ผมนัดแนะกับเด็กๆว่า ชั่วโมงหน้า ให้นักเรียนเตรียมเปลือกไข่มาอย่างน้อยคนละ 2 ฟอง ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่ห่าน ไข่จิ้งจกไม่ได้ อย่าเอามานะ(ฮา) มากกว่านี้ยิ่งดีจะได้มีตัวเลือกในการศึกษา ฉะนั้น อาทิตย์นี้ กินไข่เมื่อไรเก็บเปลือกเอาไว้ เออ! เธอเจาะเปลือกไข่ให้รูเล็กๆกว่าปกตินะ เจาะด้านแหลม หัวหรือท้ายก็ได้ ห้ามตอกเหมือนเจียวไข่ปกติ ยุ่งยากหน่อย แต่ไม่เตรียมไม่ได้..เป็นเรื่อง! ไม่เตรียมมา แล้วจะเอาอะไรเรียน อาชีพครูนี่อดขู่นักเรียนไม่ได้จริงๆ ผมสังเกตตัวเอง
พอถึงเวลาเรียนจริง นักเรียนเตรียมเปลือกไข่เป็ด-ไข่ไก่มาอย่างพร้อมเพรียง หลายคนเตรียมมามากกว่าที่นัดแนะไว้เสียอีก บางกลุ่มตกแต่งรอยแตกเปลือกไข่ให้เรียบ โดยที่ครูไม่ได้บอก
ผมถามนักเรียนว่า ถ้าเอาหนังสือ สมุดต่างๆที่เธอเห็นบนโต๊ะครู วางทับเปลือกไข่ เปลือกไข่จะรับน้ำหนักหนังสือได้สักกี่เล่ม รับน้ำหนักได้-ไม่ได้ดูตรงไหน ไข่บางฟองร้าว ไข่ทุกฟองร้าว ไข่บางฟองแตก ไข่ทุกฟองแตก ผมซักซ้อมเกณฑ์ตัดสินใจของนักเรียน
ผมถามนักเรียนว่า อะไรทำให้เปลือกไข่รับน้ำหนักได้มากน้อยต่างกัน...ชนิดเปลือกไข่ ความหนาของเปลือกไข่(ไข่เป็ดหนากว่าไข่ไก่) จำนวนเปลือกไข่..
"คิดได้แค่นี้หรือ อย่างอื่นมีอีกมั้ย" ผมลุ้นให้นักเรียนคิดคำตอบเพิ่มเติม เพราะเรื่องน่าจะยังไม่พอกับจำนวนกลุ่มนักเรียน...ขนาดรูเปลือกไข่ที่เจาะ ลักษณะการวางเปลือกไข่(วางแนวตั้ง-วางแนวนอน)
ต่อจากนั้น ผมให้นักเรียนรวมกลุ่มกัน เพื่อจำนวนเปลือกไข่จะได้พอทดลอง แล้วให้แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดคำตอบอีกครั้ง เอาให้แน่ๆ เอาที่ทุกคนในกลุ่มเห็นร่วมกันจริงๆว่า อะไรทำให้เปลือกไข่รับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน หรือ การรับน้ำหนักของเปลือกไข่ขึ้นอยู่กับอะไร?
พอแต่ละกลุ่มได้คำตอบของตัวเองแล้ว ผมซักซ้อมความเข้าใจครั้งสุดท้าย ด้วยการให้แต่ละกลุ่มบอกตัวแปรต่างๆในการทดลอง ไม่ว่าจะเป็นตัวแปรต้น(อิสระ) ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม ผลคือนักเรียนบางกลุ่ม บางคน ยังบอกตัวแปรบางอย่างไม่ถูกต้องนัก แต่นักเรียนบางกลุ่มที่เข้าใจกว่าช่วยตอบได้
นักเรียนทึ่งกับผลการทดลองของเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งพบว่าเปลือกไข่ 4 ฟอง สามารถรับน้ำหนักหนังสือได้กว่า 9 กิโลกรัม
หลังทดลองและเขียนรายงานส่งทุกกลุ่มแล้ว ผมคุยกับนักเรียนว่า ที่ครูให้นักเรียนคิดและทำหลายๆครั้งที่ผ่านมา คนที่สงสัยหรือคนที่ถามคือครู นักเรียนทำแค่ตั้งสมมติฐาน ตรวจสอบสมมติฐาน แล้วก็สรุปผลเท่านั้น อันที่จริงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยขั้นตอนทั้งหมดตั้ง 4 ขั้นแน่ะ ได้แก่ ระบุปัญหา ตั้งสมมติฐาน ตรวจสอบสมมติฐาน และสรุปผล ผมทบทวนเรื่องเดิมๆให้นักเรียนฟัง เพื่อ..
พอดีเลย นักเรียนหญิงคนหนึ่ง เอ่ยสวนขึ้นมาว่า "ครูขา หนูอยากตั้งคำถามเองบ้าง"
ผมก็ได้แต่ยิ้มสิครับ "ครั้งหน้านักเรียนต้องระบุปัญหาเอง"
(ภาพประกอบ : การเรียนเรื่องนี้ ครั้งล่าสุด , 2 ก.พ. 2558)
อยากมีครู
แบบนี้ มากๆ
เหนื่อยมั้ยค่ะ
เป็นกำลังใจให้กันและกันนะค่ะ
กระติกคงไม่มีปัญญา ทำแบบนี้ แน่นอนค่ะ
ขอตอบได้มั๊ยค่ะคุณครูธนิตย์
งั้นขอถาม ไข่รับน้ำหนักได้มากที่สุดกี่ก.ก
รับจากแนวไหนเอ่ย??
เอ๊าครูยังพูดไม่จบนี่เน๊าะ
สวัสดีค่ะ
มาเป็นกำลังใจให้คุณครูคะ..
พร้อมฝากข้าวโพดหวานหวานให้ชิมจ้า
สวัสดีครับ
การเรียนรู้จากประสบการณ์ทำให้เกิดความเข้าใจ จดจำ นักเรียนช่างถาม ช่วยกระตุ้นให้คุณครูต้องคิดมากขึ้น ได้ประโยชน์ทั้งคู่ครับ
เปลือกไข่แตกแลเวเอาไปไหน
รูที่เจาะขนาดเท่ากันไหม
ไข่ที่ใช้เป็นไข่จากเป็ด ไก่ที่มีอายุต่างกันอย่างไร
ไข่ที่ได้จากฟาร์ม กับไข่เลี้ยงธรรมชาติแตกต่าง
หรือเหมือนกันอย่างไร
ข้อสังเกตการเลือกไข่ใหม่ ไข่เก่า
ประโยชน์ที่ได้จากไข่ใหม่กับไข่เก่า
ต่างกันมากน้อยเพียงใด อย่างไร
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความคิดเรื่องผลการรับน้ำหนักของไข่
เอ..ครูต้อยอยากเรียนวิทย์แล้วหละ ......คิดแบบโยนิโสมนสิการ
ขอบคุณค่ะ
อาจารย์ทำให้วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาน่าตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ อ่านเรื่องนี้แล้ว ทำไมไม่นึกกลัววิทยาศาสตร์เหมือนสมัยเด็กๆ เลยนะคะ (นั่น...เป็นคำถามได้ไหมคะ^^)
(อิ อิ รูปใครไม่รู้ค่ะ เห็นน่ารักดีขออนุญาตใช้อ้างอิงหน่อยนะค่ะ)
อะค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากสมัครเป็นนักเรียนมั้งจังเลยค่ะ อิอิ ไม่รู้จะแก่เกินไปหรือเปล่าค่ะ แต่ว่าขอชื่นชม ท่านอาจารย์มากเลยค่ะ พออ่านบันทึกแล้วอยากกลับ ไปเป็นเด็กอีกจังเลย เอิ๊กๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สวัสดีค่ะ
ลิเกคณะแก้วสาลิกา พระเอกชื่อ แสงเพชร ทองปอนด์ หรือเปล่าค่ะ
คุ้น ๆ
สวัสดีคะ คุณครู
มาเรียนรู้ด้วยคนนะค่ะ ....ขอบคุณค่ะ
คุณครูมีผลการทดลองรึเปล่าคะ
หนูอยากจะขออนุญาตเอาการทดลองของคุณครู
ไปเป็นเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหน่อยได้ไหมคะ
[email protected] ดีมาก และผมสนจัยด้วย ^^