อีกบทหนึ่งที่อยากนำเสนอจากหนังสือ "มหัศจรรย์แห่งการเขียน" ของคุณหมอวิธาน ฐานะวุฑฒ์ ซึ่งเป็นบทที่พูดถึงประโยชน์ของการเขียนที่สามารถลดความรุนแรงทางจิตใจของนักเรียนที่ก้าวร้าวและมีปัญหาได้
บทที่ ๑๖ เขียนลดความรุนแรง
ค่อนข้างจะเป็นเหตุการณ์ที่สอดคล้องกันอย่างพอดิบพอดีอีกเหตุการณ์หนึ่งสำหรับผม
ในช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๑ หลังจากที่ผมได้เริ่มนำ "การเขียน" เข้ามาใช้กับ "กระบวนการเรียนรู้" ในเวิร์กช็อปเกี่ยวกับ "Transformative Coaching"
หลังจากนั้นไม่นานนัก ประมาณช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๑ ผมก็ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ "Freedom Writes" ในเคเบิลทีวี
(http://www.movies-wallpapers.net/Movies/Freedom%20Writers/Freedom%20Writers-06.jpg)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างขึ้นมาจากเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่อง "ความรุนแรง" เรื่องเชื้อชาติทีเกิดขึ้นในโรงเรียน เด็กผิวสีไม่ว่าจะเป็นผิวดำ ผิวเหลือง หรือละติน ต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างไม่ปลอดภัย จึงต้องตั้งเป็นแก็งต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดของตัวเองบนความรุนแรงที่เด็ก ๆ หลายคนต้องเสียชีวิตไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และคุณครูจี (Erin Gruwell) ที่ต้องเผชิญกับ "เด็กต่างสีผิว" เหล่านี้ในห้องเรียน
เธอใช้ "หัวใจ" ที่มุ่งมั่นดีงามด้วยความรักของเธอฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นได้อย่างน่าทึ่ง คุณครูจีนำ "การเขียน" มาใช้ในกระบวนการสอนของเธอในชั้นเรียนค่อนข้างมาก และก่อตั้งเป็นชมรม "Freedom Writers"
ใช่ครับเธอใช้ "การเขียน" เป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้
เธอยังเขียนหนังสืออีกหลายเล่มที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้น เล่มหนึ่งในจำนวนนั้นคือหนังสือที่ชื่อว่า "The Freedom Writers Diary" ซึ่งผมได้สั่งซื้อมาอ่านและใช้เป็นหนังสืออ้างอิงสำหรับการเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วย
(http://img.audible.com/audiblewords/content/bk/bkot/000651/t4_image.jpg)
....
ในช่วงเริ่มต้น เธอได้ขอให้นักเรียนมี "สมุดบันทึกประจำตัว" ไว้เขียนเรื่องราวของตัวเอง ความคิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของพวกเขาและส่งสมุดบันทึกเล่มนี้ไว้ให้เธออ่านทุก ๆ วัน
ผมประทับใจมาก เพราะ "สมุดประจำตัว" ของครูจีช่างเหมือนกันกับ "สมุดบันทึกการเดินทาง" (Journal of my Journey) ที่ผมให้ผู้เข้าร่วมในเวิร์กช็อปมีไว้คนละเล่ม
ในช่วงแรกเด็ก ๆ ก็ต่อต้าน หลายคนไม่ยอมเขียน ไม่ยอมร่วมมือ แต่เมื่อปล่อยเวลาผ่านไปและเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ว่า การเขียนได้ช่วยทำให้พวกเขาค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างน้อย เด็ก ๆ ก็รู้สึกว่า มีคุณครูจีที่สนใจอ่านเรื่องราวของพวกเขา จากเดิมที่พวกเขาเหมือนคนนี่ถูกทอดทิ้งและไม่มีใครในสังคมแยแสสนใจพวกเขา
จากนั้นเธอก็จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ในชั้นเรียน และทุก ๆ ครั้ง เธอจะให้นักเรียน "เขียนบันทึก" ถึงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้
ถ้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมด แม้จะมีรายละเอียดอื่น ๆ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจแต่เราจะเห็นได้ว่า
ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ช่วยแก้ไขปัญหาความรุนแรงให้กับเด็ก ๆ และโรงเรียนนี้ได้ก็คือ "การเขียน" นี่เองครับ
.......................................................................................................
มหัศจรรย์แห่งการเขียนจริง ๆ ครับ มหัศจรรย์แห่งความคาดไม่ถึงของสิ่งที่ได้จาก "การเขียน"
บุญรักษา นักเขียนลดความรุนแรงทุกท่านครับ ;)
.......................................................................................................
ขอบคุณหนังสือที่เกี่ยวกับการเขียนดี ๆ ...
วิธาน ฐานะวุฑฒ์, นพ. มหัศจรรย์แห่งการเขียน. กรุงเทพฯ: ศยาม, 2554.
อาจารย์หลายๆ ท่านใน GotoKnow และ Learners.in.th เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ค่ะในเรื่องการให้นักเรียนเขียนบันทึกลงบล็อกเพื่อถ่ายทอดการเรียนรู้ค่ะ เช่น อาจารย์โรส อาจารย์ beeman อาจารย์แหว๋ว และ อาจารย์พระปภังกรณ์ เป็นต้นค่ะ
ว้าว มหัศจรรย์ อีกแล้วนะคะ เห็นด้วยอย่างยิ่งยวดค่ะ การเขียนช่วยจรรโลงและเยียวยา
ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์ได้เขียน แต่ยินดีและดีใจที่ได้อ่าน อ.เสือโหด อารมณ์ดี๊ ดี จังชวงนี้ :)
ขอบคุณครับ อาจารย์จัน ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ ;)...
ขอบคุณครับ คุณ Poo แฟนพันธุ์แทะ ;)...
เมื่อก่อนไม่มีคอมฯ
ก็เน้นเรื่องการคัดลายมือ การเขียนในรูปแบบต่างๆ แต่พอมีคอมฯเข้ามาพากันไปหมดทั้งครูทั้งเด็ก5555 ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้บริหารตาติดจอโน๊ตฯ
ตอนนี้ แม้แต่บันทึกการอ่านต้องบังคับให้ทำกัน
ผอ.ก็บังคับครูให้เขียนหุหุเดือนหนึ่งต้องบันทึกส่งผอ. 10 เรื่อง
เป็นผอ.ก็สบายเนอะไม่ต้องทำไรสั่งยันเต
ส่วนเด็กนี่ก็ขี้นอยู่กับศักยภาพและความสามารถของครูประจำชั้นและครูภาษาไทยว่าจะใช้วิธีการไหนให้เด็กเขียนบันทึกการอ่านส่งให้ได้มากคนและมากเรื่อง
แต่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอกพอสิ้นภาคเรียนไปเก็บก็ได้ห้องละไม่กี่คน
เชื่อว่าการเขียนจะลดความรุนแรง..ในใจเด็ก
ถ้าครูให้ความสำคัญกับงานเขียนของเขา
แต่จะลดความรุนแรงได้มั๊ย..ถ้า
ครูวิจารณ์งานเขียนของเขาอย่างรุนแรง
สร้างงานเขียนแปรเปลี่ยนอารมณ์ ลดความขัดแย้งและรุนแรง
ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กรณีศึกษาของคุณครู วิญญาณ ครับ
มีกฎข้อหนึ่ง คือ "การเสริมแรง" หากเป็น "การเสริมแรง" เชิงบวก สมควรทำอย่างยิ่ง แต่หากเป็น "การเสริมแรง" ทางลบ ไม่ควรทำอย่างยิ่งเช่นกัน
ขอบคุณครับ พี่คุณครู ครู ป.1 ;)...
ขอบคุณมากครับ คุณ SANTIRAT HATYAINAI ที่ได้แวะมาเยี่ยมบันทึกนี้ ;)...
"การเสริมแรง" ทางลบ.... ความหมายเป็นนัย ๆ นะคะ อ.วัส อิ อิ
การเสริมแรง หรือ Reinforcement ครับ เลขาฯ noomam lek ;)...
การเสริมแรงใช้ตอนที่ "ครู" สอน "นักเรียน" ไม่ว่าจะเป็นสอนโดยตรง หรือสอนผ่านสื่อการเรียนการสอน "ครู" จะต้องทำการเสริมแรงบวกเสมอ เช่น การชมเชย หรือ ให้กำลังใจ
และ "ครู" ไม่ควรเสริมแรงลบโดยเด็ดขาด เช่น ด่าทอ ต่อว่า เพราะจะทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเนื้อหาวิชา ต่อกระบวนการเรียน หรือ ต่อตัวครูเอง ส่งผลให้นักเรียนเรียนไม่จบ หรือ ออกกลางคัน
ด้วยเหตุฉะนี้ตามหลักวิชา และความเป็นมนุษย์นี่เลยล่ะครับ เลขาฯ noomam lek ;)...
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆนี้นะคะ การเขียนช่วยได้หลายๆอย่างค่ะ...
สวัสดีค่ะ
ชอบมากค่ะการเขียนเพื่อลดความรุนแรง เป็นคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับครูมากค่ะ...
".....และ "ครู" ไม่ควรเสริมแรงลบโดยเด็ดขาด เช่น ด่าทอ ต่อว่า เพราะจะทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเนื้อหาวิชา ต่อกระบวนการเรียน หรือ ต่อตัวครูเอง ส่งผลให้นักเรียนเรียนไม่จบ หรือ ออกกลางคัน...."
จะขอนำไปแนะนำต่อค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
คนไม่เป็นครูขออ่านด้วยนะคะ
ยินดีและขอบคุณครับ พี่คุณครู เมียวดี ;)...
ยินดีและขอบคุณมากครับ ท่าน ศน.ลำดวน ;)...
พี่ คิม นพวรรณ เป็นครูตลอดชีวิตครับ
ดังนั้น จึงควรอ่าน อิ อิ
อ๋อ.... นู๋นึกว่าหมายถึง...
เลขาฯ noomam lek ... "การเขียน" เป็นกระบวนการเรียนรู้ทางวิชาการจริง ๆ ครับ
ใช้รักษาได้สารพัดโรค หมายถึงอย่างนั้นแหละ ;)...