คำขวัญวันเด็ก ปี 2549 ที่ไม่เหมือนปีใด ๆ


"เด็กฉลาดต้องขยันอ่าน ขยันคิด" หรือ "เด็กไทยยุคใหม่ ไม่ยอมถูกบังคับให้สมัครใจ รวมใจปกป้องการศึกษาชาติ"

     ทุกปีที่ผ่านมาจะมีคำขวัญวันเด็กจากบุคคลาสำคัญที่เป็นผู้ใหญ่ออกมาหลาย ๆ ท่าน แต่ยังไงก็เด็ก ๆ จะท่องคำขวัญของ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี อันนี้นับรวมถึงผมตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ในวัยเด็ก และมาถึงน้องเดม (ลูกสาว) ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนครับครูเป็นผู้จุดประกาย นำคำขวัญเหล่านี้มาให้นักเรียนทราบ 

     แต่คำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ที่จะถึงในวันที่ 14 มกราคม 2549 เด็ก ๆ จะใช้คำขวัญใดกันแน่ระหว่าง "เด็กฉลาดต้องขยันอ่าน ขยันคิด" ของ ฯพณฯ ท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งองค์กรครูแจ้งว่าจะไม่นำคำขวัญวันเด็กที่ว่ามาใช้

     แต่จะใช้คำขวัญว่า "เด็กไทยยุคใหม่ ไม่ยอมถูกบังคับให้สมัครใจ รวมใจปกป้องการศึกษาชาติ" แทน และในวันครู คือวันที่ 16 มกราคม 2549 ครูทั่วประเทศจะพร้อมใจกันไม่อ่านสารของนายกฯ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องอ่านเปิดงานวันครูเป็นประจำทุกปีแล้ว องค์ครูจะชูคำขวัญ "รวมพลังครูไทย ไม่สมัครใจ ไม่ไป ไม่ย้าย ไม่ถ่าย ไม่โอน"

     ณ เวลา 12.19 น. ของวันที่ 24 ธันวาคม 2548 ที่ผมเขียนบันทึกนี้ หนังสือพิมพ์มติชนได้ทำการสำรวจความเห็นคิดเห็นที่ http://www.matichon.co.th/poll/viewpoll.php พบว่ามีจำนวนคนที่ทำการโหวตทั้งหมด 835 ท่าน (รวมผมแล้วด้วย 1 คน) เห็นด้วย 535 คะแนน 64.07% และไม่เห็นด้วย 300 คะแนน 35.93% ซึ่งกลุ่มตัวอย่างก็มากพอที่จะบอกได้ว่าสังคมเห็นด้วยกับองค์กรครู

     บันทึกนี้ผมไม่อยากบอกว่าผมได้แสดงความคิดเห็นไปในด้านใด แต่เมื่อผมเล่าให้ลูกสาวฟังเรื่องที่เกี่ยวกับ “คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ” ที่ผ่านมา และสำหรับปีนี้ ระหว่างสนทนากัน เขาถามผมกลับมาว่า

          “แล้วเดมจะท่องคำขวัญฯ ของใครดี” ผมบอกลูกสาวไปว่า “อ่านให้มาก คิดให้เต็มที่ แล้วเล่าให้พ่อฟัง ทำแต่สิ่งดี ๆ แล้วเขียนในกระดานบันทึก” เป็นคำขวัญของพ่อ

     สำหรับน้องเดมผมก็ได้พูดคุยแล้ว แต่ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อเขาอยู่ในระบบการศึกษากระแสหลัก เมื่อเขาไปโรงเรียนเขาจะต้องพบเจออะไร เด็กคนอื่น ๆ จะพบเจออะไร ความสับสนที่เกิดขึ้นได้ถูกปลูกเข้าไปในเด็ก และเด็กก็ได้ถูกชักนำเข้าสู่วังวนของความขัดแย้ง ถูกชี้ชวนให้เป็นแนวร่วม แน่นอนเด็กเป็นผู้ได้รับผลกระทบ (Impact) นี้โดยตรง ผมบ่น ๆ ก็ด้วยเป็นพ่อที่มีลูก เป็นลุงที่มีหลาน ๆ อยู่ในระบบการศึกษานี้ คนหนึ่งเท่านั้น เป็นห่วงครับ

หมายเลขบันทึก: 10568เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2005 13:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
     คุยกับลูกได้อย่างนี้ เด็กน่าจะพัฒนาได้ไกลครับ

ไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ให้การศึกษาเลย ซึ่งเป็นปัญญาชนชั้นครูแล้ว ทำให้เด็กสับสนนะคะ คำขวัญวันเด็กเป็นประเพณีที่มีนานแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ให้ แบบนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกันนะคะ  แล้วให้คำตอบที่แท้จริงกับเด็กว่าอย่างไร ว่าผู้ใหญ่ขัดแย้งกันแล้วหาเด็กเป็นแนวร่วมหรืออย่างไร ...แล้วคำขวัญวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีให้  อ่านแล้วก็ไม่ได้ทำความเสียหายกับประเทศชาติแต่อย่างไร  แล้วปัญญาชนชั้นครูถึงทำแบบนี้ล่ะ ...ผู้ปกครองไม่เข้าใจ

ไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ให้การศึกษาเลย ซึ่งเป็นปัญญาชนชั้นครูแล้ว ทำให้เด็กสับสนนะคะ คำขวัญวันเด็กเป็นประเพณีที่มีนานแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ให้ แบบนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกันนะคะ  แล้วให้คำตอบที่แท้จริงกับเด็กว่าอย่างไร ว่าผู้ใหญ่ขัดแย้งกันแล้วหาเด็กเป็นแนวร่วมหรืออย่างไร ...แล้วคำขวัญวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีให้  อ่านแล้วก็ไม่ได้ทำความเสียหายกับประเทศชาติแต่อย่างไร  แล้วปัญญาชนชั้นครูถึงทำแบบนี้ล่ะ ...ผู้ปกครองไม่เข้าใจ

เห็นด้วยกับคุณ K ค่ะ  ครูควรจะแยกแยะความขัดแย้งให้ออกห่างจากเด็ก/เยาวชน ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติต่อไป

    เมื่อคืนได้สอบถามน้องเดมดูแล้ว ที่โรงเรียนเรวดีพัทลุง (เอกชน) ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ครับ และจะมีการจัดงานที่โรงเรียนด้วยในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ครับ
     ครอบครัวก็มีส่วนช่วยสอนและสร้างทักษะชีวิตให้เด็กด้วย

พรุ่งนี้เป็นวันเด็กแล้ว ไชโย

b/.fdx,g/dfm
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท