พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า "ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป" มีใครบ้างไม่เคยทุกข์ไม่ว่า พระราชาหรือยาจก ไม่มีใครที่หนีพ้นโดยเฉพาะทุกข์อริยสัจซึ่งมี๑๒ ข้อได้แก่
๑. ชาติ (การเกิดเป็นทุกข์)
๒. ชรา (ความแก่เป็นทุกข์)
๓. มรณะ (ความตายเป็นทุกข์)
๔. โสกะ (ความเศร้าโศกเป็นทุกข์)
๕. ปริเทวะ ( ความคร่ำครวญหรือร่ำไร)
๖. ทุกข์ (ทุกข์ทางร่างกาย)
๗. โทมนัส (ทุกข์ทางใจ)
๘. อุปายาส (ความคับแค้นใจ ความสิ้นหวัง
เป็นทุกข์)
๙. อัปปิยสัมปโยค (การประสบกับคนหรือสิ่งที่ไม่เป็นที่รักเป็นทุกข์)
๑๐. ปิยวิปโยค (การพลัดพรากจากคนหรือสิ่งอันเป็นที่รักเป็นทุกข์)
๑๑. อิจฉิตาลาภ (การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนาเป็นทุกข์)
๑๒. อุปาทานขันธ์ (ทุกข์จากการยึดมั่นในขันธ์ 5)
พึงเรียนรู้ทุกข์ด้วยความเข้าใจ แท้จริงความสุขในโลกนี้หามีไม่ นอกจากสภาวทุกข์ที่น้อยลง... ตราบใดที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏก็ยังคงเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์
ด้วยความเหนื่อยล้า "การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ร่ำไป" ขอจงมาทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยการเดินตามอริยมรรคมีองค์แปดกันเถิด
...............................................
อ้างอิงจาก http://www.budmgt.com/budman/bm01/problemtruth.html
ภาพจาก อินเทอร์เน็ต
ปฏิจจสมุปบาท
สาธุ
สวัสดีค่ะ
-การเรียนรู้ทำให้พ้นจากความทุกข์ได้
-หาต้นเหตุแห่งทุกข์ได้ ก็จะพ้นทุกข์
-หาหลายๆเหตุผล.....มาลบล้างเหตุแห่งทุกข์ ก็จะทำให้เป็นสุขค่ะ
-เอาชนะความทุกข์ได้ เหมือนได้ชนะใจตนค่ะ
-ขอบคุณที่ให้โอกาส ลปรร.ค่ะ
สวัสดีค่ะ นั่นสิค่ะใครเล่าจะไม่ทุกข์...
เป็นธรรมดาของโลก...ขอบคุณนะคะ
พึงเรียนรู้ทุกข์ด้วยความเข้าใจ แท้จริงความสุขในโลกนี้หามีไม่ นอกจากสภาวทุกข์ที่น้อยลง... ตราบใดที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏก็ยังคงเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์
ด้วยความเหนื่อยล้า "การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ร่ำไป" ขอจงมาทำที่สุดแห่งทุกข์ด้วยการเดินตามอริยมรรคมีองค์แปดกันเถิด
ใครเลยไม่เคยทุกข์?.... หัวเรื่องปลุกความอยากรู้ดูค้นหา
ทุกข์อริยสัจ ๑๒ ข้อวิสัชชนา อนิจจาอนิจจังนั่งไตร่ตรอง
ทุกข์น้อยลงทำได้ไม่ยึดติด หลงสิ่งผิดทำไมให้ขุ่นหมอง
กิเลสตัณหาห่างไกลอย่าให้ครอง ไม่สนองโลภโกรธหลงปลงละวาง
เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มายาเขลาเอาทิ้งไปให้สะสาง
ศึกษาธรรมนำปฏิบัตินั้นแนวทาง ค่อยๆวางทุกข์ไว้ฝึกใจเรา
สวัสดีค่ะ
แวะมาเรียนรู้ทุกข์ด้วยความเข้าใจว่า "ไม่มีใครไม่มีทุกข์" จะทุกข์มากทุกข์น้อยน่าจะอยู่ที่ใจของแต่ละคนค่ะ เรื่องเดียวกันในคนสองคน อาจจะทุกข์ไม่เท่ากัน ขอบพระคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ในเช้านี้ค่ะ
@ ใครเลยไม่เคยทุกข์
แท้ความสุขไม่มีที่สงสัย
ขอขอบคุณบทกลอนที่สอนใจ
ผู้อ่านไซร้ได้ปัญญาพาละวาง
@ เร่งขวนขวายพาตนพ้นหม่นเศร้า
กี่ทางเดินเพลินเหงาตัณหาขวาง
หลงรูปนามขันธ์ห้าสิ้นหนทาง
จึงเคว้งคว้างกลางสมุทรสุดเหนี่ยวรั้ง
@ เวียนตายเกิดกองกระดูกเทียมขุนเขา
น้ำตาเราเคยกลัดกลุ้มแทบคลุ้มคลั่ง
มหานทียังน้อยกว่าเพราะโลภชัง
คือความหลังแห่งสงสารการเวียนวน
@ พึงรู้ทุกข์ปลุกใจให้เข้มแข็ง
จิตใจแกร่งหาญสู้แม้สับสน
เพื่อเบื่อหน่ายสิ้นสุดหยุดทางทน
ก้าวหลุดพ้นโลกสามอย่าคร้ามกลัว....
ดอกไผ่
ขอบคุณค่ะ พระพุทธองค์จึงทรงมีเมตตาชี้ทางแห่ง"อริยมรรค" เพื่อก้าวพ้นจากความทุกข์เหล่านี้ นะคะ..
อัปปิยสัมปโยค (การประสบกับคนหรือสิ่งที่ไม่เป็นที่รักเป็นทุกข์)
วันนี้น่าจะเจอทุกข์แบบนี้ค่ะ
จะทุกข์จะสุขอยู่ที่ใจเรากำหนด^
แต่เมื่อทุกข์มาเยือนก็ต้องมีสติพร้อมตั้งรับค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์วราภรณ์ ใช่แล้วครับ ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นทุกข์ หนทางดับทุกข์ก็ด้วยการเข้าถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ครับ
เรียนเชิญอาจารย์ไปเยี่ยมชมบันทึกใหม่ของผมนะครับ ลงแล้วครับผม ขอบคุณล่วงหน้าครับ
มีทุกข์บ้างก็ดี ได้ร้องไห้บ้าง ...
มีทุกข์บางครั้งก็ทำให้เราเข้าใจคนอื่นดีขึ้น และรู้จักเห็นใจคนอื่น...
มีทุกข์ทำให้รู้ว่าสุขเป็นอย่างไร...
มางานฟอรั่มรอบ 2 ไหมคะ
ระลึกถึงค่ะ
สวัสดีค่ะอ.ธรรมทิพย์
มักได้ยินผู้ใหญ่และครูบาอาจารย์ท่านพร่ำสอนว่า... สุขนั้นไม่มีหรอก มีแต่ทุกข์น้อย...
ขอบพระคุณสำหรับข้อธรรมเตือนใจค่ะ
(^___^)
ใครไม่มีทุกข์บ้างคงไม่มีหรอก อยู่ที่ว่าจะกำจัดทุกข์นั้นได้ยังไง
ขอบคุณ ธรรมทิพย์ ที่แวะไปอ่าน ในร้านเซเว่น ความเห็นหลากหลาย ธรรมะคุ้มใจล้วนๆ ขอบคุณทุกๆคนครับ
สุข อย่างที่เป็น
ทุกข์ ก็อย่างที่เห็น
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบันทึกและทักทาย
ขอให้มีความสุข ห่างทุกข์ตลอดไปจ้า
สวัสดีค่ะ
ทุกข์กับสุข อยู่ที่ใจ กำหนด ในบางเรื่องได้ใช่ไหมค่ะ
"ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป"
ขอบคุณค่ะ
เห็นแล้วยังว่าพี่เป็นนักอ่านจริง ๆ
อ่านบล็อกของน้องวราภรณ์เกือบหมดแล้ว ชอบด้วย ตอนนี้นอนดึกทุกคืน
ขอเพิ่มเติมข้อคิดดี ๆ จาก "ทีปภาวันธรรมสถาน" ที่ว่า "หาสุขได้จากทุกข์"
การมองอะไรในแง่บวกย่อมได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็ได้พัฒนาตนเอง
ตามมาจากโน่นครับ
"เกียรติ" เสริมส่งคงอยู่ผู้รัก"เกียรติ"
"ศักดิ์" ศรีเบียดเบียฬร้ายให้เสื่อม"ศักดิ์"
"ม่วง" คือสีดีงามในความรัก
"มิตร" ประจักษ์แจ้งใจให้กับ "มิตร"