ลุยหิมะแดนกิมจิ


ระหว่างวันที่ 19 – 23 มกราคม 2554 ได้ร่วมเดินทางไปทัศนศึกษา ดูงาน ณ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ของเจ้าหน้าที่ในเครือโรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งการไปในครั้งนี้ได้ไปกับน้องสาว (อ้อ) หรือคุณสุรีรัตน์ วัฒนไชย ผู้จัดการฝ่ายบัญชีโรงพยาบาลธนบุรี ชุมพร เกาหลีกำลังฟีเวอร์ในประเทศไทย หลาย ๆ คนอยากจะไปเกาหลี ในที่นี้หมายถึงเกาหลีใต้ เมื่อมีโอกาสน้องสาวชักชวนก็ตกลงไปด้วย เพราะอยากจะเห็นว่าเกาหลีเป็นเช่นไร ทำไมใคร ๆ จึงอยากไปเกาหลีกันนัก ตื่นเต้นที่ได้ไปเที่ยวเกาหลีในครั้งนี้ ก่อนไปหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อจะได้เตรียมตัวถูกต้องโดยเฉพาะเสื้อผ้า
ภูมิอากาศ เกาหลีอยู่ในเขตอบอุ่นมี 4 ฤดูในหนึ่งปี
ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงกลางมีนาคม - กลางพฤษภาคม อุณหภูมิ 9-20 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน ช่วงมิถุนายน - ต้นกันยายน อุณหภูมิ 23-31 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงกลางกันยายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิ 12-20 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว ต้นธันวาคม - ต้นมีนาคม อุณหภูมิลบ -5 ถึง – 7 องศาเซลเซียส

ช่วงระยะที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้ เป็นฤดูหนาวก่อนไปได้ตรวจสอบอุณหภูมิล่วงหน้า 10 วัน จากอินเทอร์เน็ต ข้อมูลที่ปรากฏอากาศหนาวมาก อุณหภูมิต่ำ – 16 ถึง -18 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าเสื้อกันหนาวอย่างหนา (โอเวอร์โค้ท ) หมวกไหมพรมอย่างหนา ผ้าพันคออย่างหนา ลิปกลอส ลองจอน ถุงมือ ถุงเท้า ดูรายละเอียดการเตรียมตัวก่อนไปเกาหลี เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยเก็บกระเป๋าสำหรับเดินทางไปเกาหลี 5 วัน กระเป๋าเดินทางค่อนข้างอ้วนเพราะมีเสื้อโค้ดถึง 2 ตัว เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว

วันที่ 19 มกราคม 2554 กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

22.00 น. คณะพร้อมที่สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์ M ประตูทางเข้า หมายเลข 6 สายการบินโคเรียน แอร์ เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเอกสารการเดินทางให้กับทุกคนที่สนามบินจากทุกขั้นตอนได้ดำเนินการตามกระบวนการ การไปต่างประเทศ 00.55 น. สายการบินโคเรียน แอร์ เที่ยวบินที่ KE 654 นำคณะทั้งหมด 60 ชีวิต บินสู่สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ตลอดเวลาบนเครื่องบินจะมีประกาศจากเจ้าหน้าที่เป็นระยะ ๆ ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และเกาหลี ข้อความซ้ำ ๆ กันตลอดเวลาว่าขณะนี้อากาศแปรปรวน ให้ระมัดระวังตัวคาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ให้ลุกเดินเข้าห้องน้ำ

วันที่ 20 มกราคม 2554 อินชอน - Gyeonggi-Do - ดูงาน – โซล - ช้อปปิ้งย่านเมียงดง – อินชอน

รุ่งอรุณที่เกาหลี มองจากหน้าต่างเครื่องบิน ยามรุ่งอรุณหน้าหนาวที่เกาหลี ท้องฟ้าสวยงามมาก จึงเก็บภาพสวย ๆ มาด้วยมาด้วยความประทับใจ

