"ความสุข" จากการสนทนาที่ไร้ความหมาย ... (สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว)


คนที่คิดว่าตัวเองฉลาด จะเป็นคนที่โง่ที่สุด ต่างกับคนที่คิดว่าตัวเองโง่ นั่นแหละ...คือคนที่ฉลาดที่สุด

หนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนชั้นโชว์หนังสือใหม่ของร้านหนังสือประจำตัว หน้าปกไม่สะดุดตามากนัก แต่เมื่อเปิดดูเนื้อหาภายในกลับมีเนื้อหาที่เรียบง่าย บางเบา อ่านแล้วสบายใจ แถมคนเขียนก็เป็นคนแถว ๆ ภาคเหนือ เป็นอดีดครูบ้านนอก

ซื้อมาไว้ในห้องสมุดส่วนตัวได้ ก็เปิดดูสารบัญทุกบทน่าอ่านหมด แต่รู้สึกสนใจในชื่อบทความบทหนึ่งที่เขียนว่า "ความสุขจากการสนทนาที่ไร้ความหมาย"

มันเป็นอย่างไร ผมใคร่รู้

เมื่ออ่านจบแล้วเกิดความปิติในใจอย่างมาก

เรียบง่าย บางเบา และเคล้าความสุขใจมาก

 

จึงอยากนำเสนอบทความดังนี้ครับ

 

 

ความสุขจากการสนทนาที่ไร้ความหมาย

 

อดีตในวัยเรียนเราต้องเรียนรู้ผ่านการศึกษาจากผู้รู้ (ครู-อาจารย์) เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ภายในโลกของระบบการศึกษาในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่เรียกกันว่า "ห้องเรียน" โดยได้รับการถ่ายทอดจากผู้รู้จากการสื่อสารผ่านทั้งการพูดและการกระทำของครูผู้สอน

แต่ความเชื่อส่วนใหญ่ของคนเราปรับเปลี่ยนไปตามขอบเขตของกาลเวลา

ในระดับประถมศึกษา เราเชื่อในตัวบุคคลซึ่งก็คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ผู้สอน

ระดับมัธยมศึกษา เรากลับเชื่อเพื่อนมากกว่าสิ่งอื่น

ระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี เรากลับมาเชื่อในเนื้อหาของตำรา

ระดับปริญญาโทและเอก เราถึงกลับมาเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง

แต่ทั้งหมดทั้งมวล เชื่อได้หรือไม่ว่า อะไรคือความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การศึกษาในระดับใดมากกว่ากันที่มาหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ของคนเราให้สมบูรณ์ที่สุด

 

ในอดีตเราอาจชอบพูดคุยกับผู้รู้ ผู้แตกฉานในวิชาการแขนงต่าง ๆ

เราชอบสนทนากับผู้ที่มีความรู้รอบด้าน นักปราชญ์ นักวิชาการ อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ฯลฯ ซึ่งเราเป็นฝ่ายรับเอาความรู้และประสบการณ์ของท่านผู้รู้เหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบหน้าที่การงาน

แต่เป็นที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ฤดูกาลที่โอบรัดเอากาลเวลาหมุนเวียนผ่านไประลอกแล้วระลอกเล่า กลับเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนเราให้กลับตาลปัตรอย่างคาดไม่ถึง...

 

โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเรามีความรู้สูงขึ้น
เรากลับไม่อยากสนทนากับผู้รู้หรือนักปราชญ์เหล่านั้น

 

เรากลับชอบการสนทนากับผู้ที่ไม่รู้...

อย่างเช่น ชอบคุยกับชายชราอายุ 70 ปี ชาวนาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งทำนามาทั้งชีวิต แต่ยังไม่เคยมีที่นาเป็นของตนเอง ยายแก้ว หญิงชราที่ใช้ค่อนชีวิตอาศัยข้าวก้นบาตรจากพระในวัดใกล้บ้าน หรือแม้กระทั่งคนบ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ที่อดมื้อกินมื้อในต่างจังหวัดแสนไกล แถมไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำ

 

ทำไม...
เรากลับชอบสนทนาที่ไร้ความหมายกับผู้ที่ไม่รู้มากกว่าผู้ที่รู้

 

อาจเป็นเพราะ...
ความนึกคิดที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดของผู้ไม่รู้เหล่านั้น เป็นการพูดออกมาตรง ๆ ไม่มีสิ่งใดเจือปน ให้ต้องมานั่งแปลความหมาย ต้องมานั่งขบคิดไขความหมาย ต้องมานั่งแต่งเติม กลัวไม่ถูกต้องตามหลักของภาษา

 

เป็นความรู้ที่มาจากความไม่รู้

 

คนที่ไม่รู้แต่กลับถ่ายทอดประสบการณ์ที่ไม่รู้ออกมาเป็นความรู้ให้เราฟัง นับว่าเป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ เป็นเนื้อหาจริง ๆ จากประสบการณ์จริง ๆ ในความรู้ คือรู้อย่างไรก็ถ่ายทอดออกมาอย่างนั้น...

เพราะคนเราชอบการสนทนาที่ไร้ความหมายมากกว่าเอาความหมายเหล่านั้นมานั่งขบคิด มาวิเคราะห์ นั่งตีโจทย์ให้แตก ไม่มีเงื่อน ไม่มีปมต้องมาแกะ

คำพูดตรง ๆ จากประสบการณ์ชีวิตตรง ๆ จึงนับว่าเป็นความรู้ที่ไม่เคยได้รับการยอมรับ เนื่องจากผู้คนเหล่านั้นไม่มีความรู้ ไม่มีในหนังสือเล่มไหน เพราะไม่มีคนสนใจที่จะเอาความไม่รู้มาใส่ในหนังสือความรู้

 

แต่เราอาจลืมเลือนไปว่า...

กว่าคนเหล่านั้นจะผ่านประสบการณ์ชีวิตจากเด็กเข้าสู่วัยชราย่อมมีการลองผิดลองถูกกับการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งผิดหวังและสมหวัง

นั่นแหละ ปราชญ์ชาวบ้าน คือ นักปราชญ์บ้านนอก

 

บางครั้งถ้าหากเรามีเวลาว่าง

ทำตัวตามสบาย ทำความคิดให้โล่ง เหมือนกระดาษที่ยังไม่ได้เขียน

ลองให้นักปราชญ์บ้านนอกเหล่านั้นเป็นคนเขียนร่มเงาในความคิด... อย่าไปจับสาระความรู้อะไรมากนัก อย่าไปยึดติดกับหลักภาษา อย่าไปยึดติดกับความถูกต้องหรือความไพเราะของคำพูด

 

ที่สำคัญ

อย่าใช้คำถามกับปราชญ์บ้านนอกเหล่านั้นว่าเราจะบีบคั้นเอาความรู้ ไปกดขี่ข่มขืนทางความคิดของเขา จนเขาไม่กล้าที่จะพูด

ทำตัวเราให้เบาบาง เหมือนขนนกที่พัดปลิวในกระแสลมที่เย็นสบาย

แม้บางครั้งลมอาจจะแรงและเร็วบ้าง

จงเป็นขนนกที่เงียบสงบ และลอยละล่องไปตามกระแสธารความคิดของท่านเหล่านั้น

เป็นความสุขง่าย ๆ ที่เราไม่ต้องเสียค่าชั่วโมงฟังเล็คเชอร์จากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง

เป็นความสุขที่ไม่มีความกังวลขุ่นข้องที่เป็นสิ่งกีดขวางความคิดใคร

 

ที่สำคัญ...

เป็นความสุขแบบธรรมดาสามัญที่สุด

ที่เราเผลอลืมไปเท่านั้นเอง

 


คนที่คิดว่าตัวเองฉลาด
จะเป็นคนที่โง่ที่สุด
ต่างกับคนที่คิดว่าตัวเองโง่
นั่นแหละ...คือคนที่ฉลาดที่สุด

 

........................................................................................................

 

บทความนี้สะท้อนอะไรหลายอย่างที่ผมไม่ต้องสรุปอะไรต่อ

การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน

มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม

นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด"

หรือคุณคิดว่า ไม่จริง? ;)...

บุญรักษา ทุกท่านครับ

 

ป.ล. หนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ ครับ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ;)...

 

........................................................................................................

ขอบคุณหนังสือดี ๆ  ...

 

สุพจน์  นุ้ยเจริญ.  สุขจริงได้ง่ายนิดเดียว.  นนทบุรี: ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์, 2554.

 

หมายเลขบันทึก: 446625เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2011 23:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด" อ่านแล้วประทับใจ

เย้...

ดีใจจังที่เราเป็นคนฉลาด เพราะยังคิดว่าตัวเองโง่อยู่เลย

ขอบพระคุณค่ะอาจารย์

อาจารย์สบายดีนะคะ

ขอบคุณมากครับ คุณครู Nopparat Pongsuk ที่แวะมาเยี่ยมเยือน ;)...

ขอบคุณมากครับ พี่คุณครู อิงจันทร์ ณ. เรือนปั้นหยา ;)...

งานเยอะแยะ แต่ยังสบายดีครับ

อาจารย์เทวดาคะ 

ชอบฟังกูรู และ ปราชญ์ชาวบ้านคุยกันค่ะ 

บางทีเป็นเรื่องง่ายๆ หรือบางเรื่องที่ใกล้ตัวแต่เราก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ

*^_^*

คุณค่าของความเป็นคนของเรา ๆ ท่าน ๆ ทุกคนมีเท่ากันนะครับ นางฟ้า ชาดา ;)...

เพียงแต่ว่าหลายครั้ง หลายคนที่มีปริญญาหลาย ๆ ใบ ตำแหน่งหลาย ๆ ตำแหน่ง

หัวโขนหลาย ๆ หัว มักจะคิดว่า ตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นที่ไม่มีอะไรสักใบเลย

ยิ่งเรียนสูง อัตตายิ่งพอกหนามากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนก็เกินจะเยียวยา

เรื่องธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา จริง ๆ ใช่ไหมครับ ;)...

ขอบคุณนะครับ นางฟ้า ;)...

  • สูงสุดคืนสู่สามัญ

การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน

  • ยิ่งธรรมดายิ่งงดงาม เป็นบันทึกที่ถูกใจมากค่ะ
  • หลัง ๆ ไม่ค่อยอยากคุยอะไรเลยค่ะ รู้สึกว่าไม่ค่อยมีความรู้ และเบื่อหน่ายความรู้ สงสัยกำลังจะกลับสู่สามัญ สภาวะที่ไม่ต้องรู้อะไร อาศัยความคุ้นชินกับประสบการณ์ก็พอ จริง ๆ แล้วอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ "รู้เนื้อรู้ตัวนะคะ"
  • อย่าลืมใจบ่อย ๆ นะคะ

บทความนี้ทำให้ผมคิดถึงอะไรได้หลาย ๆ อย่างครับ ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ;)...

.....................................................................................................

การศึกษาที่สูงส่ง คือ การน้อมรับคุณค่าแห่งความเป็นคน

มากกว่านอบน้อมวัตถุ เงินตรา หรือ ชื่อเสียงจอมปลอม

นี่เป็น "ความสุขที่ธรรมดาสามัญที่สุด"

.....................................................................................................

ผมมีความสุขที่ได้คิดและทำครับ ;)

"ลืมใจ" ไปนี่ บ่อยครับ อิ อิ

เช่น ลืมใจไปทำงาน ลืมใจไม่ให้รักเธอ แบบนี้ครับ 555

สุขจริง จากใจ ไร้รูปแบบ แต่เปี่ยมความหมาย นะคะ ชอบๆ ขอบคุณเจ้า:)

 

 

 

ขอบคุณมากครับ คุณ Poo ;)...

ความสุขจากเรื่องง่าย ๆ ที่นักวิชาการผู้ทรงภูมิ..มองข้ามเสมอ

ได้อ่านแล้วเหมือนกัน ทำให้รู้ว่าความสุขอยู่ไม่ไกล

คนเขียนเขียนได้ดีมากนะคะ อยากให้ทุกคนได้อ่าน

สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว เพียงแต่เราเอามาใช้ในชีวิตคะ สาะธุ

คนเขียนๆได้ดีจริงๆครับ

ทำยังไง คนไทยจะได้อ่่านหนังสือดีๆๆๆๆแบบนี้ได้ครับ

เสียดาย....คนไทยที่ไม่ได้อ่าน

ขอบคุณมากครับ คุณ ดวงดาว ที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนบันทึกนี้ ;)...

ขอบคุณมากครับ คุณ กนก ;)...

อาจารย์ค่ะ

หนังสือหลายๆเรื่องที่อาจารย์โพสลงหนูชอบทุกเรื่องเลยค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิด ได้มุมมองที่ดีเยอะมากเลยค่ะ ^^

น้อง อาร์ม ... พี่คงหนอนหนังสือมั้งครับ

เพียงแต่หนังสือที่ชอบอ่านเน้น "เรียบง่าย" ไม่ซับซ้อน

วิชาการจ๋า ก็ไม่ไหว ... Hard Core ก็ไม่รับ

สูงสุด คืนสู่ สามัญ เหมือนท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ว่าไว้ครับ ;)...

ไปหาอ่านตามที่ท่านอาจารย์บอก

หนังสือหายากมากคะ แต่เดี๋ยวร้าน(ซีเอ็ด)บอกว่าจะสั่งมาให้อีก

ขอความกรุณาท่านอาจารย์โพส ตัวอย่างอีกสักเรื่องได้ไหมคะในหนังสือ

สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว เพราะอยากรู้เรื่องต่อๆไป..(ในระหว่างที่รอ)

ตามตัวอย่างที่อาจารย์เอามาลงทำให้ได้รู้ซึ้งถึงความสุขง่ายๆจริงๆ

เป็นกำลังใจให้อาจารย์และคนที่เขียนหนังสือนะคะ

พิม คะ

ปล.จะเอาไปอ่านให้นักเรียนฟัง

คุณครูพิม ครับ ... งั้นผมขอเวลาภายในคืนนี้แล้วกันนะครับ ;)...

เดี๋ยวเอาบทความที่ผมประทับใจอีกสักบทนะครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ ;)...

จะรอด้วยใจสงบ สบายคะ (รออีกบทที่ท่านอาจารย์จะเขียน)

ท่านอาจารย์ ว่าจะไปหาซื้ออยู่เห็นว่าอ่านแล้ว สบายใจ

ดีกว่าอ่านข่าวการเมืองใช่ไหมคะ (การเมืองพาให้รุ่มร้อน)

แค่ได้มีน้ำเย็นๆมาลูบหน้าบ้างๆก็สุขใจ

รอคอยคะ

จอมขวัญ

คุณครูพิม / คุณครูจอมขวัญ ครับ

นี่คือบันทึก "บุญวาสนา กับ ความสุข" ... (สุขจริงได้ ง่ายนิดเดียว) 

ที่มอบให้คุณครูอีกบันทึกนะครับ ;)...

อ่านแล้วดีจิงค่ะ ได้แง่คิดหลายๆเรื่องๆเลย

อยากบิน อยากลอยล่องไปอย่างอิสระ

แต่พอได้อ่านดูแล้ว รู้สึกว่า...

สุดท้ายต้องกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งนะ

สามัญชน..คือสิ่งที่เราเป็นอยู่

รักอาจารย์และชอบคนเขียนหนังสือคะ

ขอบคุณครับ คุณ นกน้อย ;)...

  • ชอบใจเรื่องราวที่อาจารย์ถ่ายทอดออกมาจัง....เลย
  • ฮือแปลกแต่ใช่จริงๆด้วยนะคะ

ความแปลก คงหมายถึง สิ่งที่คนปกติ มองผ่านไปน่ะครับ

ขอบคุณมากครับ พี่ ✿อุ้มบุญ ✿ ;)...

ป.ล. หนังสือดีครับพี่

อ่านหนังสือแล้วมีความรู้สึกว่า....

สะอาด สว่าง อยู่กลางใจครับ

แนะนำให้อ่านครับ

ขอบคุณครับ คุณศักดิ์ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท