รพ ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับรางวัล R2R กลุ่ม 3 ระดับบริการตติยภูมิ 2 เรื่อง จากผลงานที่ส่ง 6 เรื่อง
จากผลงานที่ส่งมาจากทั่วประเทศ 113 เรื่อง
เป็นผลงานจาก รพ มหาวิทยาลัยที่ส่ง ศิริราชส่ง 10 เรื่อง รพ สงขลานครินทร์ 8 เรื่อง ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเศก มหิดล 3 เรื่อง รพ มหาราชเชียงใหม่ 2 เรื่อง และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 1 เรื่อง
ผลการพิจารณางานวิจัย R2R
ในกลุ่มโรงเรียนแพทย์ ที่ได้รับรางวัล จำนวน 6 เรื่อง
กลุม รพ ศูนย์และทั่วไป 6 เรื่อง
สำหรับเรื่องที่ไม่ได้รับรางวัลแต่เป็นเรื่องน่าสนใจ คณะกรรมการคัดเลือกให้มานำเสนอ Poster 10 รางวัล
วิเคราะห์งานวิจัย จำนวน 73 เรื่อง ไม่ได้ตีพิมพ์ เพราะยังไม่ได้นำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ บางงานวิจัยเป็น CQI ระเบียบวิจัยยังอ่อนมาก การวัดผล เน้นการวัดผู้ให้บริการและกระบวนการ โดยยังไม่วัดผลลงไปถึงผู้ใช้บริการ กรณีวัดก็วัดเฉพาะความพึงพอใจ และการวัดผลบางส่วนไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลงานที่ทำคนเดียวก็จะถูกคัดออกเช่นกัน เพราะการทำ R2R ต้องทำเป็นทีม
ผลงานวิจัย R2R ที่สามารถผ่านเกณฑ์
การนำผลการวิจัยมาใช้ประโยชน์และต่อยอดจะได้ประโยชน์มากกว่า เช่นงานวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการดูแลบาดแผลโดยใช้ความรู้เชิงประจักษ์ ผู้วิจัยค้นหาความรู้จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีอยู่แล้วจนได้องค์ความรู้ในการทำแผล การเลือกใช้น้ำยา วัสดุปิดแผล และวิธีการทำแผล ทำให้ผลงานชิ้นนี้เป็นตัวอย่างที่ดีและได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย
เอกสารอ้างอิง ศ นพ สมบูรณ์ เทียนทอง, 2554. การสังเคราะห์ความรู้จากผลงานวิจัย R2R กลุ่มที่ 3 ระดับบริการตติยภูมิ ในหนังสือประกอบการประชุม การสังเคราะห์ปัญญาเพื่อพัฒนา R2R ปี 2554
....................................................................................................
ในโอกาสนี้ดิฉันขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัล รวมทั้งงานของ รพ ศรีนครินทร์ด้วยนะคะ
รศ. ดร. เบญจมาศ พระธานี จากภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อง โปรแกรมการฝึกเสียงด้วยตนเองในผู้ป่วยเสียงแหบ(The Self-Training Voice Therapy for Patients with Hoarseness)
ที่มาของปัญหา ความชุก: OPD ENT ร้อยละ 0.26-3.2 คลินิกฝึกพูดร้อยละ 88.79 ของโรคเสียงแหบ อาชีพต่างๆ ในสถานที่ทำงานร้อยละ 0.19-4.20 สาเหตุ: การใช้เสียงผิดวิธี (vocal abuse or vocal misuse syndrome) หรือการใช้กล้ามเนื้อในการพูดผิดวิธี (muscle tension dysphonia) ทำให้เกิดผลเสีย ดังนั้นจึงเกิด วิธีคิดในการตั้งคำถามวิจัย การรักษา( การฝึกพูด (voice therapy) และ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เสียงใหม่ ระยะยาว (long term treatment): 3 เดือน – 2 ปี ในต่างประเทศพบปัญหาการลางานทุก 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ ส่วนประเทศไทย พบปัญหาการขาดแคลนนักแก้ไขการพูด การลางานทุก 1 ครั้ง/ 1-2 เดือน (ในช่วงเวลา 3 เดือน – 2 ปี) ดังนั้น คำถามวิจัย: คือ โปรแกรมการฝึกเสียงด้วยตนเองในผู้ป่วยเสียงแหบสามารถลดอาการเสียงแหบจากการใช้เสียงผิดวิธีโดยการเพิ่มค่าเวลาของการออกเสียงยาวที่สุด (Maximum Phonation Time: MPT) ใน10 สัปดาห์ได้หรือไม่ ?
การฝึกแบบเดิม: ฝึกเดี่ยว & ฝึกเองที่บ้าน ในท่า นอน นั่ง ยืน เดิน
การฝึกแบบใหม่: ฝึกกลุ่ม & ฝึกจากวิดิทัศน์ (ขบวนการจัดวิดิทัศน์เสียงแหบ สุขอนามัยของเสียง & วิดิทัศน์การฝึกเสียง 15 ตอน )ในท่า นอน นั่ง ยืน เดิน
ประโยชน์และการเปลี่ยนแปลง หน่วยงาน: ประสานงานอย่างเป็นระบบ และ สหสาขาวิชาชีพ
ผู้ป่วย: เข้าใจ เห็นภาพ และแนวทางแก้ไขปัญหาสุขภาพตนเอง ฝึกเป็นกลุ่มเกิดเพื่อช่งยเพื่อน ลดการลางานและระยะเวลาในการรักษา ลดระยะเวลาการฝึกเหลือ 10 สัปดาห์ (จากเดิมถ้าในต่างประเทศ ใช้เวลา 8-10 สัปดาห์ และประเทศไทย 8-16 สัปดาห์) ลดค่าใช้จ่าย 2,105 บาท(จากเดิมถ้าในต่างประเทศ 8,420 บาท และประเทศไทย 4,210 บาท) นักแก้ไขการพูด และ ผู้ปฏิบัติงาน: ทำงานเป็นทีม ฝึกตามแนวทางที่ทำไว้
มีวิดิทัศน์ทำให้ประหยัดเวลา ฝึกเป็นกลุ่ม ไม่ต้องอธิบายซ้ำๆ องค์กรและระบบสาธารณสุขของประเทศ: หน่วยบริการตติยภูมิที่ให้บริการผู้ป่วยเสียงแหบได้อย่างทั่วถึง และ บริการผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จคือการทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพออย่างเป็นระบบ
ผศ. (พิเศษ) นพ. ไพโรจน์ บุณลักษณ์ศิริ: ให้คำชื่นชมหลังผู้นำเสนอจบ ว่าเป็นงานวิจัย R2R อย่างแท้จริง (real R2R) คนทำมีความสุข ผู้ป่วยได้ประโยชน์ องค์กรได้ประโยชน์
เรื่องที่ 2
การส่งเสริมการเลี้ยงลูกที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอดในทารกที่มารับการฝึกให้นมแม่ในหอผู้ป่วยหลังคลอด (2ข.) โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น
พรเพ็ญ ปทุมวิวัฒนา, สุธิดา ทองสุขโข, ธาริณี นราธิปกร, สุธีรา ประดับวงษ์, กุสุมา ชูศิลป์ งานบริการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปัญหาและความเป็นมา
โรงพยาบาลศรีนครินทร์มีผู้รับบริการผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่รายใหม่ปีละ 200 ราย ทารกที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่มักจะประสบกับปัญหาในการให้นม จึงส่งผลกระทบต่อภาวะโภชนาการตั้งแต่แรกคลอด เดิมการดูแลการให้นมทารกเหล่านี้ต้องแยกทารกไปดูแลที่หอผู้ป่วยเด็กและมารดาอยู่ที่หอผู้ป่วยหลังคลอด ให้นมโดยวิธีการใส่สายให้อาหาร(NG tube feeding) หรือบางรายสามารถใส่เพดานเทียมได้ก็ใช้ขวดนมที่เจาะรูจุกนมให้ใหญ่ขึ้นเนื่องจากขวดนมพิเศษสำหรับทารกกลุ่มนี้มีราคาแพง ทำให้ทารกเกิดปัญหาสำลักนมบ่อย ทารกกลุ่มนี้มักมีปัญหาปอดอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง หูชั้นกลางอักเสบ และมีภาวะทุพโภชนาการ เมื่อทารกมีภาวะเจ็บป่วยจึงส่งผลต่อการผ่าตัดทำให้ไม่สามารถผ่าตัดตามเวลาได้ ในด้านของมารดาที่คลอดทารกพิการส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธการเลี้ยงดูทารก ทอดทิ้งทารกหรือเลี้ยงดูแบบหลบซ่อน ขาดการติดตามการรักษาที่ต่อเนื่องเพราะอับอายเพื่อนบ้าน ไม่กล้านำลูกออกสู่สังคม พยาบาลจึงนำแนวคิดโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่-ลูกมาปฏิบัติต่อมารดาที่คลอดทารกพิการปากแหว่งเพดานโหว่ และนำแนวคิดกลไกการหลั่งน้ำนมแม่ที่มีความสัมพันธ์กับการดูดการกลืน การหายใจของทารกรวมทั้งตอบสนองต่อกลไกการบีบ เพื่อให้น้ำนมถูกสร้างและเพื่อทำให้ทารกได้รับน้ำนมเพียงพอ เพราะทารกเหล่านี้มีปัญหาที่ไม่สามารถทำให้ช่องปากเป็นสุญญากาศ(negative pressure)ได้ ส่งผลให้สามารถช่วยเหลือให้ทารกปากแหว่งเพดานโหว่ดูดนมแม่จากเต้านมแม่โดยตรงได้ โดยน้ำหนักทารกมีการเพิ่มขึ้นเหมือนทารกปกติ และไม่มีภาวะแทรกซ้อนและไม่ต้องใช้เพดานเทียม และยังทำให้มารดาเกิดการยอมรับความพิการของทารก เกิดความรักความผูกพันต่อทารก และเห็นว่าการให้อาหารทารกไม่ได้แตกต่างจากทารกทั่วไป ไม่รู้สึกอายที่จะนำทารกออกสู่สังคม รวมทั้งทำให้ทารกได้การรักษาอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต่อมาทีมสหสาขาวิชาชีพได้เล็งเห็นความสำคัญของทีมพยาบาลหลังคลอดจึงให้เป็นหนึ่งในทีมที่ให้การดูแลทารกปากแหว่งเพดานโหว่ และให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากเต้าเป็นรูปแบบแนวทางในการดูแลทารกปากแหว่งเพดานโหว่และได้ส่งมารดาและทารกที่คลอดจากโรงพยาบาลอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ส่งตัวมารักษาเนื่องจากปัญหาสำลักนม มาฝึกการให้นมแม่ที่หอผู้ป่วยหลังคลอด ผู้วิจัยจึงต้องการจะติดตามว่าทารกเหล่านี้หลังจากส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยแม่ด้วยการดูดจากเต้าที่โรงพยาบาลสำเร็จแล้ว จะสามารถเลี้ยงได้ต่อเนื่องนานเท่าไรและมีการเจริญเติบโตเป็นอย่างไร มีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่และปัจจัยอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการไม่สามารถให้น้ำนมแม่จากเต้าต่อเนื่องได้
วัตถุประสงค์
ระเบียบวิธีวิจัย กลุ่มตัวอย่าง เป็นมารดาที่คลอดทารกปากแหว่งเพดานโหว่ทั้งที่คลอดในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และคลอดจากโรงพยาบาลอื่นที่ได้รับการส่งตัวมารับการรักษาด้วยปัญหาดูดนมไม่ได้ สำลักนม ทารกให้นมด้วยสายให้อาหาร(NG) หรือด้วยวิธีอื่นๆมาก่อน มารดายังอยู่ในระยะที่น้ำนมยังไม่หมด(ไม่เกิน 1 เดือนหลังคลอด)ทั้งมารดาและทารกรับไว้ดูแลที่หอผู้ป่วยหลังคลอด
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม พ.ศ. 2552 และติดตามการให้นมแม่จนถึงปีพ.ศ. 2553หรือจนมารดายุติการให้นมแม่
วิธีการศึกษา มารดาและทารกปากแหว่งเพดานโหว่ได้รับการปฏิบัติตามนโยบายโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่-ลูกครบตามบันได 10 ขั้น(10 Step ) พยาบาลเข้าช่วยเหลือให้แม่ทราบวิธีให้ลูกดูดนมแม่ตั้งแต่เริ่มแรก ในเรื่องท่าอุ้ม วิธีการประคองเต้านม วิธีการทำให้ทารกอ้าปากกว้าง วิธีการอมหัวนมแม่ วิธีการบีบน้ำนมเพื่อช่วยให้ทารกได้รับน้ำนมอย่างเพียงพอ และจังหวะการบีบนมที่สัมพันธ์กับการดูด