บูชาจตุคามรามเทพอย่างไร ให้รวยไม่รู้จบ และครูดีตามแบบอย่างพระพุทธเจ้า


การบูชาผู้ที่ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุด

 

 

บูชาจตุคามรามเทพอย่างไร ให้รวยไม่รู้จบ

และครูดีตามแบบอย่างพระพุทธเจ้า

 

เมื่อวานผมได้เล่าเรื่องวิธีการสอนของพระพุทธเจ้า แต่ได้เล่าข่าวเรื่องจตุคำของหลวงพ่อพยอม โปรยหน้าไว้ก่อน

 

วันนี้ก็จะขอแนะนำวิธีการบูชาจตุคามให้รวยไม่รู้จบ วิธีนี้ผมคิดจากการบูรณาการความรู้ที่ศึกษามาจากพระพุทธเจ้า ไม่สงวนลิขสิทธิ์ 

 

การบูชาผู้ที่ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุด (ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง) ดังนั้นการบูชาจตุคามรามเทพผู้ที่เรายกย่องกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ถือเป็นมงคลด้วย ขนาดราหูไม่ใช่เทพแท้ๆยังมีคนบูชากัน ชูชกเป็นคู่ปรับพระเวสสันดร(ถือว่าช่วยให้พระเวสสันดรทำบุตรทารทานสะดวก) ก็ยังบูชา

 

อันคำว่าพระโพธิสัตว์นั้น ตามศัพท์ในพจนานุกรม(ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒)นั้น ให้ความหมายไว้สั้นๆว่า ท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เราคงเคยได้ยินชื่อพระโพธิสัตว์กันมาหลายชื่อ เช่นเจ้าแม่กวนอิม พระอวโลกิเตศวร พระศรีอาริยเมตไตรย และล่าสุดก็องค์จตุคามรามเทพ จริงๆแล้วพระโพธิสัตว์อาจจะเป็นสัตว์เดรัจฉานในชาติก่อนๆก็ได้ ดังปรากฏในนิทานชาดก เช่นบางชาติก็เกิดเป็น ลิง เป็นช้าง หรือเป็น วัว ก็มี

 

คราวนี้มาเข้าเรื่องว่าจะบูชาอย่างไรให้รวยไม่รู้จบ ก็ต้องขอบอกเสียก่อนว่า พระพุทธเจ้าสอนวิธีบูชาไว้ ๒ วิธีคือ

 

๑.                         อามิสบูชา คือการบูชาด้วยวัตถุ สิ่งของ เช่นบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการะต่างๆ หรือด้วยเงินทอง ของกินของใช้

 

๒.                       ปฏิบัติบูชา คือการปฏิบัติตามคำสั่งสอน ตามแบบอย่างที่ดีของผู้ที่เราบูชา เช่นเราจะบูชาในหลวงของเรา เราก็ร่วมกันปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทองค์ต่างๆที่พระราชทานในพระราชวโรกาสต่างๆหรือปฏิบัติตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิ จพอเพียง หรือปฏิบัติตนตามแนวทางที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ เช่น ความกตัญญูอย่างล้ำเลิศต่อสมเด็จย่า

 

การปฏิบัติบูชานี่แหละครับที่ผมจะขอแนะนำให้ทุกท่านที่ห้อยองค์จตุคามรามเทพ ขอให้องค์พ่อจตุคามคอยเตือนใจ ให้เราปฏิบัติตนเป็นคนดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ด้วยความเอาใจใส่ ขยันขันแข็งเมื่อหาทรัพย์มาได้ก็รู้จักกินรู้จักใช้แบบพอเพียง รู้จักคบหากัลยาณมิตร หากท่านทำได้ดังนี้ องค์จตุคามรามเทพก็จะช่วยให้ท่านรวยไม่รู้จบไม่ใช่รวยอย่างไม่มีเหตุผล ที่ท่านหลวงพ่อพยอมไม่ชอบใจเอาเสียเลย

  

คราวนี้มาถึงเรื่องครูดีตามแบบอย่างพระพุทธเจ้า ศ.แสง จันทร์งาม ท่านเรียบเรียงไว้  ๗ ประการดังนี้

 

๑.      ครูต้องมีความเมตตากรุณาเป็นพื้นฐานของจิต สงสารศิษย์ มุ่งช่วยให้ศิษย์พ้นจากความทุกข์ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  ไม่ต้องการความร่ำรวย ไม่หวังเกียรติยศชื่อเสียงจากการช่วยเหลือศิษย์ ครูที่หวังผลประโยชน์ตอบแทนจากศิษย์หรือหวังร่ำรวยจากศิษย์ จะเป็นครูที่ดีไม่ได้

 

แหมผมอ่านข้อนี้แล้วก็ต้องย้อนมาดูตัวว่าเราจะเข้าข่ายไหน เพราะปีที่แล้วเด็กผมดังมาก ชนะเลิศการประกวดเพลงอีแซวตั้ง ๒ ครั้ง รองชนะเลิศอีก ๑ ครั้ง ผมพลอยได้ชื่อเสียงเกียรติยศตั้งเยอะ แล้วผมก็หวังอยากได้ด้วย ตอนจะประกาศรางวัลลุ้นเสียตัวโก่งแต่ที่ผมกล้าพูดคือไม่ได้หวังเงินจากเด็กเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ยกเว้นเด็กๆจะกรุณาแบ่งรางวัลที่ได้มาเป็นค่าน้ำมันรถที่พากันไปแสดง และตระเวนส่งนักเรียนที่บ้าน เพื่อไม่ให้ภรรยาบ่นเท่านั้น

 

๒.    ครูต้องไม่ถือตัวไม่หยิ่งยโส คนที่หยิ่งยโส ไว้ตัวถือยศถือศักดิ์ จะเป็นครูที่ดีไม่ได้

 

๓.    ครูต้องมีความอดทน ใจเย็น

 

๔.    ครูต้องมีความยุติธรรมไม่เห็นแก่หน้า

 

๕.    ครูต้องมีความรอบคอบ

 

๖.     ครูต้องมีความประพฤติน่าเคารพบูชา คือเป็นทั้งผู้แนะและผู้นำ คือสอนดีแล้วก็ทำดีเป็นแบบอย่างด้วย เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ยถาวารี ตถาการี หรือยถาการีตถาวารี ตถาคตเป็นผู้กล่าวอย่างใดทำอย่างนั้น เป็นผู้ทำอย่างใดกล่าวอย่างนั้น

 

๗.    ครูต้องรู้จักภูมิสติปัญญาของนักเรียน ครูที่ดีต้องรู้จักระดับสติปัญญาของนักเรียนว่าสูงต่ำเพียงไหนแล้วปรับปรุงวิธีการสอนของตนให้เหมาะสมกับแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม ที่เห็นชัดคือเรื่องบัวสี่เหล่า

 แต่บางคนเสริมว่ายังมีบัวอีกหนึ่งเหล่าที่พระพุทธองค์ไม่ได้กล่าวไว้ในเรื่องนี้ คือบัวแล้งน้ำ(ใจ) พวกนี้สอนยากกว่าพวก ปทปรมะ เสียอีก

 

คำสำคัญ (Tags): #ครูดี
หมายเลขบันทึก: 104107เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2007 20:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ไม่มีความคิดเห็น นั่นก็คือความคิดเห็น จะบอกว่าไม่มีความคิดเห็นไม่ได้หรอก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท