ปลดล๊อค ในความหมาย ตรงนี้อยากให้เรานั้นได้คิดกันไปว่าการล๊อคนั้นเป็นการปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้สามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง,ประตูบ้าน,โทรศัพท์,รถ และอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งมันจะไม่สามารถใช้งานได้เลยไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดวิธิการที่จะใช้ได้ก็ต้องปลดล็อคด้วยกุญแจ อันนี้เป็นวิธีการปกติ แต่สำหรับบางทีลืมกุญแจก็คงต้องใช้วิธีการอื่นกันละทีนี้ แต่ถ้าหากมันไม่ใช่ของตนเองนั้นยิ่งเปิดยาก หากเขาไม่ให้กุญแจเรามาเปิด หรือให้มาเปิดบางครั้งแล้วเอาคืน เราจะใช้งานก็คงยากลำบาก
ยิ่งถ้าเป็น "จิตใจ" แล้วด้วยหากปิดล๊อคกันแล้วยิ่งมันเปิดยากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วไอ้กุญแจมาเปิดให้ตัวเองมันก็มองไม่เห็นตัวตนเป็นรูปร่างกันด้วย ใช้งานกันไม่ได้เลย แล้วยิ่งต้องไปเปิดใช้งานจิตใจคนอื่นมันเป็นอะไรที่คาดหวังผลนั้นก็ไม่ได้และกำหนดวิธีการกันไม่ได้ ไปเปิดใช้งานจิตใจคนอื่นไม่ใช่ไปหรอกใช้นะ
แต่เป็นการช่วยให้เขาได้คิดและกระตุ้นให้เกิดการกระทำในสิ่งดีๆ อย่างเรานะ ใจตัวเองก็ทุกข์อยู่แล้ว ใจตัวเองยังเปิดถูกเปิดผิดกันอยู่เลย ยิ่งต้องมาทำงานร่วมกับคนอื่นยิ่งไปกันใหญ่ แถมต้องมาช่วยคนที่ปิดกั้นความคิดในด้านดีของตนเองอย่างสมาชิกที่มาฟื้นฟูฯ
วิธีการใช้กับคนแต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกันตอนนี้กับตัวเองจะใช้ประมาณอดทนรอดูจังหวะช่วงไหนได้ช่องแทงทะลุยิงอย่างเดียว หากหาไม่เห็นก็อยู่แต่ในโซนตัวเองในตำแหน่งอย่าแตกระบบ (แต่ก่อนโคตรบ้าบอลมาอยู่อย่างนี้มันยังไม่วาย)
ส่วนกับคนรอบข้างในการมาช่วยงานก็ทำไปตามแต่การเข้าใกล้ชิดสนิทวางใจแค่ไหนยิ่งใกล้ยิ่งใช้วิธีแบบ "ตายเป็นตาย ทนได้ก็ทน" อย่างนี้จะรู้เลยใครมันลงใจแน่ใจกับเราแค่ไหน เปิดใช้งานตามแบบบางทีก็ หาทางขอกุญแจใจจากคนนั่นอย่างไม่ให้รู้ตัว บางทีก็แอบหยิบเอา บางทีก็ตบเอาแบบดื้อกันเลย สุดท้าย ค้อนทุบ หินเจียร ตัดกันเลย จะได้รู้มันกันแบบใจเป็นใจกันเลย
ส่วนไอ้สมาชิกฟื้นฟูฯแล้วแต่ตัวคนและตัวแปร ณ แต่ละโอกาสที่จะเป็นไปด้ายแต่ก็พยายามให้มันดูดีลงตัวกันไห้ได้มากที่สุด ส่วนวิธีการค่อยไปจับอ่านในส่วน"ซ่อมอนาคต" เล่าแล้วมันยาว
ใจนี้มันสำคัญมากในการทำอะไรสักอย่างให้เกิดประโยชน์ถ้าเปิดใจทำได้ก็จะได้ประโยชน์มากแต่หากปิดใจทำอะไรมันก็ยากที่จะให้มันมองเห็นกันลงไปในการทำอะไรอย่างลึกซึ้งไปแบบได้ประโยชน์ครบในแต่ละสิ่ง
อย่างเราอบรมเด็กสมาชิก ก็มักเปิดให้เขาช่วยกันรักษาประโยชน์ของวัดและส่วนรวมประหยัดอยู่อย่างพอเพียง ใช้ของให้คุ้มค่าที่สุด
ก็จะยกตัวอย่าง เช่น ต้นไม้ตายในป่า เราพาไปตัดมาเลยครับยิ่งเห็นไม้ดีๆ พวก ไม่ประดู่ จิก กระยอม (สองอย่างหลังชื่ออีสาน) ไปตัดเลยตัดก็ตัดเลื่อยมือ มันก็สงสัยเลื่อยเครื่องก็มีไม่ใช้ ใช้ใจมองให้ลึก ใช้เลื่อยก็เสียค่าน้ำมัน แถมเลื่อยพังอีกเอาไว้ใช้เวลาจำเป็น ตังไปก็ให้พวกเขาทำ หัดทำได้ดีบ้างเสียบ้าง ได้มาก็แปรรูปทำ เป็นท่อนไม้บางทีก็ทำโต๊ะ,เก้าอี้,ชั้นวางของ,ใช้เองบ้างให้คนที่มาให้ความอุปการะบ้าง
มันก็หรืออีก ปีกไม้ก็พามาทำโต๊ะนั่งอ่านหนังสือ นั่งคุยกันได้ต้นไม้ มันยังเหลือปลายไม้อีกก็พาเผาถ่านมาไว้ใช้ในครัว สอนให้เขาเปิดใจใช้ความคิดให้เป็นประโยชน์แบบทำกันเห็นๆเลย เขาก็จะติดไปว่าต้องคิดใช้ให้ได้มากที่สุด
ใจนี้เปิดยากมากต้องแยบยลกันพอสมควรเราเองมาบอกกล่าวตรงนี้ก็ใช่ว่าจะมีปัญญาอะไรหรอกที่มีก็แบบหยาบๆ ตามแต่โอกาศ
ใจปลดล๊อคออกมาหาความดีมีประโยชน์โจทย์คือ "ใจเรา"
คิดต่อ...
เวลาที่ทำงานกับคนที่ปิดประตูใจไว้ซะแน่นหนาน่ะ ...ทำให้เราเหนื่อย
เพราะเขาจะไม่เปิดรับอะไรแทบทั้งสิ้น ไม่เปิดรับไม่พอ ...แต่ขออย่างทำอะไรที่ทำให้มันยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้น
คนที่ไม่เปิดประตูใจนั้น เพราะว่าเขามักจะมีความคิดด้านลบๆ เกิดขึ้นมากมายในจิตใจอันล้วนเป็นการปรุงแต่งแทบทั้งสิ้น และมักจะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
หากว่า...บุคคลที่เขาเปิดประตูใจ เขาจะเปิดรับผู้คนทุกผู้ทุกนามเข้ามาในชีวิต มีความเบิกบานมีพลังและยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ง่ายกว่าคนที่มักปิดกั้นตัวเอง
คนที่ปิดกั้นตัวเอง ...นั้นมักจะหวาดกลัว
ความหวาดกลัวทำให้เขาขาดความไว้วางใจและไม่กล้าเผชิญ
ในสังคมและโลกเรานี้มีบุคคลเช่นนี้อยู่มากมาย จนบางครั้งก็ทำให้รู้สึกว่ากลายเป็นสังคมพิกลพิการไปเสียนี่