การกลืน และการหายใจ ติดตามประเมินความเพียงพอของน้ำนมโดยชั่งน้ำหนักทารกทุกวัน ประเมินจำนวนปัสสาวะ อุจจาระทุกวันและประเมินประสิทธิภาพของการดูดนมทารกโดยใช้เครื่องมือเครื่องมือแลช (LATCH Score) นัดติดตามน้ำหนักทารก การให้นมแม่จากเต้า ความเพียงพอของนมแม่ โดยนัดมารดาและทารกมาที่คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ หลังจำหน่าย 1 สัปดาห์ และเมื่อทารกอายุครบ 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน
ผลการศึกษา พบว่า ทารกปากแหว่งเพดานโหว่ชนิดสมบูรณ์(Complete cleft lip and cleft palate) จำนวน 20 คู่ ขณะอยู่โรงพยาบาลสามารถดูดนมแม่จากเต้าได้สำเร็จทุกราย โดยน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำหนักลดไม่เกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักแรกคลอดและน้ำหนักทารกเริ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยวันที่ 5 และเมื่อติดตามหลังจำหน่าย 1 สัปดาห์ และเมื่อทารกอายุ 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือน เพื่อติดตามการให้นมแม่พบว่า มีทารก 2 รายที่ได้รับนมแม่อย่างเดียว (Exclusive breastfeeding )ครบ 6 เดือน โดยมารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควบคู่กับอาหารเสริมต่อเนื่องจนทารกอายุ 15-18 เดือน และมีทารก 2 รายที่มารดาให้นมแม่เพียง 2 เดือน อีก 16 รายให้ได้นาน 3-4 เดือน ทารกทุกรายที่อยู่ในระหว่างให้นมแม่มีสุขภาพดี ไม่มีภาวะสำลักนมและไม่มีภาวะแทรกซ้อน น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์และมารดามีน้ำนมเพียงพอ สัมพันธภาพระหว่างบิดามารดาและทารกดีมาก ทั้งมารดาและบิดาเป็นผู้ที่นำทารกมาติดตามการรักษาต่อเนื่องและได้รับการผ่าตัดตามกำหนดเวลา ส่วนปัจจัยที่ทำให้หยุดให้นมแม่คือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจทำให้แม่ต้องกลับไปทำงานเพื่อหารายได้เสริมครอบครัว
การนำผลการวิจัยไปใช้ในงานประจำ
ปัจจุบันได้ใช้เป็นแนวทาง(Guideline) ในการดูแลทารกที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่รวมทั้งทารกที่มีความพิการของศีรษะและใบหน้าในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และได้ขยายผลให้กับพยาบาลในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการจัดอบรมให้กับแพทย์ พยาบาลและทันตแพทย์ที่ดูแลทารก และได้นำผลงานเผยแพร่ในทีมสหสาขาวิชาชีพที่ดูแลทารกปากแหว่งเพดานโหว่ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
ผลกระทบต่องาน ทำให้การดูแลมารดาที่คลอดทารกพิการปากแหว่งเพดานโหว่ง่ายขึ้น มารดาเลี้ยงทารกโดยเฉพาะการให้นมง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน ทั้งบิดาและมารดามีสัมพันธภาพที่ดีมากต่อทารกพิการ ยอมรับความพิการของทารกโดยนำทารกออกสู่สังคม โดยไม่รู้สึกอาย เลี้ยงดูทารกด้วยความเอาใจใส่โดยการนำทารกมารับการรักษาอย่างต่อเนื่องซึ่งไม่ได้สิ้นสุดที่เพียงแค่การเย็บริมฝีปากเพื่อปิดบังความพิการเหมือนก่อน ครอบครัวได้เติมเต็มความรักความผูกพัน ทารกไม่ถูกทอดทิ้งให้เป็นปัญหาของสังคม ทีมสหสาขาวิชาชีพเกิดความพึงพอใจที่การรักษาต่อเนื่อง พยาบาลเกิดความพึงพอใจในบทบาทอิสระของตนเอง บิดามารดาพึงพอใจและเข้าใจต่อการให้บริการของพยาบาลและทีม
