หนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนชั้นโชว์หนังสือใหม่ของร้านหนังสือประจำตัว หน้าปกไม่สะดุดตามากนัก แต่เมื่อเปิดดูเนื้อหาภายในกลับมีเนื้อหาที่เรียบง่าย บางเบา อ่านแล้วสบายใจ แถมคนเขียนก็เป็นคนแถว ๆ ภาคเหนือ เป็นอดีดครูบ้านนอก
ซื้อมาไว้ในห้องสมุดส่วนตัวได้ ก็เปิดดูสารบัญทุกบทน่าอ่านหมด แต่รู้สึกสนใจในชื่อบทความบทหนึ่งที่เขียนว่า "ความสุขจากการสนทนาที่ไร้ความหมาย"
มันเป็นอย่างไร ผมใคร่รู้
เมื่ออ่านจบแล้วเกิดความปิติในใจอย่างมาก
เรียบง่าย บางเบา และเคล้าความสุขใจมาก
จึงอยากนำเสนอบทความดังนี้ครับ
อดีตในวัยเรียนเราต้องเรียนรู้ผ่านการศึกษาจากผู้รู้ (ครู-อาจารย์) เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ภายในโลกของระบบการศึกษาในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่เรียกกันว่า "ห้องเรียน" โดยได้รับการถ่ายทอดจากผู้รู้จากการสื่อสารผ่านทั้งการพูดและการกระทำของครูผู้สอน
แต่ความเชื่อส่วนใหญ่ของคนเราปรับเปลี่ยนไปตามขอบเขตของกาลเวลา
ในระดับประถมศึกษา เราเชื่อในตัวบุคคลซึ่งก็คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ผู้สอน
ระดับมัธยมศึกษา เรากลับเชื่อเพื่อนมากกว่าสิ่งอื่น
ระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี เรากลับมาเชื่อในเนื้อหาของตำรา
ระดับปริญญาโทและเอก เราถึงกลับมาเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง
แต่ทั้งหมดทั้งมวล เชื่อได้หรือไม่ว่า อะไรคือความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การศึกษาในระดับใดมากกว่ากันที่มาหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ของคนเราให้สมบูรณ์ที่สุด
ในอดีตเราอาจชอบพูดคุยกับผู้รู้ ผู้แตกฉานในวิชาการแขนงต่าง ๆ
เราชอบสนทนากับผู้ที่มีความรู้รอบด้าน นักปราชญ์ นักวิชาการ อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ฯลฯ ซึ่งเราเป็นฝ่ายรับเอาความรู้และประสบการณ์ของท่านผู้รู้เหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบหน้าที่การงาน
แต่เป็นที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ฤดูกาลที่โอบรัดเอากาลเวลาหมุนเวียนผ่านไประลอกแล้วระลอกเล่า กลับเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนเราให้กลับตาลปัตรอย่างคาดไม่ถึง...
โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเรามีความรู้สูงขึ้น
เรากลับไม่อยากสนทนากับผู้รู้หรือนักปราชญ์เหล่านั้น
เรากลับชอบการสนทนากับผู้ที่ไม่รู้...
อย่างเช่น ชอบคุยกับชายชราอายุ 70 ปี ชาวนาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งทำนามาทั้งชีวิต แต่ยังไม่เคยมีที่นาเป็นของตนเอง ยายแก้ว หญิงชราที่ใช้ค่อนชีวิตอาศัยข้าวก้นบาตรจากพระในวัดใกล้บ้าน หรือแม้กระทั่งคนบ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ที่อดมื้อกินมื้อในต่างจังหวัดแสนไกล แถมไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำ
ทำไม...
เรากลับชอบสนทนาที่ไร้ความหมายกับผู้ที่ไม่รู้มากกว่าผู้ที่รู้
อาจเป็นเพราะ...
ความนึกคิดที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดของผู้ไม่รู้เหล่านั้น เป็นการพูดออกมาตรง ๆ ไม่มีสิ่งใดเจือปน ให้ต้องมานั่งแปลความหมาย ต้องมานั่งขบคิดไขความหมาย ต้องมานั่งแต่งเติม กลัวไม่ถูกต้องตามหลักของภาษา
เป็นความรู้ที่มาจากความไม่รู้
คนที่ไม่รู้แต่กลับถ่ายทอดประสบการณ์ที่ไม่รู้ออกมาเป็นความรู้ให้เราฟัง นับว่าเป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ เป็นเนื้อหาจริง ๆ จากประสบการณ์จริง ๆ ในความรู้ คือรู้อย่างไรก็ถ่ายทอดออกมาอย่างนั้น...
เพราะคนเราชอบการสนทนาที่ไร้ความหมายมากกว่าเอาความหมายเหล่านั้นมานั่งขบคิด มาวิเคราะห์ นั่งตีโจทย์ให้แตก ไม่มีเงื่อน ไม่มีปมต้องมาแกะ
คำพูดตรง ๆ จากประสบการณ์ชีวิตตรง ๆ จึงนับว่าเป็นความรู้ที่ไม่เคยได้รับการยอมรับ เนื่องจากผู้คนเหล่านั้นไม่มีความรู้ ไม่มีในหนังสือเล่มไหน เพราะไม่มีคนสนใจที่จะเอาความไม่รู้มาใส่ในหนังสือความรู้
แต่เราอาจลืมเลือนไปว่า...
กว่าคนเหล่านั้นจะผ่านประสบการณ์ชีวิตจากเด็กเข้าสู่วัยชราย่อมมีการลองผิดลองถูกกับการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งผิดหวังและสมหวัง
นั่นแหละ ปราชญ์ชาวบ้าน คือ นักปราชญ์บ้านนอก
บางครั้งถ้าหากเรามีเวลาว่าง
ทำตัวตามสบาย ทำความคิดให้โล่ง เหมือนกระดาษที่ยังไม่ได้เขียน
ลองให้นักปราชญ์บ้านนอกเหล่านั้นเป็นคนเขียนร่มเงาในความคิด... อย่าไปจับสาระความรู้อะไรมากนัก อย่าไปยึดติดกับหลักภาษา อย่าไปยึดติดกับความถูกต้องหรือความไพเราะของคำพูด
ที่สำคัญ
อย่าใช้คำถามกับปราชญ์บ้านนอกเหล่านั้นว่าเราจะบีบคั้นเอาความรู้ ไปกดขี่ข่มขืนทางความคิดของเขา จนเขาไม่กล้าที่จะพูด
ทำตัวเราให้เบาบาง เหมือนขนนกที่พัดปลิวในกระแสลมที่เย็นสบาย
แม้บางครั้งลมอาจจะแรงและเร็วบ้าง
จงเป็นขนนกที่เงียบสงบ และลอยละล่องไปตามกระแสธารความคิดของท่านเหล่านั้น
เป็นความสุขง่าย ๆ ที่เราไม่ต้องเสียค่าชั่วโมงฟังเล็คเชอร์จากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง
เป็นความสุขที่ไม่มีความกังวลขุ่นข้องที่เป็นสิ่งกีดขวางความคิดใคร
ที่สำคัญ...
เป็นความสุขแบบธรรมดาสามัญที่สุด
ที่เราเผลอลืมไปเท่านั้นเอง
คนที่คิดว่าตัวเองฉลาด
จะเป็นคนที่โง่ที่สุด
ต่างกับคนที่คิดว่าตัวเองโง่
นั่นแหละ...คือคนที่ฉลาดที่สุด
........................................................................................................
บทความนี้สะท้อนอะไรหลายอย่างที่ผมไม่ต้องสรุปอะไรต่อ
การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน
มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม
นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด"
หรือคุณคิดว่า ไม่จริง? ;)...
บุญรักษา ทุกท่านครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ ครับ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ;)...
........................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...
สุพจน์ นุ้ยเจริญ. สุขจริงได้ง่ายนิดเดียว. นนทบุรี: ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์, 2554.
การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด" อ่านแล้วประทับใจ
เย้...
ดีใจจังที่เราเป็นคนฉลาด เพราะยังคิดว่าตัวเองโง่อยู่เลย
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
อาจารย์สบายดีนะคะ
ขอบคุณมากครับ คุณครู Nopparat Pongsuk ที่แวะมาเยี่ยมเยือน ;)...
ขอบคุณมากครับ พี่คุณครู อิงจันทร์ ณ. เรือนปั้นหยา ;)...
งานเยอะแยะ แต่ยังสบายดีครับ
อาจารย์เทวดาคะ
ชอบฟังกูรู และ ปราชญ์ชาวบ้านคุยกันค่ะ
บางทีเป็นเรื่องง่ายๆ หรือบางเรื่องที่ใกล้ตัวแต่เราก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ
*^_^*
คุณค่าของความเป็นคนของเรา ๆ ท่าน ๆ ทุกคนมีเท่ากันนะครับ นางฟ้า ชาดา ;)...
เพียงแต่ว่าหลายครั้ง หลายคนที่มีปริญญาหลาย ๆ ใบ ตำแหน่งหลาย ๆ ตำแหน่ง
หัวโขนหลาย ๆ หัว มักจะคิดว่า ตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นที่ไม่มีอะไรสักใบเลย
ยิ่งเรียนสูง อัตตายิ่งพอกหนามากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนก็เกินจะเยียวยา
เรื่องธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา จริง ๆ ใช่ไหมครับ ;)...
ขอบคุณนะครับ นางฟ้า ;)...
การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน
บทความนี้ทำให้ผมคิดถึงอะไรได้หลาย ๆ อย่างครับ ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ;)...
.....................................................................................................
การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน
มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม
นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด"
.....................................................................................................
ผมมีความสุขที่ได้คิดและทำครับ ;)
"ลืมใจ" ไปนี่ บ่อยครับ อิ อิ
เช่น ลืมใจไปทำงาน ลืมใจไม่ให้รักเธอ แบบนี้ครับ 555
สุขจริง จากใจ ไร้รูปแบบ แต่เปี่ยมความหมาย นะคะ ชอบๆ ขอบคุณเจ้า:)
ขอบคุณมากครับ คุณ Poo ;)...
ความสุขจากเรื่องง่าย ๆ ที่นักวิชาการผู้ทรงภูมิ..มองข้ามเสมอ
ได้อ่านแล้วเหมือนกัน ทำให้รู้ว่าความสุขอยู่ไม่ไกล
คนเขียนเขียนได้ดีมากนะคะ อยากให้ทุกคนได้อ่าน
สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว เพียงแต่เราเอามาใช้ในชีวิตคะ สาะธุ
คนเขียนๆได้ดีจริงๆครับ
ทำยังไง คนไทยจะได้อ่่านหนังสือดีๆๆๆๆแบบนี้ได้ครับ
เสียดาย....คนไทยที่ไม่ได้อ่าน
ขอบคุณมากครับ คุณ ดวงดาว ที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนบันทึกนี้ ;)...
ขอบคุณมากครับ คุณ กนก ;)...
อาจารย์ค่ะ
หนังสือหลายๆเรื่องที่อาจารย์โพสลงหนูชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
อ่านแล้วได้ข้อคิด ได้มุมมองที่ดีเยอะมากเลยค่ะ ^^
น้อง อาร์ม ... พี่คงหนอนหนังสือมั้งครับ
เพียงแต่หนังสือที่ชอบอ่านเน้น "เรียบง่าย" ไม่ซับซ้อน
วิชาการจ๋า ก็ไม่ไหว ... Hard Core ก็ไม่รับ
สูงสุด คืนสู่ สามัญ เหมือนท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ว่าไว้ครับ ;)...
ไปหาอ่านตามที่ท่านอาจารย์บอก
หนังสือหายากมากคะ แต่เดี๋ยวร้าน(ซีเอ็ด)บอกว่าจะสั่งมาให้อีก
ขอความกรุณาท่านอาจารย์โพส ตัวอย่างอีกสักเรื่องได้ไหมคะในหนังสือ
สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว เพราะอยากรู้เรื่องต่อๆไป..(ในระหว่างที่รอ)
ตามตัวอย่างที่อาจารย์เอามาลงทำให้ได้รู้ซึ้งถึงความสุขง่ายๆจริงๆ
เป็นกำลังใจให้อาจารย์และคนที่เขียนหนังสือนะคะ
พิม คะ
ปล.จะเอาไปอ่านให้นักเรียนฟัง
คุณครูพิม ครับ ... งั้นผมขอเวลาภายในคืนนี้แล้วกันนะครับ ;)...
เดี๋ยวเอาบทความที่ผมประทับใจอีกสักบทนะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ ;)...
จะรอด้วยใจสงบ สบายคะ (รออีกบทที่ท่านอาจารย์จะเขียน)
ท่านอาจารย์ ว่าจะไปหาซื้ออยู่เห็นว่าอ่านแล้ว สบายใจ
ดีกว่าอ่านข่าวการเมืองใช่ไหมคะ (การเมืองพาให้รุ่มร้อน)
แค่ได้มีน้ำเย็นๆมาลูบหน้าบ้างๆก็สุขใจ
รอคอยคะ
จอมขวัญ
คุณครูพิม / คุณครูจอมขวัญ ครับ
นี่คือบันทึก "บุญวาสนา กับ ความสุข" ... (สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว)
ที่มอบให้คุณครูอีกบันทึกนะครับ ;)...
อ่านแล้วดีจิงค่ะ ได้แง่คิดหลายๆเรื่องๆเลย
ขอบคุณครับ คุณ tan ;)...
อยากบิน อยากลอยล่องไปอย่างอิสระ
แต่พอได้อ่านดูแล้ว รู้สึกว่า...
สุดท้ายต้องกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งนะ
สามัญชน..คือสิ่งที่เราเป็นอยู่
รักอาจารย์และชอบคนเขียนหนังสือคะ
ขอบคุณครับ คุณ นกน้อย ;)...
ความแปลก คงหมายถึง สิ่งที่คนปกติ มองผ่านไปน่ะครับ
ขอบคุณมากครับ พี่ ✿อุ้มบุญ ✿ ;)...
ป.ล. หนังสือดีครับพี่
อ่านหนังสือแล้วมีความรู้สึกว่า....
สะอาด สว่าง อยู่กลางใจครับ
แนะนำให้อ่านครับ
ขอบคุณครับ คุณศักดิ์ ;)