ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ตอนเช้าว่าถ้ามีเวลาพอจะเข้ามาเขียนรายงานความก้าวหน้าว่าวันนี้ไปเป็นประธานในการประชุมเครือข่ายเป็นอย่างไรบ้าง ผู้วิจัยก็ได้พยายามใช้เวลาในทุกนาทีให้มีค่ามากที่สุด
วันนี้มีคณะกรรมการมาประชุมที่เครือข่ายน้อยกว่าทุกครั้ง มีกลุ่มที่ขาดประชุมถึง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มดอนไชย (เถิน) ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะติดภารกิจจึงมาร่วมประชุมไม่ได้ , กลุ่มพระบาท ฝากมาบอกว่าเพราะไม่สบาย ส่วนกลุ่มบ้านหลุก ไม่มีใครสามารถติดต่อได้จึงไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะเหตุใดจึงขาดประชุม
เราเริ่มประชุมกันในเวลาประมาณ 11.00 น. เนื่องจากรอคณะกรรมการ รวมทั้งรอผู้วิจัยด้วย ความจริงน่าจะเริ่มกันได้เร็วกว่านี้แต่ผู้เตรียมการประชุมไม่ได้ยกกระดานมาจากวัด ทำให้เสียเวลาในการไปยกกระดานมา ความจริงว่าจะไม่ใช้ แต่มีเรื่องที่ต้องหารือมาก ประกอบกับผู้วิจัยก็ต้องการที่จะสื่อให้คณะกรรมการเข้าใจ หากไม่ขึ้นกระดานคงหาข้อสรุปไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องไปยกกระดานมาจากวัด
การประชุมในวันนี้ มีเรื่องที่ต้องประชุมจริงๆตามที่ตั้งใจไว้ 3 เรื่อง แต่ก่อนเริ่มประชุมมีคณะกรรมการขอหารือว่าในเดือนมกราคมขอเลื่อนวันประชุมประจำเดือนจากอาทิตยืที่ 3 คือ วันที่ 15 มกราคม เป็นวันอื่นได้ไหม เพราะเคลียร์บัญชีไม่ทัน ดังนั้นเรื่องที่ประชุมกันจึงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เรื่อง รวมเป็น 4 เรื่อง คือ
1.วันประชุมเครือข่ายฯประจำเดือนมกราคม
2.สถานที่ทำการเครือข่ายฯ
3.ตำบลละแสน
4.โครงการการขยายผล
สำหรับเรื่องแรกวันประชุมเครือข่ายฯประจำเดือนมกราคมนั้น ที่ประชุมเห็นว่าควรเลื่อนเป็นวันที่ 22 มกราคม แทน เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนปีใหม่ การเก็บเงินออมทำได้ล่าช้ากว่าทุกเดือน ถ้าหากประชุมเครือข่ายฯในวันที่ 15 มกราคม เกรงว่าจะไม่ทัน ดังนั้นอาทิตย์ต่อไป คือ วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคมคงจะเป็นโอกาสดีที่สุด เมื่อตกลงวันได้แล้ว มีผู้เสนอว่าควรมีการประชุมสัญจรบ้าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และเพื่อที่จะได้มีโอกาสดูกลุ่มอื่นบ้างว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว พอมีผู้เสนอเช่นนี้ดูเหมือนว่าคณะกรรมการจะเห็นพ้องต้องกัน ผู้วิจัยจึงโยนคำถามไปที่ที่ประชุมว่าเห็นว่าอย่างไร ทุกคนเห็นด้วย แต่ก็มีคนโยนคำถามเข้ามาอีกว่าจะเอางบประมาณมาจากไหนในเรื่องการเดินทาง เพราะ ปกติในการประชุมเครือข่ายฯคณะกรรมการก็ต้องออกเงินเดินทางเองอยู่แล้ว แต่ประชุมในเมืองซึ่งกลุ่มส่วนใหญ่อยู่ในเมืองจึงไม่ต้องแบกรับภาระมากนัก ถ้าเป็นการสัญจรค่าใช้จ่ายคงเพิ่มมากขึ้น ผู้วิจัยจึงเสนอว่ามีเงินงบประมาณที่ได้รับจาก สกว.มาทำเรื่องการจัดการความรู้อยู่ ตรงนี้สามารถเอามาหนุนเสริมได้ คณะกรรมการจึงตามต่อว่าการเอาเงินของสกว.มาใช้จ่ายตรงนี้จะตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ ผู้วิจัยได้ให้ความกระจ่างว่า ตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะ การจัดการความรู้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การศึกษาดูงาน เพื่อให้แต่ละกลุ่มเห็นต้นแบบว่าแต่ละพื้นที่มีข้อดี ข้อด้อยอะไร จะได้เอาความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้กับกลุ่มของตน การดูงานในเครือข่ายกันเองนั้นมีข้อดีอยู่หลายข้อ เช่น ประหยัด , เป็นการสร้างมิตรภาพระหว่างกลุ่ม และยังเป็นการเรียนรู้ที่ดีด้วย เพราะ กลุ่มที่อยู่ในเครือข่ายจะมีบริบทคล้ายๆกัน การไปศึกษาดูงานจะได้นำความรู้นั้นมาใช้ได้เลย ไม่ต้องปรับอะไรมาก นอกจากนี้แล้วผู้วิจัยยังได้กล่าวเสริมว่าจากการลงพื้นที่ในแต่ละกลุ่มข้อมูลที่ประมวลได้สะท้อนให้เห็นว่าแต่ละกลุ่มที่เป็นสมาชิกเครือข่ายฯ ล้วนมีข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีกลุ่มไหนที่ดีไปหมด หรือที่ด้อยไปหมด ดังนั้น การประชุมสัญจรน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เราสามารถเรียนรู้วิธีการทำงานของกลุ่มอื่น โดยดูจากของจริงเลย เมื่อผู้วิจัยอธิบายเช่นนี้คณะกรรมการก็เข้าใจ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับทุกครั้งที่เข้าร่วมประชุมที่แทบทุกคนจะมีสีหน้าตึงเครียด เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะมีการประชุมสัญจร ผู้วิจัยจึงได้เสนอต่อว่าตอนนี้เราตั้งเป็นตุ๊กตาดีไหมว่าเราจะประชุมสัญจรกันในช่วงแรก 6 ครั้งก่อน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน โดยจะเอางบของสกว.มาสนับสนุน เพราะ โครงการจะจบลงในวันที่ 14 กรกฎาคม 2549ทุกคนเห็นด้วย อีกครั้ง
เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะมีการประชุมสัญจร เรื่องต่อเนื่องกันไปก็คือ แล้วจะไปสัญจรที่ไหนบ้าง ผู้วิจัยก็ได้โยนคำถามนี้เข้าที่ประชุมอีก (ตามคำแนะนำของอาจารย์สุกัญญาว่าเวลามีเรื่องอะไรควรให้สมาชิกเป็นผู้ตัดสินใจ)
ได้คุยเพิ่มเติมทางโทรศัพท์กับอ.อ้อมหลายเรื่อง ถ้าได้เขียนเล่าให้ผู้สนใจได้ทราบด้วยก็จะเป็นประโยชน์มากครับ
วันที่ 22 ม.ค.ผมสนใจไปร่วมประชุมด้วย จะได้ทั้ยครับ