08.15 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ อินชอน เป็นเมืองทางตะวันตกของกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ อินชอน มีสนามบินนานาชาติที่โด่งดัง และเป็นสนามบินประจำชาติเกาหลีใต้ มีทัศนียภาพที่งดงาม ควบคู่ไปกับความทันสมัยและความเจริญของเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวง เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ปรับนาฬิกาข้อมือให้ตรงกับเวลาในท้องถิ่นเพื่อความสะดวกในการดูเวลาหลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว ในกรณีคนไทยเข้าประเทศเกาหลี ไม่ต้องมีวีซานั้น เป็นผลมาจาก ท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ส่งทหารมาร่วมรบในสมัยที่เกาหลีมีสงคราม สงครามเกาหลี

เช้านี้ที่สนามบินอินชอนสนามบินนานาชาติของสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ในกรุงโซล SEOUL กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงอายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง - สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน เช้านี้อากาศหนาวมากอุณหภูมิ -8 องศาเซนเซียส ทุกคนต้องสวมเสื้อโค้ดตามที่ได้เตรียมมา คณะทัวร์นำไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารในสนามบินอินชอน เป็นอาหารประเภทบริการตัวเอง (Buffet) เลือกข้าวผัดอเมริกัน และลองตักกิมจิ

เป็นอาหารพื้นเมืองของเกาหลี ตักไปด้วยนิดหน่อย เผื่อทานแก้เลี่ยนกับข้าวผัด แต่ลองชิมแล้วไม่ชอบกิมจิ เพราะรสชาติเปรี้ยวและเค็ม กลิ่นแปลก ๆ ติดจมูก (ไม่ชอบกลิ่น) ทานอาหารเรียบร้อยเดินชมสนามบินอินซอนและเก็บภาพสวย ๆ ถึงอย่างไรก็สวยและหรูสู้สนามบินสุวรรณภูมิของไทยไม่ได้

คลิกชมภาพทั้งหมด

คณะทัวร์แบ่งคณะที่ไปดูงานเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 30 คน ประจำรถโค้ดกลุ่มละคัน 10.30 น. คณะไปศึกษาดูงานโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ MEDIEN FACTORYใช้เวลาเดินทางจากอินชอนถึงอันหยาง ประมาณ 2 ชั่วโมง เข้าไปดูงานร่วมฟังคำบรรยายแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเป็นศัพท์ทางการแพทย์และเป็นภาษาอังกฤษเดินชมเครื่องมือต่าง ๆ ทางการแพทย์ ราคาแพงมาก ๆ คุณหมอทั้งหลายสนใจคงอยากจะให้มีในโรงพยาบาลที่ไทยบ้าง (แต่น่าจะจนปัญญาในเรื่องราคา) จากนั้นรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร GINSENG CHICKEN SOUP ไก่ตุ๋นโสม อาหารสุขภาพเสิร์ฟในหม้อดินท่ามกลางน้ำซุปที่กำลังเดือดพิถีพิถันด้วยการคัดเลือกไก่ขนาดกำลังเหมาะผ่านการเลี้ยงจนอายุได้ 45 วัน นำมาทำความสะอาด นำเครื่องในออกทั้งหมดแล้วนำเครื่องยาจีน อาทิ เกาลัด เก๋ากี้ พุทราจีน และรากโสมพร้อมด้วย ข้าวเหนียวใส่ลงไปในตัวไก่ แล้วผ่านการตุ๋นจนเนื้อไก่ล่อน สามารถรับประทานได้สะดวก ทานคู่กับเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเกาหลีเพิ่มรสชาติด้วยเกลือและพริกไทยป่น เสิร์ฟคู่กับเหล้าเกาหลี “โซลจู” เป็นอาหารที่ไม่อร่อยเอาเสียเลย มีพริกชี้ฟ้าจิ้มกับน้ำจิ้มกลิ่นเหมือนเต้าเจี้ยว หลายคนทดลองทานกันเป็นที่สนุกสนาน คือแปลกดี

คลิกชมภาพทั้งหมด

บ่ายไปชม พิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ TEDDY BEAR MUSEUM ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับหอคอยโซล ภายในจัดแสดง ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ในอริบทต่างๆ อันน่าหลงใหลและประทับใจในความน่ารัก เช่นการแต่งกายในชุดประจำชาติของ หลายประเทศ และอิริยาบถต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

