ครูกวี .. สียะตรา ..


ราว 3 ปีก่อน คนเขียนโชคดีที่ได้รู้จักเพื่อนทางโลกไซเบอร์คนหนึ่งค่ะด้วยความบังเอิญ     ณ ตอนนั้นคนเขียนได้โลดแล่นอยู่ในเวบเฉพาะของคนกลุ่มหนึ่งและมักจะเห็นนาม " สียะตรา " อยู่เสมอ    ตัวหนังสือของเธอนั้นแสนจะสวยงามและไพเราะ   

 

เธอเป็นอีกผู้หนึ่งที่ตัวคนเขียนเองและหลายคนยอมรับในความสามารถเฉพาะตัวอันนี้    หลาย ๆ คนไม่กล้าแม้จะพูดคุยกับเธอผ่านตัวหนังสือในกระทู้   แม้กระทั่งคนเขียนเองก็ได้แต่ชื่นชมเธออยู่ในระยะที่ห่างมากกกกกกก   จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอเพราะด้วยเธอต้องการจะซื้อหนังสือทำมือเล่ม 1 ของคนเขียน   หลังจากนั้นมิตรภาพของคนสองคนก็ดำเนินไปด้วยดี   

 

คนเขียนมักจะหยอกเย้าเธอว่าตัวหนังสือของเธอนั้นติดชฎา    เธอคนนี้เปรียบดั่งทั้งพี่และครูของคนเขียน    คราใดที่คนเขียนต้องการคนตรวจทานบทกลอนหรือโคลงใด    ตลอดจนสงสัยว่าศัพท์ที่พวยพุ่งผุดขึ้นมาในความคิดของคนเขียนนั้นจะมีความหมายใด   คนเขียนก็จะกดมือถือไปออดอ้อนขอความช่วยเหลือจากเธออยู่เรื่อย    เธอเป็นพจนานุกรมประจำตัวของคนเขียน  โฮ่ะ ๆ ๆ    หลายคนซุบซิบกันว่าคนเขียนช่างกล้า    ฮ่ะ ๆ ๆ  ก็นั่นสิ  มานึกเอาตอนนี้ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้    คนเขียนช่างโชคดีที่เธอดูออกจะเอ็นดูอยู่บ้าง    มาค่ะ.. มาชื่นชมกับบทโคลงกลอนของเธอกัน

 

  • นี่เพียงแค่เปิดตัวนามของเธอนะคะ  ยังขนาดนี้เลย
นาม..สุรางค์ปรางผ่องแผ้ว.........นุชนาฏ
สี.......สาดส่องยุวราช.................ก่องหล้า
ยะ.....เยือกเย็นเช่นจันทรมาศ..จวบรุ่ง
ตรา...ตรึงซึ่งพึงพะว้า...............บ่ แม้นใครเทียม  
  • คนเขียนชอบบทนี้มาก   เพราะทั้งบทนี้มีคำที่มีความหมายถึง " พระจันทร์ " อยู่หลายคำ   ลองนับกันดูสิคะ
....เอนองค์อรอาบร่างกลางบุหลัน
....ศศิฉันเฉิดกระแสห้วงแขไข
....รัศมีแสงจันทราประภาวลัย
....เอิบประไพรูปสุภางค์กลางดวงเดือน  
  • บทเธอจะหวาน  ก็แสนหวานค่ะ 
พิกุลกาญจน์สานสร้อยร้อยเป็นช่อ
หอมลออห่อด้วยตองรองรับขวัญ
จันทร์กระพ้อคลอระรื่นชื่นประชัน
บุปผาพรรณกลั่นกลิ่นฉม...ภิรมย์มาน  
  • บทจะเศร้า  ก็แสนเศร้านะคะ
...แผ่วเสียง " ซอ " พ้อควะเคว้งเพลงวิโยค
...กำสรดโศกราวมะนะจะขาดหาย
...อาดูรเหลือเมื่อสวาท..นิราศคลาย
...ดั่งเส้นสาย " ซอ " ประหัต...มนัสครวญ  
  • และบทนี้ อ่านแล้วคนเขียนก็ขนลุก .. ด้วยรู้สึกราวกับอยู่ในเหตุการณ์ในอดีตนั้น
...กรีดเสียงเพรียกเรียกประดังจากวังหลวง
...กลางจันทร์จวงเร้นเมฆาพร่าสลัว
...เหล่านางในเสนามาตย์ล้วนหวาดกลัว  
...รานระรัวระทึกไล่ของไพรี
...พะเนียงเพลิงเริงร้อนดังซ่อนศึก
...สุมระทึกแนวกำแพงแห่งกรุงศรี
...เพทุบายร้ายนัก!!!!ด้วยอัคคี.
..เกรียงบุรีพินาศทรุด....อยุธยา  
...................อโยธยา..............................
...................มเหยงคณ์...........................  
...ถูกพม่า................ฆ่าฟัน....................บั่นหัว
...หวาดกลัว................กรีดดั่ง..................สังหรณ์
...ระงมทั่ว...................เวียงสะ.................พระนคร
...ราญรอน..................ภิณท์ราบ..............ลงทาบดิน
...ควันช่วง...............เพลิงโชติ..............โหดร้อน
...ดัสกร......................หลากหลั่ง...........ดั่งกระสินธุ
...รุกโจม.....................โถมถั่ง.................ทั้งแผ่นดิน
...มลายสิ้น.................รวิยุค....................." อโยธยา"
...หนีตาย.................แรงล้า...................หาวัด
...ซ่านซัด....................ระหกระเห.............จากเคหา
...มาสุมทับ.................ดับด่าวสิ้น.............วิญญา .
..เหนืออาณา.............นาดระเน............... " มเหยงคณ์ "
...เจดีย์แก้ว................ช้างล้อม..................ค้อมกระอัก
...ภาพสลัก.................เลือดท่วมปรี่..........ธรณีสงฆ์
...จารึกรอย.................พ่ายพินาศ.............ฉกาจลง
...ฝังกลางตรง.............ที่หัวใจ...................ไทยทั้งปวง
หมายเลขบันทึก: 113287เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2007 16:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 17:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ คุณเนปาลี

  • ป้าแดงเองก็ชอบ โคลง กลอน ไม่น้อยค่ะ แต่ความสามารถไม่ถึงขั้นค่ะ
  • เคยติดตาม เวบบอร์ด นักเขียน เหมือนกัน สุดท้ายต้องจอดเพราะ ยิ่งอ่านยิ่งไม่พัฒนา คงต้องหาโอกาส กลับไปอีกครั้ง เผื่อว่า ณ ตอนนี้ อารมณ์ศิลปิน จะดีขึ้นบ้าง
  • มาช้ากว่าป้าแดงแรงฤทธิ์ครับ
  • ชอบกลอนครับ
  • เธอแต่งได้ไพเราะมาก
  • ส่ง mail ไปให้แล้วครับ
  • ขอบคุณครับ
ไม่รู้ว่ามีวรรณกรรมเกี่ยวกับการเผา เวียงจันทน์ บ้านเมืองแถวๆ เสียมราฐ  สุโขทัย เชียงใหม่ (เคยโดยเผาหรือเปล่า?) บ้างหรือเปล่า?

เพลงเพราะดีนะครับ. :-)
  • สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ ป้าแดง ..

ต้อมว่า การเรียงร้อยภาษาให้เป็นลำนำคำกลอนนั้น   จะทำให้ถ้อยประโยคของเราดูสวยงามขึ้นมากเลยค่ะ    ภาษาไทยของเราสวยจะตายไปเนอะ

ว่าง ๆ ถ้ามีอารมณ์สุนทรีย์..ต้อมก็แต่งออกมาได้ค่ะ    ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ณ ตอนนั้นด้วยว่าเป็นแบบไหน  จะโกรธ  จะสุข  จะเศร้า

อยากอ่านกลอนที่ป้าแดงเคยแต่งจังค่ะ ..

  • สวัสดีค่ะ  คุณบ่าววีร์ ..

ต้อมไม่แน่ใจนะคะ  ว่ามีวรรณกรรมเกี่ยวกับการเผาเมืองต่าง ๆ ที่คุณบ่าววีร์ ไหม?   แต่ก็ว่า  น่าจะมีค่ะ    เพราะตามประวัติศาสตร์..ไทยเคยเผาเวียงจันทร์เสียสิ้นตอนครั้งปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์   ทำให้ลาวเกลียดคนไทยในตอนนั้นมาก

ในประวัติศาสตร์การศึกสงครามนั้น  ยุทธวิธีเผาเมืองเป็นอีกหนึ่งที่ผู้ชนะได้กระทำ    เพื่อทำให้สถานภาพของเมืองที่ถูกเผาอ่อนแอยากแก่การจะสร้างขึ้นมาใหม่

แม้กระทั่งก่อนที่ไทยจะถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน  เวลามีศึกสงครามระหว่างกัน   ก็มีการเผาเมือง

คุณบ่าววีร์ลองไปหาหนังสือประวัติศาสตร์หรือถามท่านผู้สันทัดในเรื่องนี้ดูนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยือนกันค่ะ

  • สวัสดีค่ะ  คุณ ขจิต ..

ได้รับเมลล์แล้วนะคะ 

คุณยู (( สียะตรา )) เธอแต่งไว้เยอะค่ะ    และก็เพราะ ๆ ทั้งนั้นเลย

เมื่อวานซืน .. ตลกมาก    พี่นักเขียนคนโปรดอีกคนของต้อมให้แต่งกลอนเกี่ยวกับที่ชาวเชียงใหม่มีการต่อต้านการสร้างเขื่อน - ทับถมที่และรุกล้ำเข้าไปในเขตน้ำปิงของพวกนายทุน   เธอจะเอาลงในจุลสาร    ต้อมก็ตกปากรับคำ   แต่แต่งยังไงก็ไม่เพราะ    ก็เลยโทรกริ๊งไปอ้อนคุณยูอีกแร่ะ  บอก  คุณยูขา  เมตตาแต่งกลอนให้ต้อมหน่อย   คุณยูเธอก็กรุณาแต่งให้ค่ะ   เป็นที่ถูกอก - ถูกใจ พี่นักเขียนมาก

นี่ก็พยายามคะยั้นคะยอให้เธอทำหนังสือทำมือรวมบทกลอนของเธอหลายทีแร่ะ   เธอก็ว่ารอวันต้อมว่างทำให้   แฮ่ะ ๆ ๆ งั้นคงอีกนานเลยล่ะ  

จะนำบทข้างบนมาเปลี่ยนชื่อเมืองเอา สงสัยก็จะไม่ไพเราะเหมือนเดิม. :-P

สวัสดีค่ะ

กลอนเพราะมากๆค่ะ ได้อารมณ์เหลือเกินค่ะ

  • มาชวนไปงานที่เชียงใหม่
  • ถ้าไม่ไปเราจะยกทีม bloggers ไปบุกถึงที่ทำงาน
  • ฮ่าๆๆๆๆๆ
  • คุณบ่าววีร์ ..

ลองปรับ - เปลี่ยน - เล่นคำ  น่ะค่ะ  ทำบ่อย ๆ ก็จะลื่นไหลไปเอง

เอาใจช่วยค่ะ

  • สวัสดีค่ะ  คุณพี่ศศินันท์ ..

ขอบคุณค่ะที่ชม  หากคุณยูทราบก็คงจะดีใจ   เพราะเธอมักจะเปรยให้ได้ยินเสมอว่า " เวลาเราแต่งกลอนแล้วไปโพสต์ที่กระทู้  ไม่เห็นจะมีใครสนใจเลย "

ความจริงก็คือ  อย่างที่ต้อมมักจะแซวเธอเล่นน่ะค่ะ  ว่าภาษาเธอนั้นติดชฎา   ดูอลังการ  และแสนจะไพเราะเพราะพริ้ง   จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยกับเธอในกระทู้ที่เธอไปโพสต์บทกลอน   ในเวบเฉพาะนั้น  จะมีเพียง 1 - 2 คน เองที่มาประชันกับเธอได้อย่างสูสี

เมื่อ 2 ปีก่อนที่ต้อมทำเวบเป็นของตัวเอง  ต้อมก็ไปขอรวมงานกลอนของเธอกับอีกท่านที่มักจะโต้ตอบกันมารวบรวมไว้ให้คนอื่นได้อ่านกันน่ะค่ะ   แต่เสียดายที่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว

  • คุณขจิต ..

ไม่รับปากค่ะ  เพราะไม่แน่ใจ   ^_^

แต่รับรองได้ว่า  คุณขจิตได้รับหนังสือทำมือของต้อมแน่นอน

 

 

 .

 

 

......สวัสดีค่ะ...

 

...อ่านคำนำด้วยอาการที่บรรยายไม่ถูกค่ะ...โคลงที่เห็นบทแรกนั้นไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ค่ะเป็นโคลงบทแรกที่ลองเขียนหลังจากที่คิดว่ายากหนักหนามานาน...รู้สึกดีๆเช่นเดียวกันค่ะที่ได้รู้จักคุ้นเคยกับคุณต้อม...

 

......รัถยานา นาสายกรายบรรจบ

...ให้พานพบทั้งรื่นรส..และอดสู

...หากสิ่งซึ่งถือมั่นไว้ในใจพธู

...คือ..ความรู้...หวังกอบ...มอบอนุชน

 

......เป็นคนชอบเล่าในสิ่งเล็กๆน้อยที่พอรู้บ้าง...ด้วยหวังว่าเด็กรุ่นใหม่ๆจะเห็นความงดงามของวัฒนธรรม ภาษา..จารีตประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเราน่ะค่ะ...

 

 

.........................  ...สียะตรา..  .........................

 

.

  • สวัสดีค่ะ  คุณยู ..

ดีใจจังเลยค่ะที่คุณยูมาเยือน blog ของต้อม .. นินทาคุณยูไว้เยอะ  แฮ่ะ ๆ ๆ

ดีใจนะคะที่ได้รู้จักคุณยูตัวเป็น ๆ เพราะคุณยูเป็นพี่ที่น่ารักค่ะ  ^_^   ตัวหนังสือคุณยูจะพริ้งเพริดแพร้วเสมอน่ะค่ะ

ขอบคุณค่ะ  ^_^

......ทัด "ลำดวน "อวลแอบแนบข้างหู

...กรุ่นเรณูชิดสะอางปรางสมร

...ยามนิราศเสน่หา..คิดอาวรณ์

...ดอมเกสรชื่นละม้ายคล้ายนวลพรรณ

......ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเมื่อได้ลงมือทำขนมค่ะ ขนมไทยเป็นทั้งศาสตร์และศิลปจริงๆ...จากแป้ง น้ำมัน น้ำตาล ยังไม่พอล่ะค่ะ ยังต้องประกอบด้วยความตั้งใจอย่างมากมาย ใช้ความสังเกตปฏิกิริยาเชิงวิทยาศาสตร์นิดๆ ทำไปก็คิดแปลกใจคนโบราณว่าคิด ว่าทำกันมาได้อย่างไร สมัยก่อนที่เห็นคุณยายทำ ไม่มีถ้วยตวง ไม่มีสัดส่วนแน่นอนก็สำเร็จออกมาอร่อย...ร่วมปีทีเดียวที่เราลองผิดลองถูกกว่าจะลงตัว เป็นความปลื้มตัวเองอีกครั้งค่ะ...เดิมทีใส่กลอนบทนี้ลงในกล่องขนมด้วยความคิดที่ว่าอืมมม..ถ้าสาวซื้อไปฝากหนุ่มก็เอาแบบบทข้างบนนี้ไป...แล้วถ้าหนุ่มเอาไปฝากสาวก็..

......อัน " ลำดวน " ที่พี่กอบมอบให้เจ้า

...กรุ่นกลิ่นเย้าหอมตรลบสบนาสา

...แต่แม้นเทียบปรางนวลกับมวลผกา

...บุษยามิอาจข่มฉมสุรางค์

......รึว่าใกล้วันแม่แล้ว...ฝากแม่ด้วยคำไพเราะ

......โอบอังกูรด้วยหัตถีนารีเพศ

...ดุจดวงเนตรแนบสุรางค์มิห่างหาย

...ด้วยสองมือกางกั้นภยันตราย

...มิระคายสะกิดเจ็ย...แม้เลบนวล

......ความคิดออกจะฝันเฟื่องนะคะที่อยากให้ใครๆได้ชิมทั้งขนมพร้อมๆกับรับสุนทรีย์ทางภาษา...

......ใช่เพียงโอษบ์เอมอิ่มชิมขนม

...มีคารมกรองร้อยถ้อยรังสรรค์

...ล้วนหลายหลากสื่อความหมายสายสัมพันธ์

...มอบกำนัลพร้อมชื่นฉม..ขนมไท

.......คิดถึงนะคะ...

....................... ...สียะตรา.. ............

  • ธุ  คุณยูค่ะ..

ไม่ได้เจอกันนานมากๆๆ แต่ก็ระลึกถึงเสมอนะคะ  ^^  งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปไหม 

ว่าแต่ "ขนมกลีบลำดวน" น่ะนะ  ขายดีไหมเอ่ย?  ยังไม่ได้ชิมเลย  ทวงๆๆ  อิอิ   ได้ข่าวว่าทำมือใช่หรือไม่    กลีบลำดวนคงอ่อนหวานอ่อนไหวน่าลิ้มลอง 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท