ใครที่อกหัก น่าจะคิดเข้าข้างตนเองว่าโชคดีเท่าไหร่แล้ว น่าจะอมยิ้มด้วยซ้ำถ้าชอบชีวิตอิสระ คนจนก็มีทุกข์ของคนจน คนรวยก็มีทุกข์ของคนรวย คนสวย คนขี้เหร่ ต่างมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น
อยู่ในโลกICT. นึกว่าจะมีเวลามากเพราะสะดวกสบายมากขึ้น แต่กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม เจ้าระบบสื่อสารยิ่งกินเวลาของเรามากขึ้น เพราการล่องโลกกว้างไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไรและวิธีใดก็ล้วนแต่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเมื่อก่อนคนกรุงเทพรถติดเป็นตังเม ต่อมาจึงมีการสร้างทางด่วน ขุดเจาะอุโมงค์ ทำสะพานไขว้ไปมา ทำรถไฟวิ่งทั้งบนฟ้าและมุดลงใต้ดิน มันก็เสียเวลาติดเป็นตังเมอยู่ในรถยนต์เหมือนเดิม
เด็กกรุงเทพจะมีสักกี่คนที่นอนอิ่ม ถูกพี่เลี้ยงปลุกตั้งแต่เช้ามืดอาบน้ำแต่งตัว บางคนไปป้อนอาหารเช้ากันบนรถ ตอนเลิกเรียนเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด พ่อแม่ต้องถ่วงเวลาโดยการให้เรียนพิเศษ เพื่อรอกลับในช่วงประมาณ1ทุ่ม ที่ปลอดรถพอจะไปถึงบ้านได้ในเวลาต้องการ อาหารว่างต้องป้อนกันในรถอีก บางคนพ่อแม่มีกะตังส์ไปซื้ออาคารชุดให้ลูกๆไปอาศัยพักใกล้กับมหาวิทยาลัย เกิดเป็นภาวะจำยอมต้องมีบ้านหลังที่2-3 วันๆโกลาหลอยู่กับการโทรศัพท์ไปจัดการปัญหาบ้านแต่ละหลังจ้าละหวั่น จะเห็นว่าต้นทุนทางการศึกษาแต่ละครัวเรือนนับวันจะเพิ่มมากขึ้น ใครที่อกหัก น่าจะคิดเข้าข้างตนเองว่าโชคดีเท่าไหร่แล้ว น่าจะอมยิ้มด้วยซ้ำถ้าชอบชีวิตอิสระ
คนจนก็มีทุกข์ของคนจน คนรวยก็มีทุกข์ของคนรวย คนสวย คนขี้เหร่ ต่างมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นอย่าประมาทขอให้เรียนรู้KM.เพื่อชีวิตเข้าไว้ จะได้มีโช็คอัพติดหัวใจ!!
ผมอยู่ในป่า อยู่มาตั้งแต่ไม่มีถนน ขี่ม้าคดเคี้ยวมาตามคันนา ต่อมาðใช้จักรยาน ðใช้มอร์เตอร์ไซด์ ðรถยนต์ นอกจากไม่มีถนนแล้ว ไฟฟ้าก็ไม่มี แหล่งน้ำก็ไม่มี พื้นดินเป็นทรายขุดสระเก็บน้ำไม่ได้ บ่อน้ำตื่นระดับน้ำอยู่ลึก10เมตร ต้องใช้ควายเทียมล้อไปบรรทุกน้ำจากหมู่บ้านที่ห่างออกไป5กม.มาบริโภคและอุปโภค ต้องอาศัยน้ำฝนทำการเกษตรอย่างเดียว
ผมใช้ตะเกียงกระป๋องน้ำมันก๊าช ต่อมาใช้ตะเกียงเจ้าพายุ เมื่อ10ปีที่แล้วมีเสาไฟฟ้ามาปักพาดสาย ผ่านไปยังหมู่บ้านห่างจากบ้านที่ผมอยู่2กม. ผมต้องดิ้นรนหาเงินมาปักเสาลากสายเข้าสวนติดตั้งหม้อแปลงเอง เมื่อมีไฟฟ้าเทคโนโลยีก็ตามมาจุ้นจ้าน เจาะบ่อบาดาลน้ำลึก ปัมน้ำขึ้นมาใช้รดผักเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่เลี้ยงวัว ค่อยๆสะดวกสบายขึ้นตามลำดับ มีโอกาสได้ดูทีวี. มีโทรศัพท์จ๊ะจ๋าไปหาคนโน้นคนนี้ มีคอมพิวเตอร์มาให้เรียนรู้ อยู่ไม่นานระบบอินเทอร์เน็ทก็มาชวนท่องโลก
ตรงจุดนี้สำคัญนะครับ เพราะเครื่องมือค้นหาความรู้เพียบพร้อมไม่เสียเปรียบใครแล้ว ทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ เป็นการเปิดศักราชให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึง อานุภาพของครูเครื่อง ถ้าเราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จริงใจกับคนอื่น เราก็จะแสวงหาครูที่ดีมีเมตตาแนะนำเราได้ทุกสาขา อย่างที่ผมประสบด้วยตนเองในขณะนี้
ผมได้ท่องเที่ยวไปในโลกแห่งความรู้ ได้พัฒนาการเรียนรู้ ไม่อยู่กับความรู้อย่างสมใจจะเอาอะไรก็เลือกจิ้มๆๆ ความรู้ก็ไหลออกมา จนติดเป็นนิสัยเที่ยวไปเที่ยวมากับการเรียนรู้ผ่านบล็อก เวลาที่เคยมีไว้อ่านหนังสือ ไปเดินชมนกชมไม้ หรือไปเรียนรู้จากที่อื่นก็น้อยลง ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกรักใครดี ระหว่างอินเทอร์เน็ท กับ หัวโขน จะไปอยู่ข้างไหน ไปร่วมชีวิตใหม่กับใคร
ผมมานั่งทบทวนหลายตระหลบก็พบคำตอบ..อย่างนี้ต้องลาออก ลาออก.. จัดการร่างจดหมายยื่นใบลาออกจากการทำหน้าด้านสังคมที่อยู่ไกลตัว ที่เดือนๆหนึ่งต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางไปประชุมเป็นว่าเล่น ขอเปลี่ยนมาเป็นทำเรื่องใกล้ตัวใกล้ใจ สร้างแผนที่ความรู้ขึ้นมาใหม่ ชูนิ้วขึ้นมานับ สมมุติว่าถ้าจากนี้ไปมีชีวิตอยู่ได้อีก5ปี ก็เอา 365x5=1,825วัน ถ้านับวันนี้ด้วยก็จะเหลือ 1,824 วัน ตื่นมาวันไหนก็หักออกไปทีละวัน จนเหลือเลข 0 เราก็หลุดเป็นอิสระอย่างแท้จริง
เว้นแต่ถ้านักวิทยาศาสตร์ คิดค้นเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสื่อสารไปถึงคนที่อยู่ต่างภพได้ ผมก็อาจจะกลับมานั่งเขียนบล็อกถึงญาติๆที่อยู่ทั่วไปในผืนแผ่นดินไทย ถึงก๊วนผมจะเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนู เรายิ่งใหญ่เรื่องน้ำใจไมตรีไม่แพ้ใคร
ใครคิดถึงผมนอกจากตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แล้ว ก็ส่งสัญญาณไปถึงBolgที่พระอินทร์ดูแลอยู่ ถามข่าวคราวถึงผมบ้างก็จะดีใจและดีใจ ถ้าผมตอบช้าไปก็จุดธูปเตือนด้วยก็แล้วกัน ตกลงตามนี้นะคนดี.
ลำดับที่6 ญาติผมคนนี้เป็นหนุ่มหน้ามล ที่คนชาวบล็อกรักใครกระตู้วู้ เพราะความที่เป็นคนนิ่งและแม่นยำในสิ่งที่คิดและทำ เป็นชายหนุ่มที่กล้ากำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตนเอง ว่าจะคิดจะทำ เพี่อต้องการอะไร ผมติดตามข้อเขียนของเขามาตั้งแต่วันแรกๆ รับรู้ได้ถึงความมีอิสระทางความคิด และใส่ใจที่จะพัฒนาความสามารถผ่านการเชื่อมโยงสะพานความรู้ไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เป็นคนมีน้ำใจและไมตรีจิตไว้แจกจ่ายครอบคลุมไปทั่วทุกขุนเขาเมืองปาย และทั่วเขาที่ทอดตัวฝั่งพม่าตอนเหนือทั้งหมด
ที่พูดข้างบนนั่นผมไม่ได้ยกเมฆมาเขียน ผมฝากหนังสือไปเล่มหนึ่ง ไม่นานนักก็ได้รับโปสการ์ดไปรษณีย์มีมาถึง เขียนด้วยลายมืออ่านง่ายว่า …”เป็นวาสนาที่มีโอกาสได้รู้จักพ่อครูบา ผมได้รับหนังสือ”คนนอกระบบ” จากพ่อแล้ว ด้วยความตื่นเต้น ตื้นตันใจ เหลือประมาณ ผมได้เริ่มอ่านไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็เฝ้าหอบไปหอบมา แต่เพียงเริ่มอ่าน..ผมก็สะดุดกับหลายๆคำที่อยู่ในหนังสือ ทำให้ผมคิดว่า ผมได้รับโอกาส และพ่อครูบาเอื้อเอ็นดูผมครับ ทางย่างก้าวผมยังยาวอีกไกล ผมขอพ่อช่วยชี้แนะ สั่งสอน เสมือนเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งนะครับพ่อ” ด้วยจิตคารวะ
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร หนุ่มเมืองปาย แม่ฮ่องสอน
-
คงไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกแล้วนะครับ
-
และก็ควรจะกระจ่างใจได้แล้วว่า
-
ทำไมหนุ่มน้อยหน้ามลคนนี้ถึงเข้าไปนั่งอยู่ในใจของใครต่อใคร
-
ถ้าเขายังโสด
-
ผมคงขอเป็นพ่อสื่อคัดลูกสาวเครือญาติชาวบล็อกไปให้สักคน
-
ทำไมรึ!
-
ก็กลัวสาวดอยเผ่าอื่นมาคว้าไปทำพ่อพันธุ์ดีนะสิ โธ่!
-
ไม่ได้พูดเล่นนะจ๊ะ
-
ทั้งหมดนี้ พูดจริง หวังแต่ง
-
ขอเพียงส่งเสียงมา..
-
ผมจะเปลี่ยนสถานะจากพ่อธรรมดา เป็นพ่อตา ทันที! อิ อิ