บ้านนอกเข้ากรุง VS ศิลปะการใช้ชีวิตในกทม.


...ปรับตัวอยู่กทม....อย่างไร?ให้เป็นสุข

           คนกทม.มักจะมองคนต่างจังหวัดที่ถือของพะลุงพะลังเข้ามาหางานทำว่า...บ้านนอก...เข้ากรุง....เป็นคำเปรียบเปรยซึ่งการที่คนเรามาในถิ่นที่ไม่รู้จักและแปลกหูแปลกตา ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปหมดจนถูกมองด้วยหางตาว่า....”บ้านนอก”...

 

        บ้านนอก....เข้ากรุง.... 

        การอยู่ต่างจังหวัดก็มีวิถีชีวิตที่อิสระ...สบายๆ...มีความจริงใจ มีน้ำใจและรอยยิ้มให้กันเสมอ การเป็นอยู่ก็เรียบง่าย เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้ามาเรียน ตามหาฝันหรือทำงานในกทม. มันเป็นความแปลกใหม่ชองชีวิตในหลายๆด้าน การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนกรุงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการเป็นอยู่ที่ทำอะไรก็ต้องเร็ว...กินเร็ว...เดินเร็ว...ทำอะไรก็รวดเร็ว...ไม่งั้นไม่ทัน เช่นการขึ้นรถเมล์ก็ขึ้นไม่ทัน จะลงก็ลงไม่ทันเลยป้ายตลอด การแต่งตัว อาหารก็คนละชนิดและผู้คนที่ชอบใช้สายตามองแบบให้คิดหวั่นใจทางลบ คนบ้านนอกเข้ากรุงอย่างเราถูกปลูกฝังความคิดมาจากบ้านว่า...ระวังจะโดนหลอกนะ..คนกรุงปากหวาน...แต่เชื่อไม่ได้...อย่าไว้ใจใคร?

 

        ด้วยความที่ทั้งกลัวหลายๆด้านและแปลกถิ่น การแต่งตัว(ดีที่สุดแล้วนะ...) แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นบ้านนอก...เข้ากรุง...แม้ว่าสำเนียงจะยังลืมถิ่นเกิดไม่ได้...แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ไม่เห็นต้องอายใคร?...จริงไหม?

 

 

        การเดินทาง 

รถเมล์   เป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว รถเมล์เป็นสิ่งที่คนมาอยู่ในกทม.ต้องรู้จักและเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้เพราะจะไปทางไหน? ก็ต้องอาศัยรถเมล์ เราไม่มีเงินมากพอที่จะใช้แท็กซี่ได้บ่อยๆหรือมีรถขับเอง วัยสร้างตัวต้องประหยัดอดออม เพื่อจะได้เหลือเงินเก็บ รถเมล์มีหลายสาย หลายสี และหลายราคา ต้องศึกษาให้ดี เดี๋ยวนี้มีตั๋วรถเมล์แบบรายสัปดาห์ รายเดือน ถ้าเราต้องอาศัยรถเมล์เป็นประจำก็ใช้คุ้ม (แต่ใช้ได้เฉพาะรถขสมก.เท่านั้นใช้กับรถร่วมไม่ได้) และรถเมล์ฟรีก็มีเหมือนกันแต่มีน้อยบางเส้นทางเท่านั้น

 

 

        รถเมล์ไทยมีความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสารได้สุดยอด...กระเป๋าบอก...พี่ๆชิดใน...หน่อยค่ะ. ข้างหน้าถอยไปข้างหลัง...คนข้างหลัง ถอยไปข้างหน้า อัดกันจนคนที่อยู่ตรงกลางไม่มีที่ไป คนเป็นลมยังไม่ล้มเลย เนื่องจากคนเยอะยืนค้ำไว้ทุกด้าน มีคนบ่นดังๆว่า...จะให้ขยับไปถึงไหน?...แค่นี้ก็เบียดกันจนจะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว (คนแน่นสุดๆถึงเรียกว่าอัดเป็นปลากระป๋อง...ไง...) กดช้า...ไม่จอด กดออดหลายครั้งแถมอีกป้าย...บางคันเช่นรถเมล์สาย 8 ซิ่งยังกะรถแข่งจะเข้าเส้นชัย ผู้โดยสารสวดมนต์แล้วรีบลงป้ายหน้า

 

        รถTaxi   ถ้าท่านมาจากขนส่งไมว่าจะสายเหนือและสายอีสาน(หมอชิต) สายตะวันออก(เอกมัย) สายใต้ สิ่งแรกที่ควรจำ คืออย่าขึ้นรถแท็กซี่ที่คนขับรถลงมาถามหาผู้โดยสารว่าไปไหน...บางทีก็ทำเป็นเนียนพูดภาษาบ้านเดียวกัน เพื่อความสนิทสนม อย่าไปเด็ดขาด...เป็นแท็กซี่ป้ายดำ...เอาเปรียบผู้โดยสารและกลโกงค่าโดยสารต่างๆนาๆ ให้ระวังให้ดีอาจจะถูกหลอก

 

        รถไฟฟ้ามหานคร   เป็นความใฝ่ฝันของคนต่างจังหวัดที่เห็นออกทีวีบ่อยๆ ...อยากขึ้นบ้างจัง....ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลีกเลี่ยงในจุดที่รถแออัดได้ ต้องดูว่าเราต้องการจะไปลงที่สถานีไหน? กี่สถานี ซึ่งจะบอกว่ากี่บาท แล้วก็ไปแลกเหรียญที่ช่องแลกเงิน ซื้อตั๋วที่ตู้ขายอัตโนมัติ(อ่านวิธีใช้ที่ตู้)โดยกดกี่สถานี หยอดเหรียญ---ตั๋วจะออกมาคล้ายบัตรเติมเงินมือถือ นำบัตรไปเสียบช่องทางเข้าสีเขียว ที่กั้นจะยกขึ้นเดินผ่านแล้วหยิบบัตรคืนมาด้วยแล้วเดินไปชั้นบนของสถานีรอที่ชานชลา เมื่อขึ้นรถแล้วตอนขาออก ก็ทำเช่นเดียวกัน(แต่บัตรไม่คืน)...ไม่ต้องอาย...ถ้าไม่รู้จักก็ถามจนท.ผู้ให้คำแนะนำบริเวณนั้นได้เลย...ถือว่าโง่ครั้งเดียว...ฉลาดอีกนาน

 

        รถไฟฟ้าใต้ดิน  เป็นอีกทางเลือก จะมีทางลงด้านล่างสถานี ชุมสายอยู่ที่หมอชิต ไม่ต้องตกใจ รปภ.ขอตรวจกระเป๋าเพื่อรักษาความปลอดภัยและไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือน้ำเข้ามารับประทานในบริเวณรถใต้ดิน คุณสามารถเดินไปบอกได้เลยว่าจะไปลงที่ไหน?ในช่องขายตั๋ว ซึ่งจะได้เหรียญสีดำแทนเงินเท่าราคาที่สถานีกำหนด (หรือจะซื้อที่ตู้ขายอัตโนมัติก็ได้)

 

        คุณสามารถใช้เหรียญนี้แตะที่ขวามือตรงรูปเหรียญที่กั้นก็จะเปิดและก็ลงไปรอที่ชานชลา เมื่อตอนออกก็ทำเหมือนกันแต่หยอดเหรียญไปเลย ซึ่งในเวลาเร่งด่วนคนจะแน่นมาก แต่ก็ย่นเวลารถติดได้มากคนจึงนิยมมากและสามารถเชื่อมกันได้ระหว่างรถไฟฟ้าบนดินกับรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสถานีเช่นหมอชิตและสุขุมวิทและขอให้คุณเข้าใจว่าการเดินทางไม่ว่าไปทางไหน ถ้าต้องมาต่อถนนก็จะพบรถติดซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ต้องทำใจ...เมื่อมาอยู่กทม.

 

        อาหาร  คนต่างจังหวัด คงจะไม่คุ้นเคยคำว่า...รถเข็น-หาบเร่-แผงลอย...แต่ที่กทม.มีให้เห็นทุกหนทุกแห่ง ซึ่งจะคู่กับเทศกิจคอยตามจับแม่ค้า(เหมือนแมวเฝ้าจับหนู) เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด เวลากินก๋วยเตียวริมถนนขอแนะนำให้รีบกินลูกชิ้นก่อนเลยค่ะเพราะพอเทศกิจมาต้องหนีเหลือแต่เส้นไม่เสียดาย...แฮะ..ๆๆๆ

        ขอเตือน การซื้อผลไม้ที่แผงริมทางโดยเฉพาะที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหรือตลาดจตุจักรหรือที่ชุมชน ที่เห็นเรียงผลไม้ไว้สวยๆมากน่ากิน ดูราคาผ่านตาราคาถูกมาก ดูให้ดีค่ะคำว่าครึ่งตัวเท่ามด โลตัวเท่าช้าง พอไปบอกซื้อโลหนึ่งเท่านั้นแหละคิดเงินแล้วอึ้งเลย...จะไม่เอาก็ไม่ได้ แม่ค้าจะโวยวายปากจัดมาก...อาย...ต้องจ่ายเงินแบบไม่เต็มใจ ของก็ห้ามเลือก(ที่เห็นสวยๆนั้นจัดโชว์เท่านั้น) 

        อาหารก็ต้องถามราคาก่อน เช่นที่ตลาดนัดจตุจักร สวนสาธารณะต่างๆ ชอบคิดราคาแพงเกินจริงหวังเอาเปรียบคนต่างจังหวัดเหมือนกัน ถ้าไม่จ่ายเป็นเรื่อง ส่วนอาหารก็อย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้า คนไม่คุ้นเคยอาจจะท้องเสียได้ ห้องน้ำก็หายาก นอกจากจุดต่อรถใหญ่ๆคือหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะมีห้องน้ำสาธารณะทั้ง 4 มุมของอนุสาวรีย์ฯและที่ต้องระวังมากคือร้านอาหาร+คาราโอเกะที่เปิดกลางคืน อย่าคิดว่าเป็นเสี่ยมีเงินจ่ายอีหนูมาคอยเสริฟ์...เอาใจ...พอจ่ายเงินอาจหมดตัวแถมยึดรถที่ขับมาด้วย เป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ..เตือนไว้เท่านั้น...

 

        ที่พัก   มีให้เลือกตามราคาเงินในระเป๋าสตางค์ แต่อย่าหวังว่าจะกว้างขวางเหมือนที่บ้านนอกหรอกนะ จะเล็กๆกะทัดรัดเพราะว่าทุกอย่างเป็นการค้าการลงทุนทั้งนั้น ถือว่าแค่พอนอนได้ก็พอ ถ้าจะให้ราคาถูกลงมาก็ต้องออกมาอยู่นอกเมืองหน่อยก็จะมีเงินเหลือไว้ใช้บ้าง ถ้าเป็นผู้ชายก็ขอนอนวัดอาศัยหลวงพ่อช่วงหางานก็ได้ประหยัดดี

 

        การเงิน  ต้องรู้จักคำนวณเงินที่มีอยู่กับรายจ่ายให้ดีเพราะทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้น แม้แต่น้ำก็ต้องซื้อกิน จำไว้ ไม่มีใครให้อะไรเรามาฟรีๆ  ฉะนั้นอย่าเชื่อคนง่ายคิดและพิจารณาให้ดีเวลาไปสมัครงานตามโฆษณาในหนังสือพิมพ์หางานนั้น เน้นส่วนมากจะหวังค่าสมัครคนละ 100-200 บาท(รวมกันหลายร้อยคนก็เป็นเงินไม่ใช่น้อยเหมือนกัน) แต่จะเรียกมาสัมภาษณ์ที่หลัง...อ้างอย่างนั้นแหละ ต้องคำนวณเงินให้ดีสำหรับคนมาหางานทำ วางแผนให้รอบคอบ เนื่องจากงานที่ต้องการไม่ได้หาได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เสมอไป สำหรับคนทำงาน เงินหาได้ต้องสำรองไว้ฉุกเฉินบ้างส่วนหนึ่ง อย่าหลงเที่ยวแสงสี ติดเพื่อนจนรายจ่ายเดือนชนเดือน

        ขอเตือน สำหรับคนที่สะพายกระเป๋าหรือเป้...ถ้าต้องการเก็บเงินไว้ใช้เอง ให้สะพายกระเป๋ามากอดไว้ที่ด้านหน้า(หน้าอก) แต่..ถ้าสะพายไว้ข้างหลัง...ถือว่าท่านแบ่งให้คนอื่นช่วยใช้เงินในกระเป๋า เนื่องจากคนล้วงกระเป๋า...ถือว่าท่านให้โอกาสเขา จึงไม่แปลกเลย...ถ้าท่านจะเห็นคนในกทม.สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกสุขลักษณะ แต่...ไม่ถูกล้วงกระเป๋า...เป็นวิธีที่ฉลาด...

 

 

        การทำงาน  กทม.เป็นศูนย์รวมของคนทำงาน อีกทั้งมีงานทุกประเภทรวมถึงความอิสระในงานที่รักที่อยากทำอยู่ในใจของทุกคน ใครฝันจะทำอะไรก็แสวงหา...แต่...ต้องอดทนๆ... ไม่มีงานอะไรที่ได้มาง่ายๆ ปัญหามีไว้แก้ ขอให้คุณตั้งใจจริง อย่าเลือกงานมากเกินไปคุณก็จะมีงานทำแล้วก็อยู่ได้ไม่ยาก

 

       

        การพักผ่อนในวันหยุด  กทม.มีสถานที่พักผ่อนมากมาย เช่นสวนสาธารณะ วัดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ โรงหนัง ไหว้พระ9 วัด กับขสมก.และที่ดีที่สุดคือพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่เสียเงิน หากิจกรรมมาทำเช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬากับเพื่อนๆ ...ถ้าวันหยุดยาวกรุงเทพฯจะกลายเป็นเมืองร้าง ถนนโล่ง ผู้คนเบาบางเพราะคนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันจำนวนมาก

 

        คติการใช้เงิน  ควรจะแบ่งเงินที่ได้นั้นสำรองไว้ฉุกเฉินส่วนหนึ่งเสมอ เพราะว่าอะไรก็ตาม

ไม่แน่นอนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เช่นตกงาน เจ็บป่วย ดังนั้นการมีเงินสำรองไว้อย่างน้อยก็อุ่นใจ ถ้าเหตุการณ์ปกติก็จะสามารถกลายเป็นเงินเก็บได้ 

        ต้องคำนวณรายจ่ายให้ดี อย่าใช้เงินเกินตัว...อย่าใช้บัตรเครดิตโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด การใช้ชีวิตในกทมปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญเพราะคนต่างจังหวัดมาอยู่ต้องใช้เงินทั้งที่พัก ค่ารถ ค่ากิน ค่ารักษาอื่นๆ ข้อสำคัญอย่าเที่ยวกลางคืนเพราะเงินที่หามาทั้งเดือนกว่าจะได้มา คุณอาจจะใช้หมัดภายในไม่กี่วันเพราะหลงแสงสีที่แปลกตาจากต่างจังหวัดที่ไม่เคยมี อย่าเล่นการพนัน(ทุกรูปแบบ)แล้วคุณจะไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน

 

 

        ศิลปะการทำใจ...ให้เป็นสุข   การใช้ชีวิตในกทม.นั้น...จะว่าสุขก็สุข...จะว่าทุกข์ก็ทุกข์...ถ้ารู้จักในการทำใจได้ ภาวะบีบคั้นในการดำเนินชีวิตก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ เช่น การรู้จักคำว่า ขอโทษ ขอบคุณ ไม่เป็นไร อดทน...และอดทน เห็นใจกันและกัน รู้จักให้อภัยเป็น คิดบวกเป็น ยอมรับความจริง รู้จักปล่อยวาง

 

         

 

        รู้จักหาข้อคิดหรือกิจกรรมมาปลอบใจตัวเองหรือรักษาใจตัวเองในขณะรถติด ผิดหวัง โกรธ เกิดความท้อแท้หรือเสียสมดุลทางใจ คุณต้องพยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยวใจของตัวเองให้ได้ (อาจจะเป็นธรรมะหรือข้อคิดหรือที่ปรึกษาให้ใจตั้งหลักได้) แล้วคุณจะมีชีวิตที่แข็งแกร่งได้ในทุกสถานการณ์ อย่าลืมว่า...ไม่มีใครที่ล้มได้ตลอดกาลหรือยืนได้โดยไม่ล้มบ้าง...เมื่อล้มแล้วลุกเป็น...ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า

 

        การคบเพื่อน  มีเพื่อน...ทุกประเภทที่คุณจะได้พบได้เจอในกทม.นี้ อยู่ที่ว่าคุณระมัดระวังในการคบเพื่อนขนาดไหน? มีคนบอกว่าการที่จะดูว่าเราเป็นอย่างไร? ก็ดูจากเพื่อนที่เราคบนั่นแหละค่ะ แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า....การมีเพื่อนแท้ไม่กี่คน ดีกว่ามีเพื่อนจำนวนมากที่ไม่จริงใจ

 

        การเข้าสังคม  คนเมืองกรุง...มักได้รับฉายาว่าชอบ สวมหน้ากากเข้าหากัน การพูดจาดีพูดเพราะไม่ได้หมายความว่ามีความจริงใจ อยู่ในนั้นเสมอไป การพูดจาไพเราะและดูเหมือนหวังดีแต่บางครั้งอาจจะแฝงผลประโยชน์ที่ต้องการร่วมอยู่ด้วย ส่วนความจริงใจ...นั้นมีอยู่แต่บางครั้งอาจจะไม่สวยงามหรือพูดไม่เพราะก็ได้...ถ้ามองให้เห็นในความหวังดี การแต่งกายภายนอก...ไม่ได้บ่งบอกสิ่งที่อยู่ภายในใจได้เสมอไป...เหมือนที่บอกว่า...” รู้หน้า...ไม่รู้ใจ”

 

        บันเทิง  คนสวย คนหล่อ...ก็เป็นแหล่งรวมฝันของวงการบันเทิง ที่หลายคนมาแจ้งเกิดที่กทม. ทั้งนักร้อง ดารา นักแสดง นางแบบ กทม.เป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงซึ่งมีทุกรูปแบบ มีทั้งบันเทิงและมัวเมาให้เลือกครบครัน ถ้าอยากผ่อนคลายด้านบันเทิงบ้างก็ไปเป็นครั้งคราว...แต่ไม่ควรบ่อยนัก...ควรไปตามโอกาสพิเศษพอประมาณ แต่ที่ประหยัดก็ดูทีวีอยู่ที่บ้านมีความสุขได้เหมือนกัน อยู่กับครอบครัวเช่าหนังมาดูก็ได้เช่นกัน

 

        เนื้อคู่  หลายคน...หวังจะพบเนื้อคู่ ซึ่งกทม.เป็นแหล่งรวมคนสวย คนหล่อ เกือบสวย เกือบหล่อ bb fb internet การสื่อสาร ทำให้คนหนุ่มสาวมาพบกันในกิจกรรมต่างๆมากมาย รวมถึงแหล่งบันเทิง ที่เที่ยวกลางคืน ส่วนเนื้อคู่นั้นใช่...ตัวจริง?หรือเปล่า?... ก็ไม่แน่ใจ...ส่วนมากจะเป็น... ลับ-ลวง-พราง...ไม่รู้ว่าใคร?...

 

            ความฝันกับความจริง  ....ที่บอกว่าเป็นความฝันนั้น...เพราะว่ากทม.เป็นแหล่งตามหาฝันของทุกคน...ทั้งการงาน...การเงิน...ความรักและการใช้ชีวิต ความสุขหรือครอบครัวที่มีพร้อม แต่...ความจริง... อาจจะเป็นตามฝันหรือไม่?ก็ไม่รู้ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็มีมาก ส่วนคนที่ล้มเหลวในชีวิตก็มีไม่น้อย ในกทม.นี้เป็นแหล่งรวมประสบการณ์ชีวิตที่ทั้งผิดหวังและสมหวัง ดังนั้นไม่ว่าความฝันหรือความจริง...ถ้าท่านล้มแล้ว...ลุกขึ้นเป็น...ความฝันก็อาจกลายเป็นความจริงได้เหมือนกัน จึงมีคนบอกว่า....” คนล้ม...ห้ามข้าม ”...

 

        สิ่งที่ควร...ทำทีสุด   เป็นธรรมดาของชีวิต...ที่สมหวังบ้าง?...ผิดหวังบ้าง?...ไม่ว่าคนต่างจังหวัดหรือคนกรุง ดังนั้นสิ่งที่ควร...ทำที่สุดคือต้องรู้จักการยอมรับความจริงให้ได้... ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตาม แล้วตั้งต้นใหม่...มืดแล้ว...เดี๋ยวก็...เช้า...ความสว่างก็มาเยือนอีก...ชีวิตก็เช่นกัน.

