สองอาทิตย์ที่แล้ว ป้าเจี๊ยบเป็นกรรมการประเมินผลฝึกงานนักศึกษาปีสุดท้ายของโปรแกรมวิชาเทคโนฯ ค่ะ พอถึงกลุ่มซึ่งไปฝึกงานที่กรมอนามัย นักศึกษาก็เปิดซีดีสรุปผลงานโดยมีเสียงเพลงดังขึ้นว่า “I’m coming home, I’ve done my time..” แล้วก็ fade ลงไปเป็น background คลอเบาๆ ขณะที่มีเสียงบรรยาย ป้าเจี๊ยบฟังแล้วก็รู้ว่าเพลงนั้นนักศึกษาตั้งใจจะส่งสารว่า “ผมกลับมาบ้าน (มหาวิทยาลัย) แล้ว หลังจากฝึกงานครบเวลา (กำหนดไว้ 450 ชั่วโมง)”
พอนักศึกษานำเสนอเสร็จ ป้าเจี๊ยบก็ถามว่า “ไปฝึกงานครั้งนี้ ไม่ชอบหรือคะ” นักศึกษาทำหน้างงๆ บอกว่า “ชอบครับ ..” ป้าเจี๊ยบก็แหย่ต่อไปอีก “อ้าว แล้วทำไมถึงรู้สึกเหมือนไปติดคุกมาล่ะคะ” ทีนี้นักศึกษายิ่งทำหน้างงหนักขึ้นไปอีก อาจารย์เอื้องกับอาจารย์บุญเที่ยงที่นั่งอยู่ข้างๆ ในฐานะกรรมการร่วมประเมินก็มองหน้าป้าเจี๊ยบด้วยความสงสัยเช่นกัน ว่าจะมาไม้ไหนกับนักศึกษาเนี่ย..
เรื่องนี้ก็เลยจำเป็นต้องขยายค่ะ
“I’ve done my time...” เป็นคำพูดที่ป้าเจี๊ยบพบว่ามีการใช้เฉพาะในความหมายที่คนพูดต้องการบอกว่าตนเองได้ชดใช้ความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแล้ว ดังนั้นเวลาที่ใครคนใดคนหนึ่งถูกตัดสินให้รับโทษจองจำ กักบริเวณ หรือต้องทำอะไรเพื่อชดใช้ความผิดที่ได้กระทำ พอครบเวลาก็จะบอกว่า “I’ve done my time..” ซึ่งฟังแล้วดูดีกว่าพูดว่า “I’ve just got out from the prison” ตั้งแยะ จริงมั๊ยคะ และถ้าใครดูหนังฝรั่งที่มีบทเกี่ยวกับคนที่เพิ่งพ้นโทษ หรือ ex-con จะพบว่ามีบทพูดประโยคนี้ให้ได้ยินบ่อยๆ
เพลงที่นักศึกษานำมาใช้มีชื่อว่า “Tie a Yellow Ribbon Round the Ole Oak Tree" ค่ะ คำ ole ก็คือ old นั่นแหละค่ะ ส่วน round ก็มาจาก around ค่ะ เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงคือ Irwin Levine และ L. Russell Brown เป็นเพลงที่ดังมากในยุคที่ป้าเจี๊ยบกำลังเป็นสาว คือปี 1973 ติดอันดับเพลงฮิตที่สุดเพราะขายได้ถึง 3 ล้านแผ่นในเวลาแค่ 3 สัปดาห์ และมีคนทำสถิติว่าหลังจากนั้นต่อมา 17 ปี พบว่าสถานีวิทยุในสหรัฐเปิดเพลงนี้รวมแล้ว 3 ล้านครั้ง
เนื้อเพลงนี้เกี่ยวกับหนุ่มหนึ่งรำพันว่าไปติดคุกมา 3 ปี กำลังนั่งรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน ก่อนจะออกจากคุกก็ส่งจดหมายไปบอกหวานใจว่าถ้ายังต้องการฉันอยู่ ก็ขอให้ผูกโบว์สีเหลืองหนึ่งเส้นไว้ที่ต้นโอ๊คริมทาง ถ้าฉันไม่เห็นโบว์ก็แสดงว่าเธอไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ลงจากรถ แต่พอไปถึงจุดนัดหมาย ไอ้หนุ่มก็แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เพราะต้นโอ๊คมีโบว์สีเหลืองผูกอยู่เป็นร้อยเส้นเลยค่ะ เป็นอันว่าจบแบบ Happy ending!
นักศึกษาที่นำเพลงนี้มาใช้ ถามแล้วก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเพลงชื่ออะไร บอกว่าทำนองสนุกถูกใจก็เลยเลือกมาใช้ในการนำเสนอ ป้าเจี๊ยบจึงถือโอกาสฝากข้อคิดไว้ว่า ต่อไปจะใช้เพลงอะไรประกอบการนำเสนอ ต้องศึกษาบริบทความเป็นมาของเพลงด้วย และทีหน้าทีหลังถ้าไม่ได้ไปติดคุกมาก็อย่าไปบอกใครว่า “I’ve done my time” อีกล่ะ
ขอบคุณมากค่ะป้าเจี๊ยบ ขอสารภาพว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงฝรั่ง แต่บางทีไม่ค่อยรู้ความหมายที่แท้จริง ของเพลงเท่าไรนัก แหะๆ :)
ป้าเจี๊ยบครับ เพลงนี้สัมยก่อนผมก็ชอบฟังเหมือนกันครับ ของ Tony Orlando & Dawn ที่ผมชอบมีหลายเพลง เช่น Knock Three Times, Candida, He Don't Love You ระหว่างพิมพ์ชื่อ เสียงเพลงก็แทรกเข้ามาในความคิดเลยครับ เพราะจัง
เคยฟังเพลงนี้กับเพื่อนและเขาได้เล่าให้ฟังถึงความหมายของเพลง ได้อ่านข้อความของป้าเจี๊ยบเลยเป็นการตอกย้ำความเข้าใจ ขอบคุณมากเลยค่ะ
ต่อไปจะใช้เพลงอะไรประกอบการนำเสนอ ต้องศึกษาบริบทความเป็นมาของเพลงด้วย และทีหน้าทีหลังถ้าไม่ได้ไปติดคุกมาก็อย่าไปบอกใครว่า “I’ve done my time” อีกล่ะ
ช้อบชอบ
เป็นเพลงที่ ลูกสาวจะเลือกให้แม่ เวลาไปเกะ ความจริงร้องได้จบโดยไม่ดูเนื้อค่ะ
ขอบคุณค่ะ ทราบว่าใช้กับหลังพ้นโทษ แต่เพิ่งทราบว่าใช้กับกรณีอื่นไม่ได้