บทเรียนที่ได้รับ ลบล้างความเชื่อและทฤษฎีที่ว่าทารกปากแหว่งเพดานโหว่ชนิดสมบูรณ์ไม่สามารถดูดนมแม่จากเต้าได้ ความสำเร็จเกิดจากการมองเห็นความทุกข์ของมารดาที่มีทารกพิการและเห็นประโยชน์ว่านมแม่ จะเป็นตัวเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างแม่และลูกทำให้ค้นพบองค์ความรู้ใหม่คือทารกปากแหว่งเพดานโหว่ชนิดสมบูรณ์ดูดนมแม่จากเต้าได้ โดยเจริญเติบโตได้เหมือนทารกปกติ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ พยาบาลแก้ปัญหาโดยมองประโยชน์ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางโดยไม่เกี่ยงว่างานนั้นจะเพิ่มภาระให้กับเราหรือไม่ ความร่วมมือของทีมงานและการได้รับเกียรติจากทีมสหสาขาวิชาชีพ และการสนับสนุนจากผู้บริหารที่ส่งเสริมการพัฒนางาน
โครงการนี้สำเร็จเพราะได้รับการสนับสนุนจาก ทีมสหสาขาวิชาชีพโดยเฉพาะกุมารแพทย์ที่มองเห็นความทุกข์ของมารดาและมองเห็นความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาของทีมพยาบาล และที่สำคัญคือ หัวหน้าศูนย์วิจัยผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ และความพิการแต่กำเนิดของศีรษะและใบหน้า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้โครงการตะวันฉาย(ศูนย์ตะวันฉาย)ที่ให้งบสนับสนุนโครงการวิจัยเพื่อให้มารดามีค่าเดินทางในการนำทารกมาติดตามผลการวิจัย
ในโอกาสนี้ คุณเกศนี ได้รับเลือกให้ไปนำเสนอผลงานด้วยค่ะ
การพัฒนารูปแบบสานฝันผู้ป่วยเด็กวัยรุ่นที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
Developing a model of fulfilling dreams for adolescents with cancer
เกศนี บุณยวัฒนางกุล* สุรพล เวียงนนท์** ภูริทัศน์ คู่ชัยภูมิ*** ไพพร ศรีประย่า**** สุดารัตน์ สุภาพงษ์***** เลี่ยมทอง ช่อเพชรกุล****** ศิริพร นานอก*******โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มาร่วมแสดงความยินดีด้วยครับ
และเป็นกำลังใจให้รายอื่น ต่อไปครับ
แสดงความยินดีกับ พี่พรเพ็ญและอจารย์เบญจมาศ ค่ะ
มีผลงานที่มีคุณภาพ เชียร์........
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
ดีใจด้วยนะครับ...
ทีมงาน ร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
สุดยอดทุกท่านครับ
Big congratulationsssagain!!
สวัสดีค่ะพี่แก้ว
ยินดีด้วยกับพี่ๆค่ะ ชื่นชมค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเชียร์
คนทำงานค่ะ...
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ วันนั้ก็ได้เข้าไปร่วมงานเหมือนกัน ได้ไปนั่งฟังพี่เค้าพูด แต่ไม่ได้เข้าไปทัก