 

      

 

        อยู่หรือไป...หาใช่เรื่องสถานที่ไม่?...ใจคนต่างหาก...    บางคน...มีความสับสน...จิตใจว้าวุ่น...เบื่อกรุงเทพฯ เบื่อสังคม เบื่อเพื่อน...เบื่องาน อยากหนีไปให้ไกลๆ...แต่การจะอยู่หรือไปหาใช่!...เรื่องสถานที่ไม่?...ใจคนต่างหาก... ถ้าใจเป็นอิสระ...ไม่ว่าอยู่ตรงไหน?...ก็พบความสุขได้

 

 

        

 

 

        คงปฏิเสธไม่ได้ที่คนบ้านนอกไม่ใช่น้อยที่นำชื่อเสียงที่ประสบความสำเร็จมาสู่บ้านเกิด บันทึกนี้คงเป็นกำลังใจให้คนบ้านนอก..เข้ากรุง...ได้เห็นมุมมองและศิลปะการใช้ชีวิตในกทม. ที่จะช่วยให้ข้อคิดคนที่อยากมาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ได้เห็นหลายๆด้านซึ่งคงจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการอยู่ในโลกที่วุ่นวาย...ที่ชื่อ...กรุงเทพฯ จากคนบ้านนอกเข้ากรุง....ที่ชื่อผึ้งงาน...

 

 

 

 

         

                            (ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)



ความเห็น (7)

พม ว่า พม จะ เข้า กรุงเทพเพราะ เรียนรู้ การใช้ ชีวิต แลัว ทำ ให้ พ่อแม่ จะ ได้มอง พม ว่า อยู่ ด้วยตัวเอง ได้ แม่ จะ ได้ เป็นห่วง

เขียน ผิด พม จะ เขียน ว่า พ่อแม่ จะ ได้ ไม่ เป็นห่วง

สวัสดีค่ะคุณปรัชญา ยงยศ

  • ขอให้การใช้ชีวิตในกทม.มีความสุขและประสบความสำเร็จเหมือนที่ตั้งใจที่จะมาหาประสบการณ์ชีวิตค่ะ
  • อาจจะสมหวังบ้างไม่สมหวังบ้าง อย่าท้อ อดทนต่อไป ความสำเร็จก็คงมาถึงสักวัน
  • ขออวยพรให้โชคดีค่ะและขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.

ชีวิตคนเมือง ไม่ได้สบ่ายอย่างที่เราคิดครับ ได้มาใช้ไปหมด ได้ไม่พอกับใช้ ค่าห้องค่ากินก็หมดแล้ว ไม่มีเงินเก็บ ไกลพ่อแม่ ไกลพี่น้อง มาอยู่คนเดี่ยว ตี่นเช้าอาบน้ำทำงานเย็นกลับห้องอาบน้านอน สินเดี่อนค้าห้องค่าน้ำค่าไฟอืนๆอีกมากปวดห้วไปหมด เงินก็หมด อยู่บ้าเราละสบายสุด ผมไปมาแล้ว

สวัสดีค่ะคุณบอย

  • การใช้ชีวิตในกทม.นั้น...จะว่าสุขก็สุข จะว่าทุกข์ก็ทุกข์
  • หาหาเงินไม่พอกับรายจ่าย...ก็ทำให้ทุกข์
  • รถติด...ก็ทำให้วิตกกังวลกลัวไปทำงานไม่ทัน
  • ไปหางานทำก็ทุกข์ใจ...ไม่ได้งานมาง่ายๆเหมือนที่หลายคนคิด
  • ถ้าทำแล้ว..ไม่มีความสุขในการทำงานก็ทุกข์อีก...คนต่างจังหวัดต้องมีความอดทนสูง ต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตในกรุง
  • ซึ่งการเป็นอยู่ในกทม.นั้นไม่สะดวกสบายและมีน้ำใจเหมือนบ้านเดิมในต่างจังหวัดของเราหรอก
  • อยู่กทม.....เพื่อหาประสบการณ์ชีวิต...
  • อยู่บ้านเกิด...เพื่อพัฒนาชีวิตและถิ่นเกิด
  • ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่นำมาแลกเปลี่ยนค่ะ อย่างน้อยจะได้ทำให้หลายคนที่คิดจะมาขุดทองในกทม.ได้ฉุกคิดถึงปัญหาเหล่านี้บ้าง ไม่ใช่วาดวิมานไว้สวยงามอย่างเดียว
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ผึ้งงานมีเรื่องจะเตือนผู้ที่มาใช้ชีวิตในกทม. โดยเฉพาะขึ้นรถบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิฝั่งถนนพหลโยธินที่จะไปทางแยกสะพานควายว่า

 

  • มีนักล้วงกระเป๋าเยอะมาก โดยเฉพาะเวลาเลิกงานตอนเย็นคนขึ้นรถเยอะมาก ต้องคอยระวังเวลาจะขึ้นรถ พวกเขาจะคอยเบียดทำทีเป็นแย่งจะขึ้นแต่จนแล้วจนรอดก็จะไม่ขึ้นสักคัน เพียงแต่ฉวยโอกาสตอนที่จะขึ้นหรือลงรถแล้วล้วงกระเป๋าถือส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยระวังตัว เมื่อถูกเบียดกระเป๋าก็จะถูกดันไปข้างหลัง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนจะจ่ายค่าตั๋วรถ จึงอยากเตือนไว้ค่ะเพราะผึ้งงานเห็นเกือบทุกวัน ไม่ได้มีแค่คนเดียวทำงานเป็นทีม ถ้าสักเกตดูก็จะเห็นว่ามือจะถือหนังสือพิมพ์หรือหมวกไว้บังเวลาล้วงกระเป๋า รถสายไหนมาก็จะวิ่งตามทุกสายแต่ไม่ขึ้นสักสาย ถึงเห็นแต่ก็ไม่กล้าโวยวายเพราะอาจได้รับอันตรายได้ ของกลางจะถูกส่งต่อๆกันไวมาก ไม่เห็นจะจับได้สักราย ต้องระวังกันเอง

 

  • พวกขอเงินเป็นอาชีพ เป็นผู้ชายกลางๆคนใส่เสื้อช็อปเหมือนพวกช่างถือกระเป๋าลายทหาร หน้าตายิ้มๆ ทำทีมาถามกระซิบกระซาบว่า.....(นึกว่าจะถามทาง)...แต่พูดว่า...น้องคนสวยพี่ขอเงินหน่อยครับ ยี่สิบบาทก็ได้ เห็นถามเฉพาะผู้หญิงไล่ตั้งแต่ต้นป้ายยันท้ายป้าย สักพักก็มาใหม่คนจะขึ้นลงเยอะถ้าสังเกตดูจะมาบริเวณนี้ประจำ

 

  • คนบ้าไม่เต็มบาทบางทีก็ขาดบางทีก็เกิน บางคนก็ชี้นกชี้ไม้ด่ารอบๆตัว บางคนก็ใส่กางเกงซ้อนกันสี่ห้าตัวแบกของรุกรุงรัง บางคนก็ไล่เตะน่องคนเล่นซะอย่างงั้น

 

  • ขายสติกเกอร์บนสะพานลอย บริเวณหน้าราชวิถีทั้งฝั่งถนนราชวิถีและฝั่งด้านรถไฟฟ้า จะมีคนกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อเหมือนยูนิฟอมร์ทำเหมือนองค์กรอะไรสักอย่างแล้วถือสติกเกอร์เล็กๆรูปธงชาติบ้าง นายหลวงบ้างทำทีเหมือนยื่นแจกให้ฟรี แต่พอคนรับไปแล้วจะวิ่งตามขอเก็บเงิน ยี่สิบบาท(ต้นทุนสองบาทกระมัง)จะตื้อจนต้องจ่ายเงินให้ ส่วนมากเป้าหมายคนต่างจังหวัดหรือคนที่ขี้อาย เห็นแล้วขัดตามาก ทำเป็นทีมเลย แต่ไม่เห็นใครจะดูแลเลย อ้างว่าเงินการกุศลแต่หลอกลวงทั้งนั้น อย่าตกเป็นเหยื่อพวกนี้เลย
  • ผึ้งงานจึงอยากให้เพื่อนๆที่มาใช้บริการบริเวณนี้ระวังค่ะ

ซึ้งแล้วชีวิต  บ้านนอกเข้ากรุง  กำลลังสร้างเนื้อสร้างตัวค่ะไม่รู้ว่าชีวิตจะเป้นอย่างไรต่อไปแต่จะสู้ๆๆ พ่อแม่พี่น้องรออยู่ทั้งนั้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท