
  • แต่ในเรื่อง Student Prince นี่แบบว่าสนุกคับ เพราะใช้พื้นที่ของปราสาทเก่าๆ เป็นฉากและวิ่งขึ้นลงได้ด้วยครับ นักแสดงโผล่ตรงนั้นที ตรงนี้ที อิๆๆๆ เรื่องนี้เกี่ยวกับ เจ้าชายที่อังกฤษมาเรียนที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก แล้วดันมาหลังรักสาวที่เยอรมันเข้า I have lost my heart in Heidelberg. ฉันทำหัวใจฉันหล่นหายไว้ที่ไฮเดลแบร์ก มีช่วงหนึ่งที่ทางพระราชาคิดถึงเจ้าชาย ก็เลยวางแผนจะให้เจ้าชายกลับไปแต่งงานที่อังกฤษ และแกล้งป่วยด้วยครับ กลัวว่าเจ้าชายจะไม่กลับ เพราะข่าวทราบถึงหูพระราชาว่ามาหลงรักสาวอยู่ไม่ยอมกลับไทยซะที อุ้ยไม่ยอมกลับอังกฤษซะที ในที่สุดก็เจ้าชายกลับไป แต่หัวใจเจ้าชายคิดถึงสาวคนนั้นจริงๆ เลยหนีมาที่นี่มาหาหัวใจที่ทำหล่นไว้ในไฮเดลแบร์กครับ.....
  • เดือนหน้าจะมีเรื่องนี้อีกรอบครับ...แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปดูไหมครับ.... หากไปจะตบมือซักห้านาทีครับ จะได้นานกว่าของพี่แอมป์ ซัก 1/100 วินาทีก็พอ อิๆๆ
  • ขอบกุนกั๊บ.....

สวัสดีจ๊ะ Nong Mam  : )

  • เข้าขั้นอินเทรนด์เลยเหรอคะ    : )  ครูเป็นแค่ผู้ติดตาม  ส่วน อ.โต เป็นต้นคิดตัวจริงค่ะ  เพื่อพี่มอส  เราทำได้   แต่ดูแล้วก็คุ้มนะคะ  ครูคิดถึงเด็กนิเทศมากเลย  อยากให้มีโอกาสดูจัง   จะได้เห็นการทำงานเป็นทีม   ทั้งทีมเป็นใจเดียว 
  • ขอบคุณ Nong Mam ที่ให้กำลังใจนะคะ  แต่ของครูคงไม่ถึงขั้นความสามารถหลากหลายมังคะ     เพราะขับรถยนตร์ได้  แต่ขี่มอไซค์ไม่เป็นจนบัดนี้
  • สงสัยต้องรอซ้อนท้ายเขาอย่างเดียวอะค่ะ : )
  • รักษาสุขภาพและมีความสุขในการทำงานนะคะ

ผมเคยอ่านนิยานเรื่องนี้สมัยเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม. ๖ นานโขเลยครับ ชอบมาก ได้อารมณ์ (ตามอารมณ์วัยรุ่นน่ะครับ) จนเกือบลืมไปแล้วว่ามีนิยายเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำ

อิจฉาคนที่อยู่กรุงเทพเรื่องเดียว ก็คือการมีโอกาสได้ชมสิ่งดีๆอย่างนี้ครับ

ขอบคุณครับ สำหรับการช่วยรื้อฟื้นความทรงจำ

สวัสดีจ๊ะ เบิร์ด

  •  คุ้นๆมากเลยนะเบิร์ด  "โรแมนติกโครมันยอง"เนี่ย   ดูเป็นญาติๆกับ   "แฮปปี้นีแอนเดอธัล"   ยังไงก็ไม่รู้ละ      อิอิ 
  • พี่รู้สึกว่าพอเราเลยวัยรุ่นไปนานๆ  อะไรที่เคยรู้สึกว่าหวานจับใจตอนวัยรุ่น    ก็กลายเป็นหวานเกินจำเป็นตอนแก่  เอ๊ยตอนโต   
  • คงเป็นเพราะเราโตขึ้น   จินตนาการของเรา จึงเข้าใกล้ความเป็นจริงมากกว่าเดิม  
  • เรารู้ว่าความจริง....หวานไม่เท่าความฝัน    เพราะเราลิ้มชิมรสมาแล้ว   ฮิฮิ 
  • เพลงละครเรื่องนี้พี่ว่าเพราะมากในระดับนึงเลยนะจ๊ะ  คือไพเราะตามลีลา  ตามสไตล์คนแต่งเพลงร่วมสมัย   
  • พี่เลยนึกไปถึงในยุคเพลงนี้ 
               "ข้าแต่คงคา....จุฬาฮื้อฮือตรีคูณ  
               ดวงใจข้าอาดูร  หนักเอย 
               ความงามวิไลข้ามิได้ปรารถนา 
               ข้าชังฮื้อฮือนักหนา  เจ้าเอย..ฯ.."
    สมัยนั้นเนื้อเพลงจะประณีตนุ่มนวล   ใช้ศัพท์ หลากคำ  สานสอดร้อยคล้องจอง เป็นจังหวะทำนองละเมียดละไมนัก   พี่รู้สึกว่าครูเพลงท่าน"ตรองทุกคำ"  ก่อนจะถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงรักหวานซึ้ง   แล้วก็ยังคงความเป็นอมตะอยู่จนทุกวันนี้ 
  • เพลงในยุคหลัง  การหลากคำ(คือความหมายเดียวกัน แต่เลือกใช้ศัพท์ได้หลายคำ จะระดับเดียวกัน หรือต่างระดับก็ได้) จะน้อยลง    โดยมากจะใช้คำตรงๆ   และลดความสัมผัสคล้องจองลง ทำให้รู้สึกว่า ภาษาเพลงปัจจุบัน  เกือบจะคล้ายกับการนำภาษาพูดมาใส่ทำนองและจังหวะ แล้วเล่นดนตรีประกอบภาษาถ้อยคำ    
  • เบิร์ดจ๋าช่วยฉุดทีเดี๋ยวพี่ปลิวออกนอกโรงละคร : ) 
  • เอ่อ...พี่แอมป์ว่าที่เล่าเรื่องมาข้างต้น  ยังไม่ถึงกับวิพากษ์อะค่ะ  แค่เล่าความรู้สึกเบื้องต้นว่าประทับใจจนออกนอกหน้าเท่านั้น  อิอิ
  • ละครเพลงเรื่องนี้มีสินค้าที่ระลึกหน้าตาหน้าคบขายหน้าโรงละครเต็มพิกัดด้วย  และแน่นอน....   รวมทั้งซีดีเพลงด้วยจ๊ะ 
  • ปล.ขออภัยที่ตอบอย่างยาวนะคะ  พอดีตอนตอบเบิร์ดเน็ตช้ามาก   ทำท่าจะหลุดอยู่หลายที   เลยกะว่าจะรอให้เน็ตเร็วอีกนิด  เลยพิมพ์ไปเรื่อยๆ
  • เรื่อยๆจนจะได้เป็นอีกบันทึกเช่นเคยอะค่ะ....  : )

สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน : )

  • ดิฉันก็ดูละครเวทีของนักศึกษามาทุกรอบเหมือนกันค่ะ    เด็กๆทุ่มทุนสร้างกันสุดชีวิต  ดิฉันเห็น "ความมีชีวิต" ในงานละครเวทีแล้วก็เลยทิ้งเขาไปไม่ได้  ทั้งที่ง่วงแสนง่วง ต้องนั่งดูกันจนดึกดื่นเที่ยงคืนทุกปีไป    นึกแล้วก็ชื่นใจดี  
  • คุณแผ่นดินดูทุ่มเทกับกิจกรรมนักศึกษามากนะคะ    จะว่าไปแล้ว คุณใกล้ชิดกับเด็กๆมากกว่าดิฉันเยอะ   เด็กทำงานองค์การนี่แหละ จะได้คุณค่าจากการทำกิจกรรมแบบครบวงจร  ดิฉันชอบมากเลยเวลาสอนเด็กองค์การ  รู้สึกว่าเขาเข้าใจ "เร็ว" มาก  และรู้เท่าทันการสื่อสารของดิฉัน  โดยไม่ต้องถามซ้ำว่า  "ตะกี้จารย์สั่งว่าไรนะฮะ..."    : )
  • ดิฉันขออภัยที่ไม่ได้เล่าเรื่องย่อของ "ฟ้าจรดทราย" นะคะ   พรุ่งจะเพิ่มไว้สักนิด  จะได้ครบความ 
  • ละครเวทีสร้างสมาธิได้จริงๆค่ะ    อยากให้เด็กๆลองฝึกวัฒนธรรมแบบนี้ดูบ้างจัง  บางทีเขาอาจได้สัมผัสคุณค่าของละครที่ลึกซึ้งขึ้น
  • ขอบคุณที่แวะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

สวัสดีอีกทีค่ะ น้องเม้ง    : )

  • อูย...มีเรื่องตื่นเต้นอีกแล้วเหรอคะ   ระวังอีกนิดก็ดีนะคะ      โชคดีนะคะที่เม้งระลึกชาติได้ซะก่อน  ....ระลึกไปได้กี่ชาติแล้วล่ะคะ  อิอิ 
  • โอ...ชอบจัง  โรงละครปราสาทแบบสมจริง  น่าเล่นเรื่อง ปราสาทระทึกขวัญ   เพราะมีโผล่ตรงโน้นที  ตรงนี้ที  เร้าใจดีอะ  
  • ละครที่เม้งเล่าให้ฟังน่าสนุกเนอะ  โรแมนติกโครมันยองดี  คาดว่าตอนจบคงแฮปปี้เอ็นดิ้ง  ...and they live happily ever after.. กระมังคะ
  • เดือนหน้าถ้าเม้งไปดูจริงๆ    พี่แอมป์ฝากตบมือเผื่อด้วยละกัน  เอาเป็นสิบนาทีไปเลย  จะได้นานเสมอกัน   อิอิ
  • ขอบพระทัยเช่นกันเพคะ....

สวัสดีค่ะคุณหมอ ธนพันธ์ ชูบุญ

  • ดิฉันตามอ่านบันทึกคุณหมออยู่เนืองๆนะคะ   รู้สึกทึ่งที่คุณหมออ่านนิยายหวานๆเล่มนี้แล้วชอบมาก     ดีใจนะคะ ที่สุภาพบุรุษก็ชอบความละเมียดละไม  ......อ่านมาตั้งแต่ ม.6 ก็นานโขอยู่นะคะ  : )
  • ดิฉันอยู่นครศรีฯค่ะคุณหมอ  แต่บังเอิญต้องไปราชการที่กรุงเทพฯ เลยได้โอกาสไปดูละครรอบค่ำของวันหนึ่ง 
  • คนกรุงเทพฯโชคดีเรื่องสิ่งบันเทิงจริงๆนะคะ  คอนเสิร์ตก็ที่นี่    อะไรๆออนไอซ์ก็ที่นี่  ละครดังหนังดี    ประดังประเดมาที่นี่กรุงเทพฯทั้งนั้น 
  • เราอยู่ต่างจังหวัดก็ได้แต่อาศัยดูทีวีตาปริบๆไปอะค่ะ : )

ไม่มีโอกาสได้ไปชม แต่ได้อ่านบันทึกนี้ก็รับรู้บรรยากาศ ร่วมซาบซึ้งกับแต่ละฉากของละครได้เป็นอย่างดี...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีวันใหม่ค่ะ คุณดิเรก

ดิฉันกำลังจะออกนอกระบบ เอ๊ยออกจากระบบพอดี  เลยได้ตอบคุณดิเรกส่งท้ายบันทึกนี้ด้วยความยินดียิ่ง 

สิ่งที่ดิฉันขออนุญาตสงสัยทิ้งท้ายไว้ก็คือ  ตอนเด็กๆคุณวิศวกร....อ่านนิยายไหมคะ  : )

ขอบคุณที่แวะมานะคะ

 ' จารย์ คะ  หนูเอง

(เวลาที่โทร.หา หนูมักจะพูดอย่างนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจารย์จะจำหนูได้รึป่าว ?)

มาอ่านอีกรอบกลับมองเห็นภาพตัวแสดงบนเวทีค่ะ

ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ไม่ได้เอ่ยถึงมุมที่มองจากเวที

แอบสงสัยว่า เค้าจะรู้สึกยังไงบ้าง

เวลาที่คนดูเกิดอารมณ์ร่วมตามไปด้วย

 ^-^'

แฮ่ ๆ

อาจจะเป็นคำถามที่งง ๆ ไปหน่อย

เพราะกำลังมองย้อนกลับไปสมัยนู้นน

 

พอไฟฟ้าดับ แล้วมีไฟจากงานแสดงส่องหน้า

เวลาที่ตัวเอง(ถูกขู่แกมบังคับ)ให้ต้องยืนมองลงมาจากเวที  มองจากหลังม่าน

มองไม่เห็นหน้าตาผู้ชมข้างล่าง

แต่เราก็สามารถจับอารมณ์คนดูในขณะนั้นได้นะคะ

...

ปล.

 1. คิดถึง อ.โต จัง  บรรยายซะเห็นความสุขในแววตาเชียว  และคิดถึงอ.ท่านอื่น ๆ ด้วยค่ะ ..

2. ขอบคุณพรดี ๆ สำหรับเรื่องงาน  และหวังว่า อาจารย์ก็คงมีความสุขเช่นเดียวกันนะคะ

 

สวัสดีค่ะ น้องแหม่ม

        
ครูจำได้เสมอค่ะ... : )
        
แล้วก็เคยสงสัยเรื่อง   "คนดูมองนักแสดง นักแสดงมองคนดู" เหมือนกันค่ะ 
        เคยอ่านบทสัมภาษณ์นักแสดงมืออาชีพ หลายคน  พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า  "ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"  เมื่ออยู่บนเวที ครูคิดว่าเขาเก่งจัง  เพราะต้องเป็นคนสองคนในร่างเดียว  
        เป็นตัวละครตัวนั้น  เป็น
คนที่อยู่ในโลกจินตนาการเพื่อสร้างฝันให้คนอื่น 
        และขณะเดียวกันก็เป็น นักแสดง  เป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่รู้ตัวว่ากำลังสร้างฝันและจินตนาการให้คนอื่น  
         ศิลปะการแสดงมีเสน่ห์นัก....
        
          เหมือนที่น้องแหม่มบอกว่าเรา "มองไม่เห็นหน้าตาผู้ชมข้างล่างแต่เราก็สามารถจับอารมณ์คนดูในขณะนั้นได้"  
         
         ครูเห็นสองอารมณ์ซ้อนกันอยู่ในร่างเดียว เป็นฝันแบบรู้ตัวมังคะ  : )   ได้อารมณ์ "ร่วม" ชะมัดเลย 
          อาจเป็นคำตอบที่งงๆไปบ้าง   แต่จริงใจเช่นเคยอะค่ะ....

 ปล. ครูจะเรียนอาจารย์ว่าน้องแหม่มฝากความระลึกถึงนะคะ      ขอฝากความระลึกถึงไปยังคุณพ่อคุณแม่ของน้องแหม่มด้วย    : )    
        .....และครูจะรออ่านงานเขียนของน้องแหม่มนะคะ...  นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ  
: )

สวัสดีค่ะ

ว่าจะไปดู เลยอดดูเพราะงานมากค่ะ

 

สวัสดีค่ะ คุณอุบล

         เพื่อนดิฉันที่อยู่กรุงเทพฯ พูดเหมือนคุณอุบลเลยค่ะ   กลางวันยุ่งจริงๆ  กลางคืนก็เหนื่อยนัก  เพื่อนบอกว่าหัวจรดหมอนก็หลับเลย .... 

        มีความสุขไปอีกแบบอะค่ะ  : )

สวัสดีค่ะคุณดอกไม้ทะเล

ปิ๊กเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายแล้วจะอินมากๆ จนไม่อยากไปดูในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะนำนิยายนั้นมาทำเป็นภาพยนต์ ละคร หรืออะไรก็ตาม

แต่ฟังคำบรรยายถึงบรรยากาศ ทำให้เปลี่ยนใจ และรู้สึกว่า อยากไปดู  ไปสัมผัสบรรยากาศนั้นบ้าง  ไม่รู้ว่าจะมีโอกาศได้ไปหรือเปล่า อิอิ

 

สวัสดีค่ะคุณปิ๊ก

         ดิฉันก็รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ  ถ้าอ่านนิยายมาก่อน  แล้วไปดูละคร(ทีวี)จะรู้สึกหวาดหวั่นมาก  เพราะภาพนางเอกในจินตนาการของดิฉันมักสูญหาย  และภาพพระเอกก็มักจะกลายพันธุ์

        .....โดยมีดิฉันนั่งตีอกชกตัวด้วยความเจ็บใจอยู่หน้าจอทีวี   คืออินมากอะค่ะคุณปิ๊ก    อิอิ

         ละครเพลงเรื่อง "ฟ้าจรดทราย" นี้  ดิฉันดูแล้วไม่เสียดายเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว  ทั้งค่ารถไฟไปกรุงเทพฯ ค่าแท็กซี่ไปโรงละคร  ค่าเรือบินกลับนครศรีฯ   ประมาณว่าทุ่มทุนแล้วคุ้มทุนอะค่ะ

         ปล.คุณปิ๊กคะ  และบางทีดิฉันก็อาจอคติด้วยความชอบทำให้ไม่ได้มองข้อจำกัดของละครเพลงเรื่องนี้  ถ้าอ่านบทวิจารณ์หลายๆเรื่องอาจเห็นมุมมองที่แตกต่างอีกเยอะอะค่ะ   ดิฉันกำลังตามอ่านอยู่เหมือนกัน

         ขอบคุณที่แวะมาค่ะ  : ) 

อาจารย์ P ครับ

วันนี้ผมไปนั่งดื่มกาแฟยามบ่ายข้างๆ Merlion หรือน้องสิงเตื้อก (สิงโตเงือก) ของผม เพื่อนนำ CD เพลงประกอบละครเวทีเรื่องนี้มาให้ฟังด้วยความบังเอิญเป็นที่สุด

ขนลุกครับ เสียงนัท ม้อส ญาญ่าหญิง เสียงคนร้อง เสียงดนตรี การประสานเสียง โอย..สุดจะบรรยายครับ เลยต้องกลับมาอ่านบันทึกของอาจารย์ซ้ำเป็นครั้งที่ ๒

สัปดาห์นี้กลับบ้าน คงต้องซื้อกลับมาฟังที่สิงคโปร์แน่ๆ และคิดไว้ล่วงหน้าได้เลยครับว่า ต้องรื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกรอบ

สวัสดีค่ะคุณหมอธนพันธ์

          ดิฉันก็เพิ่งเล่าเรื่อง "ฟ้าจรดทราย"  พร้อมกับร้องเพลงๆหนึ่งให้น้องคนหนึ่งฟัง   ปรากฏว่าน้องเขาทุ่มทุนรีบนั่งเรือบินไปดูเลยค่ะ  สงสัยตอนเล่าดิฉันจะ "อิน" จนออกนอกหน้า   
         และเห็นด้วยเป็นครั้งที่ยี่สิบเจ็ดเลยค่ะคุณหมอ  ว่าเพลงใน
ละครเพลงเรื่องนี้......เพราะเหลือเกิน  ....  
         วันก่อนดิฉันเดินร้องเพลง   "...ฮิ้ล..ล.. ฟาหร่า  ใต้เมฆาสุดฟากฟ้าแดนไกล....."    อย่างสบายอารมณ์ไปตามถนนหน้าคณะ     นึกว่าเดินคนเดียวจะไม่มีใครได้ยิน
        ลูกศิษย์ที่เดินตามมาถามว่าเพลงอะไรเหรอคะจารย์   ฟังคล้ายๆกับ  "หิว..ว  ฟา..หรั่ง.."  (แถมใกล้ๆตรงนั้นมีรถขายผลไม้อยู่พอดี)
         เสียฟอร์มไปบางส่วนอะค่ะ..... : )

         ดีใจด้วยที่คุณหมอจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านนะคะ    สุขใดในโลกนี้ไม่สุขเท่าที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก  ขอให้คุณหมอเดินทางโดยสวัสดิภาพและได้ซีดีเพลงไพเราะไว้ฟังเร็วๆนะคะ    : )

สวัสดีค่ะ อ. ดอกไม้ทะเล

เป็นผู้ชมคนหนึ่งที่ไปดู "ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล" มาก จนตอนนี้กลายเป็น RFC (Ratchadalai Fanclub) ไปแล้ว และด้วยความประทับใจนี้ ก็เลยเขียนบทบรรยาย "ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล" ไว้เพื่อเป็นความทรงจำ (เพราะคงจะไม่มีรีเทิร์นอีกนาน)

เอา link มาวางไว้ให้ เผื่อว่าอาจารย์จะเข้าไปอ่านเพื่อย้อนรำลึกความรู้สึกร่วมที่ได้ชมละครเวทีเรื่องนี้

http://www.scenario.co.th/forum/viewtopic.php?f=10&t=88

นัชชา

สวัสดีค่ะ คุณนัชชา

ขอบคุณคุณนัชชามากๆๆเลยค่ะ ดิฉันคลิกลิงก์ไปอ่านๆๆๆและร้องเพลงตามไปอย่างมีความสุขมาก  อ่านไปนึกไป  เริ่มจะจำได้ทุกตอนแล้วค่ะ

น้องคนหนึ่งขอให้ดิฉันเขียนเนื้อเพลง "ไร้พันธนาการ" ให้เธอก่อนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปอีกซีกโลก  ดิฉันแกะเนื้อเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จสักที  เพราะมัวแต่ร้องเพลงตาม(หนึ่ง)  และแกะตรงคอรัสไม่ทัน (อีกหนึ่ง) สรุปว่าจนบัดนี้น้องเขาก็ยังไม่ได้เนื้อเพลงนี้  แถมยังอีเมลมาทวงแล้วทวงอีก  : )

ขอให้คุณนัชชาเขียนบทบรรยายอย่างมีความสุขนะคะ  ดิฉันก็จะติดตามรอคอยอย่างสนุกสนาน(ไปล่วงหน้าแล้ว)เช่นกัน
                                 
ขอบคุณมากๆๆๆอีกครั้งนะคะ : )

 

คิดถึงพี่แอมป์ค่ะ แวะมาเยี่ยม สบายดีนะคะ มาบอกข่าวว่า ต้านำบรรยากาศโรงเรีนยใหม่มาให้ชมแล้ว ที่บล็อกครูบ้านๆค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ
คิดถึงพี่แอมป์ค่ะ แวะมาเยี่ยม สบายดีนะคะ มาบอกข่าวว่า ต้านำบรรยากาศโรงเรีนยใหม่มาให้ชมแล้ว ที่บล็อกครูบ้านๆค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ

คิดถึงพี่แอมป์เช่นเดียวกันครับ

ผมอ่านเนื้อเรื่องเเล้ว เห็นภาพตามที่ที่บรรยายเลยครับ อ่านบันทึกพี่ทีไรเคลิบเคลิ้มทุกที

เรื่องมีอารมณ์อินไปกับเรื่องราวที่เขานำมาแสดงนั้น ผมคิดว่าหากจิตใจเราไม่เย็นชามากไปนัก ...มีความรู้สึกตามที่เห็น สิ่งที่กระทบ ก็ไม่น่าอาย

ผมก็เป็น!!!

เคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้ค่ะ สนุกมาก แต่ตอนเป็นละครเวทีไม่ได้ไปดูเพราะติดงาน เพื่อนที่กลับมาจากต่างประเทศไปดู เขาเล่าว่าก็ดีเกือบทุกอย่างเพราะนักแสดงตั้งใจเล่นมาก บทก็ดี แต่ไม่รู้ว่านักแสดง control ระดับเสียงตัวเองไม่ดี หรือเป็นที่คนคุมเครื่อง จนบางครั้งมันกลายเป็นเหมือนตะโกน ทำให้อรรถรสบางส่วนเสียไป คือเขาเล่าแบบนี้เข้าใจได้เลย

คือซูซานกับเพื่อนเคยได้ไปดูละครในโรงละครระดับโลกมาหลายที่ ทั้งดูละครเวที ทั้งโอเปร่า สารพัดอย่าง แต่ละที่เขามีการวางระบบเสียงอย่างยอดเยี่ยม พอเล่าเปรียบเทียบให้เราฟังแล้วเลยรู้ว่าที่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ยังอยู่ในขั้นต้น ต้องพัฒนาอีกเยอะ บางทีเครื่องมืออาจจะไม่ต่าง แต่คนที่เป็น sound engineer นี่สิอาจจะประสบการณ์ยังไม่ถึง ถ้าเสียงมันผิดปกติจากระดับที่ซ้อมไว้ คนคุมต้องสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ใช่เซ็ตไว้ตายตัวตามที่ซ้อม ไว้จะลองไปชมเองสักเรื่องแล้วจะมาวิจารณ์ให้ฟังค่ะ

ที่เชื่อเรื่องการ comment ของเพื่อนคนนี้ได้เพราะเขาเข้าโรงละครแบบนี้เยอะจริงๆ ดูเยอะกว่าเราหลายสิบเท่า ตอนเรื่องชายกลางเล่นหลังจากเรื่องนี้ก็ไปดู เรียกว่าเป็นนักดูละครค่ะ กลับมาเดือนเดียวดูละครเวทีที่นี่ไปสองเรื่อง เราอยู่ตลอดกลับไม่ได้ดู

 

 Panita

สวัสดีจ๊ะต้า

ดีใจจังที่ต้าแวะมาจ๊ะ พี่แวะไปที่บันทึกต้าก่อนหน้านี้แล้วสามบันทึก   แต่ไม่ได้ฝากรอยไว้เพราะดึกมาก  กะว่าวันหยุดจะตามทัวร์บันทึกให้สนุกสนานเลยละ  นานๆจะได้"หยุดในวันหยุด"กับเขาสักที  อิอิ   ......แล้วพี่จะแวะไปแปะรอยแห่งความคิดถึงไว้ในบันทึกนะจ๊ะ  : )

ปล.รูปนี้ของต้าดูสดใสดีจัง

Pสวัสดีค่ะน้องเอก

         พี่แอมป์อยากถามน้องเอกมานานแล้ว  น้องเอกชอบสีแดงดำตัดกันรึปล่าวคะ  พี่เห็นรูปน้องเอกพื้นสีแดงสองรูปแล้ว  เท่ดี  
        ตอนแรกที่พี่แอมป์เห็นโรงละครรัชดาลัยฯ ชั้นใน(เรียกยังงี้ดู รโหฐาน ดี) ตกแต่งด้วยสีแดงก่ำตัดดำคลาสลิกนั้น    พี่แอมป์ชอบใจมาก  นึกถึงชุดทำงานของตัวเองขึ้นมาทันที  พี่แต่งตัวไม่เป็น  ดังนั้นไซร้ก็อาศัยสูทดำกับเสื้อแดงยืนพื้น  แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่าแสนจะดูดีเหมือนนกกางเขนคาบมะเขือเทศบิ๊สิเนสคลาส  อิอิ
        ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากไปชมละครที่รัชดาลัยฯอีกจ๊ะ  บรรยากาศของความบันเทิงแบบโรงละครในบ้านเรายังมีไม่มากนัก  พี่ก็ค่อยๆเรียนรู้วัฒนธรรมบันเทิงชุดนี้ไปตามแต่โอกาสจะอำนวย
        เรื่อง"อิน" เนี่ย ดีใจจังที่น้องเอกบอกว่า "ผมก็เป็น!!!"    ของพี่แอมป์ยังออกจะอายๆอยู่  เพราะไม่ใคร่สะดวกใจที่จะแสดงอารมณ์ส่วนตัวในที่สาธารณะ   คือสงสัยจะเป็นปัญหาเฉพาะตัวของพี่แอมป์เอง  พี่ยังคงพยายามแอบก้มหน้าน้ำตาไหลเป็นทางแบบอายๆอยู่เสมอ  ถึงแม้จะอยู่ในที่มือตึ๊ดตื๋อไม่มีใครเห็น  (และจะว่าไปแล้วก็ไม่มีใครหันมามองใครด้วยซ้ำ)

        คือถึงไม่มีใคร....  พี่ก็หาเรื่อง"อายตัวเอง"จนได้อะค่ะ   อิอิอิ

สวัสดีค่ะน้องซูซาน

พี่แอมป์สันนิษฐานว่าใครอ่านนิยายเรื่อง ฟ้าจรดทราย แล้วชอบ  น่าจะเป็นคนโรแมนติกเป็นพิเศษ  เพราะเรื่องนี้ให้จินตนาการที่ "หวาน..น..น" มาก  คุณโสภาค  สุวรรณ เขียนนวนิยายแนวนี้ได้"ถึง"จริงๆ  แต่พี่ก็อดสงสัยไม่ได้  ทำไมต้องพระเอกต้องดุ และนางเอกต้องดื้อ ( เกือบทุกเรื่องเลย : ) )

พี่ไปดูเรื่องนี้รอบค่ำ  บรรยากาศเป็นใจมาก  คนดูก็ร่วมมือกันเป็นอันดี  เท่าที่เห็น พี่มีข้อสังเกตว่านักแสดงคงเหนื่อยพอสมควร  เสียงร้องเพลงของบางท่านจึงคล้ายตะโกนเหมือนที่เพื่อนซูซานเล่า  พี่แอมป์เดานะจ๊ะว่าด้วยว่าต้องร้องหลายรอบ  หากร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อมจริงๆ  ก็คงแทบจะต้องเค้นเสียงในบางเพลง  เพราะเสียงสูงมาก  พี่นั่งฟังด้วยความรู้สึกเห็นใจ  และลู้นให้เสียงไม่ตก  หรือถึงเสียงตกพี่ก็รู้สึกเอาใจช่วยให้แสดงอย่างเต็มที่  การแสดงสดนั้นจะให้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์คงยากนัก 

อย่างไรก็ตาม  พี่ชอบที่เพื่อนซูซานเล่าเรื่องทางเทคนิคของโรงละครจ๊ะ   มีอยู่หลายจุดเหมือนกันที่รู้สึกว่ายังต้องปรับปรุงและพัฒนาอีก    แต่พี่ก็อธิบายเป็นภาษาเฉพาะทางไม่ใคร่ถูก   

ดีจังเลยที่ซูซานกับเพื่อนมีโอกาสท่องเที่ยวและสัมผัสบรรยากาศโรงละครต่างแดน  ถ้ามีโอกาสเขียนเล่าสู่กันฟังมั่งน่าสนุกเนอะ  ซูซานมีความสนใจกว้างขวางดีนะจ๊ะ  และมีความรู้เยอะแบบรู้จริงด้วยพี่แอมป์ชอบมาก  โดยเฉพาะ เรื่องหาที่กินแบบที่ต้อง"ตะแคงตัว" เข้าไป   ความพยายามสุดยอดมาก  อิอิอิ 

ดีใจที่ซูซานแวะมานะจ๊ะ  พี่ได้พยายามที่จะตอบสั้นๆอย่างเกรงใจแล้วนะเนี่ย  น้องทีมสบายดีนะจ๊ะ  น้องพัดของพี่สบายดี  ไม่เจอหน้าหลานจะครบปีอยู่แล้วเพราะเขาไปอยู่กรุงเทพฯกับคุณพ่อคุณแม่เขาแล้ว  พี่รู้สึกดีใจด้วย   แต่ก็คิดถึงหลานชะมัดเลยละ  จบก่อนนะเดี๋ยวยาวเกินห้ากิโลแม้ว   อิอิอิ

ได้ข่าวว่า เขาจะมีละครเรื่อง บัลลังค์เมฆอีกใช่หรือไม่ครับ

ผมอดดูอีกตามเคย

สวัสดีค่ะ พี่แอมป์

เริ่มอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกถึงบรรทัดสุดท้าย อินเหมือนไปดูเป็นเพื่อนพี่แอมป์อีกคนเลยค่ะ  อิ อิ

น้องสาวราณีก็ชวนไปดูเหมือนกัน แต่ติดธุระเลยไม่ได้ไป  เขากลับมามีของฝากให้เราเป็นบัตร  เสียดายจัง

พี่แอมป์ไปดูบัลลังค์เมฆไหมค่ะ  เพราะราณีอยากไปมาก  

คิดถึงนะค่ะ สบายดีไหมค่ะ

Pสวัสดีค่ะคุณหมอธนพันธ์

ใช่ค่ะคุณหมอ  บัลลังก์เมฆ จะกลับมาอีกครั้ง  ดิฉันดูข่าวโทรทัศน์เมื่อไม่กี่วัน กำลังคิดว่าจะมีโอกาสไปประชุมที่กรุงเทพฯช่วงไหนบ้าง  ถ้าตรงกันกับช่วงละครลงโรง  ก็จะเก็บตังค์ไปดูอีกสักที  ดิฉันชอบเพลงประกอบละครเรื่องนี้มาก

ตอนที่เป็นละครโทรทัศน์ ก็สามารถใช้เป็นสื่อการสอนเรื่องการสื่อสารในครอบครัว (family communication) ได้เป็นอย่างดี  วงเล็บคำฝรั่งไว้ด้วยได้อารมณ์วิชาการขึ้นมาอีกหน่อย  

สื่อบันเทิงที่สะท้อนภาพชีวิต ทำให้เรา "ฉุกใจคิดได้" ว่าเราควรจะทำอะไร  หรือไม่ควรจะทำอะไร  ไม่เช่นนั้นก็อาจได้รับผลอย่างในละคร  อย่างนี้ดิฉันชอบจัง   รู้สึกว่าดูแล้วไม่เสียตังค์เปล่า (หรือไม่เสียเวลาเปล่า) สิ่งที่ติดมาด้วยนั้นมีค่าต่อชีวิตเรา   และคุณค่านั้นจะเกิดก็ต่อเมื่อเราคิด  มีวิธีคิด  และฉุกใจคิด..... คิดได้  และได้คิด

บ่นยืดยาวตามประสานะคะ   ; )  ว่าแล้วก็ขอตัวไปดูละครยุงชุมตอนเย็นต่ออีกหน่อย  เพราะได้หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วอะค่ะ   อิอิ

ขอให้มีความสุขกับงานนะคะคุณหมอ  ดิฉันตามอ่านบันทึกอยู่นะคะ  เอาใจช่วยนับถอยหลังวันกลับบ้านด้วยค่ะ  : )

สวัสดีค่ะ อ.ราณี

ดีใจชะมัดเลยค่ะ พี่แอมป์อ่านบันทึก ง่ายกับยาก ของ อ.ราณีแล้วสนุกชะมัด  หมายมั่นปั้นมือว่าจะเข้าไปตอบให้หายคิดถึงซะคืนนี้  แต่ อ.ราณีแวะมาเจิมเอ๊ยแวะมาทักทายเสียก่อน 

พี่แอมป์ยังอยากดูละครเพลงเรื่อง ฟ้าจรดทราย  อีกสักรอบ   เพราะชอบฉากฝนดาวตกมาก  ถ้าได้นั่งดูด้วยกัน พี่จะรีบชวน อ.ราณีอธิษฐานให้ทันก่อนดาวร่วง  คือจะได้เพิ่มพลังเป็นสองเท่าเพราะคาดว่าเราจะอธิษฐานเรื่องเดียวกัน  อิๆๆๆ

พี่อยากดูเรื่องบัลลังก์เมฆมากเช่นกันค่ะ  ถ้าได้ไปประชุมตรงกับช่วงนั้น  ถ้าเรามีโอกาสนัดเจอกันคงสนุกน่าดู  อยากให้ว่างตรงกันจังอะค่ะ  : )

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันเสมอนะคะ  พี่แอมป์สบายดี และคิดถึงมากเช่นกันค่ะ  ดีใจจริงๆที่ อ.ราณีเขียนบันทึกอีกนะคะ : )

 

พี่แอมป์ค่ะ  ไปดูบัลลังค์เมฆวันเสาร์ที่ ๖ ต.ค. ไหมค่ะ  ราณีจะได้จองบัตรเผื่อค่ะ  ตอบด่วนด้วยค่ะ

 

Pสวัสดีอีกทีค่ะ อ.ราณี

ตะกี้จะล็อกอินแล้วเน็ตดาวน์  พี่กระเด็นไปรอบนึงค่ะ  จะเข้ามาตอบ อ.ราณีโดยเฉพาะ  (อย่างสุดแสนเสียดาย) ว่าวันที่ 6 ตุลา นักศึกษาภาค กศ.บป. พรีเซนต์งานปลายภาคอะค่ะ   ไม่สามารถแม้แต่จะลาป่วย... : )    เสียดายมากๆๆๆเลยค่ะ  ละครเริ่มเร็วจังอะ  พี่นึกว่าจะเป็นปลายเดือนตุลานะคะเนี่ย 

อย่างไรก็ตาม  ขอบคุณอ.ราณีมากที่สุดเลยนะคะที่นึกถึงและชวนไป  แค่ชวนก็ชื่นใจแล้วอะค่ะ   

และพอดีช่วงนี้ที่นครฯจัดงานกีฬาแห่งชาติ มหา'ลัยปิดสิบกว่าวัน  หลังจากนี้ต้องสอนชดเชยกันหน้ามืด  ตรวจงานกันตามัว  (ตัดแว่นใหม่รอไว้ได้เลยสองอัน  อิอิ)  แล้วก็สอบ  แล้วก็ทำเกรด  เป็นวงจรเลยอะค่ะ   จะเดินทางได้อีกครั้งก็ต้องหลังวันที่ 20 ตุลา  ถ้าทำเกรดเสร็จนะคะ  ทำไมชีวิตถึงได้ยุ่งเป็นยุงตีกันยังงี้ก็ไม่รู้ 

อันนี้พี่แอมป์ตอบด่วนแล้วนะคะ  แต่เป็นด่วนขบวนยาว...ว.... : )

ขอบคุณ อ.ราณีมากๆๆอีกครั้งนะคะ  หวังว่าคราวหน้าหน้าเราคงมีโอกาสเหมาะๆได้ไปอธิษฐานในโรงละครร่วมกัน  คาดว่าจะขลังเป็นกรณีพิเศษ เพราะเราจะเตรียมสคริปต์คำอธิษฐานไปล่วงหน้าเลยนี่แน่ะ   อิๆๆๆ

พี่แอมป์ค่ะละครหมดแค่วันที่ ๑๔ ตุลา ค่ะเสียดายจังเลยค่ะ อยากเจอพี่แอมป์เท่านั้น แต่ไม่เป็นไร ค่ะ  ราณีไปดูกับน้องสาวนะค่ะ
  • พี่แอมป์คะ...
  • หว้าติดนวนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว  สมัยก่อนเช่าหนังสือมาอ่าน
  • พอทำงานก็ค่อยซื้อหนังสือมาสะสมไว้
  • "ฟ้าจรดทราย"เป็นเรื่องที่หลุดลอดจากปลวกกินมาได้ค่ะ
  • อ่านกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ  แต่หว้าไม่เคยไปดูละครเวทีเลยค่ะ

Pอ.ราณีคะ

ขอบคุณมากๆนะคะ ที่อ.ราณีแวะเข้ามาบอกอีกที   พี่แอมป์ก็เสียดายมากเลย อยากเจอ อ.ราณีมากๆเช่นกันค่ะ (พี่จ๋อยไปหน่อยๆด้วยเพราะนึกว่าจะมีถึงสิ้นเดือนหน้า  อุตส่าห์หาโครงการประชุมได้แล้วอีกต่างหาก ) 

ขอให้อ.ราณีชมละครเรื่องนี้กับน้องสาวอย่างมีความสุขนะคะ  ขอบคุณมากๆๆอีกครั้งนะคะ  : )

สวัสดีครับพี่แอมป์

ยังบ่นอนหรือครับผม

ฟ้าเอ๋ยฟ้า อยากรู้ว่า ขอบฟ้าิสิ้นสุดที่ใด

ฟ้าเ๋อ๋ยฟ้า อยากรู้ว่า ขอบฟ้าจรดสิ่งใด

ขอบคุณมากครับ 

Pสวัสดีตอนเช้าค่ะน้องเม้ง

เมื่อคืนหลังจากตอบ อ.ราณีเสร็จ พี่แอมป์ก็เสด็จไปนอน เลยไม่เห็นคอมเม้นท์ของเม้ง ขออภัยมณีนะคะ  วันนี้พี่ต้องไปปฏิบัติงาน งานกีฬาแห่งชาติที่สนามกีฬา  คาดว่ากลับมาตอนค่ำพี่คงหน้าเป็นปลาหมึกปึ้งเช่นเคย  (ดำเป็นแถบๆ )  นึกถึงสมัยกีฬาสีแล้วขำอะค่ะ  เสร็จงานกีฬา ทั้งครูทั้งเด็กก็เดินมาด"เข้ม"กันทั้งโรงเรียน   อิอิ

อนึ่ง   เน็ตแถวบ้านพี่แอมป์บางทีก็เร็วดีทันใจ บางทีก็ล่มสลายไปต่อหน้า  อนิจจังกันเห็นๆ จะแวะไปหาน้องต้าก็ไม่ได้แวะ ดังนั้นเวลาสื่อสารกันพี่ก็ต้องอ้างเอาคุณพระเข้าช่วย  อย่าล่มหนอ  อย่าล่มหนอ  อิอิ

ขอบคุณที่เม้งแวะมาถามเรื่องฟ้า  ทำให้พี่นึกถึงเพลงโฆษณากระจกอะไรสักอย่างที่ลูกสาวของคุณ เต๋อ เรวัติพุทธินันท์ ร้องไว้      เพลงนี้พี่ชอบมาก  สงสัยต้องวิ่งไปถามน้องซูซาน  คนนี้รู้จริงเรื่องโฆษณา : )

และพี่เพิ่งตอบเพื่อนไปเมื่อไม่นานมานี้  ว่า"ฟ้าจรดทราย" เป็นจินตนาการเท่านั้น ในความเป็นจริงที่ไม่อิงนิยาย  ฟ้ากับทรายไม่มีวันมาจรดกันได้เลย  ฟ้าก็อยู่ส่วนฟ้า  ทรายก็อยู่ส่วนทราย  เพื่อนก็งอนตุ๊บป่องไป  เพราะคำตอบแบบเรียลลิสติกของพี่รังแกจิน-ตะ-นา-กาน อันสวยงามโรแมนคูลเลอร์ของเธอ (ขอยืมคำเบิร์ดทีนึง  และคำเม้งทีนึง  น้องๆอย่าคิดค่าลิขสิทธิ์นะคะ  อิอิ)

พี่เก๊าะเลยต้องแต่งเพลงง้อกันสนุกสนาน  ป่านฉะนี้เธอจะหายงอนหรือยังก็ไม่รู้อะค่ะ  : )

Pโอ..สวัสดีตอนเช้าจ๊ะหว้า

พี่แอมป์ขอโทษด้วยจ๊ะหว้า  ทำไมเมื่อคืนไม่เห็นความเห็นหว้าก็ไม่ทราบ  เอ...หรืออาจจะเพราะเป็นที่ระบบ ตรงความเห็นที่สิบห้ายกกำลังเอ็นแบบที่คุณ Conductor เคยบอกไว้นะจ๊ะ  ขอโทษอีกทีนะจ๊ะหว้า

พี่แอมป์หัวเราะกิ๊กเลยที่หว้าบอกว่า"ฟ้าจรดทราย" เป็นหนังสือที่หลุดรอดจากปลวกกินมาได้  พี่ว่าพวกเราก็"รอด" มาได้เหมียลกัลล์  ดังนั้นอย่าไปออกแรง"ฉุด"เลยจ๊ะหว้า ยกเว้นที่หลุดรอดมาได้โดยที่ไม่ต้องฉุด  อันนี้เราให้อภัย   อิๆๆๆๆ

(อ่า...พี่พูดเล่นกับน้องสาวนาค้า  ธรรมดาพี่เป็นกุลสะกีขนานแท้และดั้งเดิม  อิอิ)

พี่ชอบเวลาที่อ่านนิยายแล้วเราก็หลุดเข้าไปอีกโลกนึงที่เราสร้างตามหลังคนเขียน    และเวลาดูละคร  ดูหนัง  เราก็กระโดดเข้าไปอีกโลกนึงที่คนอื่นสร้างให้ สรุปว่าตัวเราที่รู้ว่าเราเป็นใคร  มันหายวูบไปเลย 

พี่ชอบจังหวะที่อยู่ระหว่างความรู้ตัว กับการลืมตัวตนไปชั่วขณะ  สนุกชะมัดเลยที่ต้องเลือกว่าจะเอาแบบไหนในเวลาแวบเดียว  แล้วเราก็ตอบข้อ ข.ทุกที  เพราะในโลกจินตนาการมันสนุกกว่ากันเยอะ 

ตานี้พี่เลยแวบนึกไปถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพของคุณไอน์สไตน์ได้ยังไงก็ไม่รู้แฮะ  ขอตอบสั้นๆ(อย่างยาว)เท่านี้ก่อนนะจ๊ะหว้า  ขอยืนยันว่าขณะที่ตอบหว้า พี่มีสติครบถ้วนดี  แต่สัมปชัญญะนี่ขอไปเช็คดูก่อน   อิอิ

ขอบคุณมากที่น้องสาวคนสวยแวะมาจ้า... : )

สวัสดีครับคุณพี่

ช่วงนี้ ผมและครอบครัวของขึ้น ขึ้นรถเมื่อไหร่ก็เปิดแต่เพลง ฟ้าจรดทราย กลับมาเปิด youtube ก็เพื่อดู ฟ้าจรดทราย เลยคิดถึงพี่ขึ้นมาเลยแวะมาทักทายครับ

สวัสดีด้วยความระลึกถึงยิ่งเช่นกันค่ะคุณหมอธนพันธ์

ดีใจจังค่ะที่คุณหมอแวะมา  พี่แอมป์ก็คิดถึงทุกๆท่านในโกทูโนว์  แต่ช่วงนี้งานยุ่งจนแทบหมุนตัวไม่ทันเลยค่ะ   ขณะที่ตอบคอมเม้นต์นี้  พี่แอมป์ต้องเปิดเพลงประกอบคลอไปด้วย   ได้อารมณ์มาก  และชอบเพลง  ฮิลฟารา  ท่อนนี้จัง  
 
              ฮิ้ล..ล ฟา  หร่า...า    สุดไกลตายังขอบฟ้าและทราย 
              นี่คือดินแดนที่แสนกว้างใหญ่ นี่คือโลกใบใหม่ ใช่ไหม
              ฮิ้ล..ล ฟา  หร่า...า    ใต้เมฆาช่างเร่าร้อนดังไฟ 
              นี่คือดินแดนที่ฉันตั้งใจ สู่จุดหมายยิ่งใหญ่ 
              ทำความฝันทำชีวิตให้เปลี่ยนไป...
  

คุณนัทเสียงหวานใสจริงๆ   นึกถึงวันที่ไปดูละครเพลง "ฟ้าจรดทราย" แล้วยังสนุกไม่หายเลยค่ะ  โดยเฉพาะฉากซาบซึ้ง  ที่ต้องพยายามแอบซับน้ำตาไม่ให้ใครเห็น  ทั้งๆที่มือตึ๊ดตื๋อจนไม่มีใครเห็นใคร  ^_^

ตอนนี้พี่แอมป์ชอบเพลง ปณิธาน เป็นพิเศษ เพราะเนื้อเพลงดูมีอุดมการณ์เข้มข้นเข้ากับอารมณ์สังคมไทยตอนนี้ดีจัง ขณะเดียวกันพี่ก็ยังแกะเนื้อเพลง ไร้พันธนาการ  ให้น้องสาวที่จากไปแดนไกลไม่จบซักที  เพราะเผลอร้องตามแล้วก็งงเองทุกที  อิอิ   ดีใจจังค่ะที่ครอบครัวคุณหมอชอบฟังเพลงจากละครเรื่องนี้  น้องแป้งกับน้องจ้าก็ชอบฟังด้วยหรือคะ  เก่งจัง
 
ขอให้ฟังเพลงประกอบละคร "ฟ้าจรดทราย" ร่วมกับครอบครัว(ในรถ   : )   )  อย่างมีความสุขนะคะคุณหมอ   มีจังหวะแวะมานครศรีฯเมื่อไหร่ พี่แอมป์คงมีโอกาสเรียนเชิญไปเลี้ยงอะไรอร่อยๆสักมื้อนะคะ  : )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท