ตอนนี้ผู้เขียนอยู่ที่โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น กรุงเทพมหานครกับครูเพื่อศิษย์ทั่วประเทศได้ พบครูอาจารย์เก่าหลายๆท่าน
ผู้เขียนได้พบพี่ๆครูที่เป็นบล็อกเกอร์หลายท่านทีเดียว เอาภาพมาให้ดูก่อนนะครับ จะรีบมาเขียนรายละเอียด ตอนนี้ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิชกำลังบรรยายอยู่ครับ…
ท่านอาจารย์วิจารณ์ พานิชบอกว่า เราอยากได้ Learning outcome ในเวทีนี้จึงเลือกชวนครูเพื่อศิษย์ อาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช พูดถึงหนังสือชื่อ Visible Learning ที่เราจะปรับใช้ในสังคมไทยอย่างไร เครื่องมือที่เราอยากได้คือ PLC (Professional Learning Community) อ่านได้จากบันทึกนี้ และที่นี่
ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช เล่าว่าในปัจจุบันเราต้องมีทักษะทางด้าน Computer skills คนเราต้องมีทักษะทางด้าน การเรียนรู้และทักษะการใช้นวัตกรรม เนื้อหา(Learning and Innovation skills) และทักษะชีวิต(Life and Career skills)
ครูเพื่อศิษย์สุพรรณบุรี(ครูต๊กแกยืนที่สองและพี่กุ้งที่ห้าจากซ้ายมือ ครูอ้อยคนแรกนั่งทางซ้ายมือ ครูต้อยจากสมุทรสาคร ขวามือแถวยืนคนแรกครับ)
ในความคิดเห็นของอาจารย์หมอวิจารณ์บอกว่าการประเมินของเราจาก สมศ. ประเมินเฉพาะ ผลสอบรวม(Summative) ซึ่งผิด ควรมีการประเมินแบบ Formative ให้มากๆ
ครูต้องสอนน้อยๆเรียนรู้มากๆ (teaching less learn more) ครูต้องสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ (inspiration)
ในชีวิตจริงนักเรียนต้องมีทักษะ Critical thinking ,Creativity Collabration, Computing, Carreer and learning อันสุดท้ายคือ Change
สิ่งที่อยากให้นักเรียนต้องทำคือ ไปสู่ขั้น Self - Esteem ตามขั้นบรรไดการเรียนรู้ของ Maslow Hierarchy of needs
จุดที่สำคัญคือ ห้องเรียนต้องเปลี่ยน...
การเรียนรู้มี 3 ระดับคือ informative learning ,formative learning และสุดท้ายคือ ที่สำคัญTransformative learning
การเรียนรู้ต้องเป็นการเรียนรู้แบบ Project-Based Learing คือให้นักเรียนทำโครงงาน อาจทำโครงงานเกี่ยวกับชุมชน เช่น โครงงานประวัติศาสตร์ของชุมชน...
การทำกลุ่ม
จากเวทีสองวันนี้ ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช อยากเห็นการรวมกลุ่มของครูที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ PLC (Professional Learning Community) ของครูเพื่อศิษย์ ...
เวลา 10.45 น.เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูจากโรงเรียนดังนี้
1.โรงเรียนบ่อแก้ววิทยา จังหวัดกำแพงเพชร
2. โรงเรียนกงไกลาศวิทยา จังหวัดสุโขทัย
3.โรงเรียนลำปายมาศพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์
4. โรงเรียนเพลินพัฒนา กรุงเทพมหานคร
คุณครูชีวะฯ(ผู้ชายที่สองจากขวา) จากโรงเรียนบ่อแก้ววิทยาได้เล่าวิธีการเรียนชีวะฯของนักเรียนในการจัดการกับข้าวดีดเพราะในพื้นที่ที่นักเรียนอยู่มีปัญหาของข้าวดีด นักเรียนเก็บวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ มีการปรึกษาภูมิปัญญาจากชุมชน การเก็บข้อมูลในการแก้ปัญหาของข้าวดีด ครูจากโรงเรียนบ่อแก้วบอกว่า จากการสังเกตสีหน้านักเรียนว่านักเรียนมีความสุข นักเรียนรักท้องถิ่น
นักเรียนถามครูว่า : ครูครับ ครูไม่กลัวดำหรือครับ
ครูตอบว่า: ครูตัวดำ เดี๋ยวก็ลอกและหายไป แต่นักเรียนได้เรียนรู้ ครูได้เรียนรู้ก็มีความสุขแล้ว
ท่านต่อมาคือ ผู้อำนวยการโรงเรียนกงไกลาศวิทยา เล่าเรื่องว่าสมัยก่อนเป็นศึกษานิเทศก์ แต่ดูว่าแถวจังหวัดสุโขทัย มีผลการเรียนค่อนข้างต่ำ ท่านเล่าว่า ได้จับหัวนักเรียน แล้วนักเรียนบอกว่า อาจารย์ครับ ไม่มีใครจำผมได้เลยครับ..
จึงได้จัดการโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ ...โดยเอาครูหลายกลุ่มสาระไปอยู่ใกล้นักเรียน...ไม่เรียกห้องพักครู...ครูและนักเรียนมีพื้นที่ของตนเอง และจัดการเรียนการสอนเศรษฐกิจพอเพียงที่โรงเรียน และ ไปจัดที่บ้านด้วย...
ในโรงเรียนทำหลักสูตรท้องถิ่นเอง โรงเรียนมีวิธีการจัดการศึกษาโดยให้ครูพัฒนาตนเอง ไปเรียนรู้ ฝึกอบรม นักเรียนมีเวทีในการเรียนรู้ ได้เรียนรู้เรื่องในท้องถิ่น การนำเสนอของนักเรียนเองถ้ามีคนดูงานเพื่อฝึกภาวะผู้นำ...
ครูคนต่อมาคือครูใหม่ จากโรงเรียนเพลินพัฒนา ได้ปรับและพัฒนาการถอดบทเรียนหรือ Lesson Study มาใช้ในโรงเรียน ครูใหม่ให้ครูอ้อเล่าว่า กลุ่มการเรียนรู้ช่วยนักเรียนอย่างไร การจัดกิจกรรมอ่านได้ที่นี่ครับ...
ครูอ้อได้เล่าเรื่องการใช้แรงบันดาลใจจาก วอลดอฟ(waldorf) ใช้ภาพศิลปะในการสร้างบันดาลใจในการเขียน...แล้วแลกภาพกับเพื่อน...และขออนุญาตว่า นำภาพของเธอไปเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน...เมื่อเขียนเสร็จก็ขอบคุณ...ขอบคุณมาก...ที่ให้ภาพเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน...นักเรียนสะท้อนว่า ...บางทีการฟังนิทานเรื่องเดียวกัน อาจวาดภาพไม่เหมือนกัน...มีมุมมองต่างกัน...ครูได้เรียนรู้พร้อมไปกับนักเรียน...
คุณหมอประเสริฐ สรุปว่า การเล่าเรื่องของครูจะพบทักษะมากมาย...
ท่านสุดท้ายคืออาจารย์วิเชียร จากโรงเรียน ลำปายมาศพัฒนา ได้เล่าเรื่อง การพบเพื่อนเป็นผู้บริหารที่สิงคโปร์ว่า รัฐมนตรีบอกว่าอย่างไร ข้อที่ท่านผอ.วิเชียรจำได้คือ คนสิงคโปร์ต้องดูแลตัวเอง ข้อต่อมาคือ คนสิงคโปร์ต้องรักถิ่นฐานของตนเอง...
ท่านผอ.บอกว่า เราทำการศึกษาผิด การที่โรงเรียนตั้งโรงเรียนขึ้นมาอยากเห็นโรงเรียนปฏิรูปจริงๆ ในการจัดการเรียนรู้ที่โรงเรียนจัดหน่วยการเรียนจริงๆ เช่น การให้นักเรียนเดินทางไกลเพื่อฝึกความอดทน...ระหว่างที่เดินไปกับนักเรียนพบว่า ทางที่เดินผ่านไป พบชาวบ้านตัดต้นเต็ง ...เมื่อไปถึงกลางป่าก็ให้นักเรียนดูต้นเต็งให้นักเรียนระดมความคิดว่า รู้สึกอย่างไร หลังจากนั้นก็เกิดหน่วยการเรียนเรื่องป่าชุมชน เกิดการเรียนรู้ การแต่งเพลงฉ่อย...เรื่องป่าชุมชน...เรื่องการอนุรักษ์ป่า...แต่นักเรียนสอบตก...แต่ท่านผอ.กล่าวว่าไม่ได้สนใจอะไร...เพราะสัมผัสได้ว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้...การจัดการเรียน...อย่าให้นักเรียนสูญเสียโอกาสนั้น...ท่านผอ.บอกว่าไม่เห็นด้วยกับการประเมิน...
อาจารย์ธนิตย์และอาจารย์สุรนันท์
ครูใหม่บอกว่า เห็นปัญหาแบบอาจารย์วิเชียร บอกว่ากลุ่มการศึกษาทางเลือกได้ใช้ตัวชี้วัดอื่นเช่น ใช้ที่ มศว ประสานมิตร ที่ไม่ได้ใช้แต่การวัดคะแนน แต่วัดตัวอื่นๆเช่น
อาจารย์ผศ.ดร.เลขา ปิยอัจฉริยะ บอกว่าเห็นสิ่งที่สอดคล้องกันทั้ง 4 โรงเรียนคือ เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครู...นอกจากนี้ในเวทีนี้ยังมีผู้บริหารเข้าร่วมด้วย...
ผศ.ดร.ประโยชน์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี บอกว่าไม่แปลกใจที่โรงเรียนของอาจาย์วิเชียรไม่ผ่าน เพราะระบบการศึกษาเราไม่ได้วัดจากที่นักเรียนเรียน...
น้องเซ้งจาก SCB และคุณครู
ท่านรองฯ smallman และพี่ครูต้อย...
ตอนเย็นน้องเอกและอาจาย์เอ็มให้ครูเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง และผลัดกันบันทึกเรื่องของเพื่อนที่เล่า....
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.gotoknow.org/blog/thaikm/453329
หนังสือครูเพื่อศิษย์
http://portal.in.th/tfs/pages/tfs/
ข้าวดีด
http://kpp-rsc.ricethailand.go.th/weedyrice/weedy%20rice1.htm
Waldorf
http://www.fahkwang.com/why_waldorf.php