คลิกดูภาพทั้งหมด

ออกจากพิพิธภัณฑ์ไปโซลทาวเวอร์ หอชมดาวที่ติด 1 ใน 10 ของโลก หอคอยนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ตัวหอคอยมีความสูงเกือบ 240 เมตร ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า “นัมซันทาวเวอร์” เพราะหอคอยตั้งอยู่บนภูเขานัมซานซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ของกรุงโซล จะเห็นสภาพบ้านเมืองของกรุงโซล ไปชมความงดงามของกรุงโซลแบบ 360 องศาที่ โซลทาวเวอร์ ชมแม่น้ำฮัน แม่น้ำสำคัญของเกาหลีใต้ และที่นี่มีตำนานกุญแจของคู่รัก ที่คู่รักหรือเพื่อนรักกันจะเอา แม่กุญแจ ที่เขียนชื่อแล้วมาแขวนล๊อคไว้ที่ราวระเบียงด้านล่างตึกเพื่อเป็นนัยว่าจะได้ล๊อคความรักและมิตรภาพไว้ให้อยู่คู่กันตลอดไป แล้วจากนั้นก็จะโยน ลูกกุญแจ ทิ้งลงมาด้านล่าง

คลิกดูภาพทั้งหมด

จากนั้น ประมาณ17.00 น. ไปชัอปปิ้งที่ MYEONGDONG AREAเมียงดง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมแฟชั่นชั้นนำของเกาหลี ที่นี่มีทั้งห้างสรรพสินค้าล็อตเต้ เมโทรมิโดป้า และห้างสรรพสินค้า ชินเซแกและร้านมิกลิออร์ ซึ่งตั้งอยู่ทั้งใต้ดินและบนดิน ขายเครื่องแต่งกายสำเร็จรูป รองเท้า เครื่องใช้เครื่องประดับ และเครื่องสำอางเกาหลี Etude House(อีทูดี้),Skinfood(สกินฟู้ด),ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ไปในครั้งนี้ ทุกคนเตรียมข้อมูลไปพร้อมมีการปริ๊นภาพ คุณสมบัติของแต่ละชนิดติดมือไปมากมาย ซื้อกันคนละเป็นแสน ๆ วอน (เงินเกาหลี 1,000 วอน มีค่า 30 บาทเงินไทย) เพื่อนฝูงพี่น้องก็ฝากซื้อกันเพียบเพราะที่เมืองไทยแพงกว่าที่นี่ถึง 3 เท่าตัว และยังไม่มั่นใจว่าเป็นของแท้หรือเปล่า เขามีรายการของแถมมากมาย เลือกโลชั่นบำรุงผิวของ Skinfood(สกินฟู้ด) ได้ 2 ขวดเป็นครีมนมผสมน้ำผึ้งเป็นของฝากเพื่อนสาวของลูกชาย ราคาขวดละ 17,900 วอน ตัวเองไม่ได้ซื้ออะไรเพราะปัญหาหากหมดจะซื้อที่ไหนอีกอย่างเราก็มีเครื่องสำอางที่ใช้ประจำอยู่แล้ว เขาช้อปกันเพลิน พวกที่ไม่สนใจเครื่องสำอางเหล่านี้ เดินชมศูนย์การค้าเมียงดง ดูราคาแต่ไม่ค่อยจะซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะราคาแพงกว่าเมืองไทย รอจนเหนื่อย หนาวและมีลมเย็นหิวก็หิว หลาย ๆ คนหลบเข้าร้าน คริสปี้ ครีม (Krispy Kreme) ร้านที่กรุงเทพฯบ้านเราต้องเข้าแถวรอกันหลาย ๆ ชั่วโมง แต่ที่นี่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เข้าไปสั่งกาแฟกับน้องสาว 2 ที่ พร้อมโดนัทคนละชิ้น อร่อย แต่เห็นราคาแล้วหนาวกว่าอากาศตอนนั้นเสียอีก (1 หมื่นวอน)

ค่ำนี้รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (ซาบู ซาบู) เป็นอาหารคล้าย ๆ สุกี้ แต่มีผักอย่างเดียวคือถั่วงอก มีเต้าหู้ เห็ด (เห็ดอร่อย) น้ำจิ้มจากไทย รสชาติก็ใช้ได้เพราะเป็นอาหารร้อน ๆ เหมาะกับอากาศที่หนาวเย็น เป็นอาหารที่ดีกว่าไก่ตุ๋นโสมเมื่อกลางวันนี้ ทานกับข้าวสวยในถ้วยใบเล็ก ๆ พร้อมตะเกียบแบน ๆ ข้าวที่เกาหลีนี้อร่อยมาก นุ่ม หอม

จากนั้นเดินทางจากกรุงโซล เข้าสู่ที่พักอินซอน (ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที) คืนแรกพัก ณ อินซอน BEST WESTERN PREMIER SEONGDO เป็นโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีอินเทอร์เน็ตไร้สาย ก่อนเข้านอนได้ใช้อินเทอร์เน็ตดูข่าวสารจากเมืองไทยบ้างแต่ทนง่วงไม่ไหว ขอนอนก่อน

21 มกราคม 2554 อินซอน – ปั่นจักรยานเรียลไบท์ - เกาะนามิ –– ยางจีสกีรีสอร์ท

เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งไว้ปลุก เวลา 05.00 น. ตื่นมาอ่านข่าวที่เมืองไทย เวลาเมืองไทยประมาณ 03 .00 น. จึงไม่ค่อยจะมีอะไรให้อ่าน จัดกระเป๋าสำหรับพักค้าง 1 คืนที่รีสอร์ท ไม่ต้องลากกระเป๋าไปใหญ่ไปที่พัก เพราะรถขึ้นไม่ถึง อาบน้ำแต่งตัววันนี้ต้องสวมชุดกันหนาวที่มากกว่าเมื่อวานเพราะไปเมืองที่อยู่ในบริเวณที่มีภูเขาอากาศจะหนาวมาก อาหารเช้านี้ก็เหมือนโรงแรมทั่ว ๆ ไปมีอาหารให้เลือกมากมาย เลือกทานขนมปังทาแยมกับกาแฟ และน้ำลิ้นจี่อีกแก้วหนึ่งก็อิ่มแล้ว ระหว่างรอคนอื่น ๆ ซึ่งยังทานอาหารไม่อิ่มได้เก็บภาพสวย ๆ หน้าโรงแรมที่พัก

08.00 น. เดินทางสู่ หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคังวอนโด เมือง ยางเพียง ทุกคนได้ ปั่นจักรยานบนรางรถไฟ พร้อมรับชมทิวทัศน์สองฝั่งความเร็วเฉลี่ยของโมโนเรลอยู่ที่ประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สองฝั่งเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิเช้านี้ –8ถึง – 9 องศาเซนเซียส เหนื่อยมากเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะได้ทำกิจกรรมประเภทนี้ แต่ก็สนุกดี

จากนั้นเดินทางสู่ EVERLANDวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญที่สุดของประเทศเกาหลีเป็นที่นิยมของชาวเกาหลีและชาวต่างชาติเป็นอย่างมากตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาให้ท่านได้สนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่นี่ได้นั่งกระเช้าลงไปชมสวนสัตว์ซาฟารีซึ่งมี“ไลเกอร์ ”สัตว์พันธุ์ผสมระหว่างเสือกับสิงโตที่มีอายุมากกว่า 13 ปี ไม่สามารถถ่ายรูปได้เพราะนั่งอีกด้านหนึ่งของรถที่ไม่มี ไลเกอร์ ด้านที่นั่งมีหมีแสนรู้มันเดินเกาะรถเพื่อขออาหารจากคนขับรถ ตัวโตและดูเชื่อง ไม่มั่นใจถ้าเราโผล่หัวออกนอกรถมันจะงับหัวเราหรือไม่ ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีก หลายชนิด มีร้านขายของที่ระลึก เดินชมทั่วแล้วนั่งกระเช้ากลับขึ้นข้างบน เล่น SNOW BUSTER บนหิมะเป็นที่สนุกสนาน งานนี้ลืมอายุไปเลย เข้าร้านของเล่นเลือกตุ๊กตาเป็นของฝากลูกหลานครูที่โรงเรียน 2 - 3 ตัว จึงกลับขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะนามิ

คลิกดูภาพทั้งหมด

อาหารกลางวันมื้อนี้เป็น KALBI หมูย่างเกาหลี ต้นตำหรับอาหารเลื่องชื่อของประเทศ เป็นหมูย่างที่ผ่านการหมักจนได้ที่นำมาย่างบนเตาถ่าน ตัดเป็นคำ ๆ ทานคู่กับซอส กระเทียม กิมจิ และใช้ใบผักกาดสดห่อเป็น คำ ๆ แกล้มด้วยพริกเกาหลีเม็ดโตพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ น้ำซุป และกิมจิ เป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุด

บ่ายรถนำคณะเดินทางสู่ท่าเรือ เพื่อนั่งเรือข้ามฟากสู่เกาะนามิ (NAMI ISLAND) สถานที่โรแมนติกอีกแห่งหนึ่งสำหรับคู่รัก หนุ่มสาว ครอบครัวและเพื่อน ๆ ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวีเรื่อง WINTER LOVE SONG (เพลงรักในสายลมหนาว) อันโด่งดังไปทั่วเกาหลีและเอเชีย เกาะนามิ มีรูปร่างเหมือนใบไม้ ห่างจากกรุงโซลเพียง 63 กิโลเมตร ณ ที่แห่งนี้ท่านสามารถคารวะสุสานนายพลนามิ ซึ่งเป็นเจ้าของเกาะ เช่าจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ทิวสน ต้นเกาลัดและถ่ายรูปคู่รูปปั้นพระเอกนางเอกของละครเรื่องนี้ การเดินทางไปเกาะนี้ต้องลงเรือข้ามฟาก วันนี้แม่น้ำเป็นน้ำแข็งเรือต้องแล่นแหวกน้ำที่เป็นน้ำแข็งไป ถึงเกาะนามิมีธงไทยและธงญี่ปุ่นโบกสะบัดอยู่ด้วยกัน ถามเขาก็ได้ความว่า เกาะนี้มีคนไทยและคนญี่ปุ่นมาเที่ยวมากในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมีป้ายยินดีต้อนรับเป็นภาษาไทย มีเสียงต้อนรับและยรรยายถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นภาษาไทย ครั้งแรกฟังแล้วงง คิดว่าอยู่ในเมืองไทย ที่นี่หนาวมาก ๆ เพราะมีภูเขาล้อมรอบ อุณหภูมิขณะนั้น – 16 องศาเซนเซียส แต่ทิวทัศน์สวยงามมากเต็มไปด้วยทะเลหิมะ เก็บภาพสวย ๆ ที่ประทับใจไว้ได้มาก หมดเวลาตามที่คณะทัวร์กำหนดเดินทางออกจากเกาะนามิเมื่อเวลา 16.30 น.

คลิกชมภาพทั้งหมด

เดินทางสู่รีสอร์ทยางจีสกีรีสอร์ท YANGJI PINE RESORT เส้นทางไปรีสอร์ทรถต้องขึ้นเนินสูง เส้นทางคดเคี้ยว หิมะบนถนนหนามาก แวะห้องอาหารของรีสอร์ทก่อน ค่ำนี้ทางรีสอร์ทเตรียมอาหารต้อนรับเป็น B.B.QPARTY ร่วมรับประทานอาหารค่ำแบบการ์เด้นบาร์บีคิว ภายในรีสอร์ทกับบรรยากาศค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บ อิ่มแล้วเตรียมกระเป๋าใบเล็กเข้าสู่ห้องพักที่แสนโรแมนติก ห้องพักเหมือนห้องชุดทั่ว ๆ ไป คืนนี้หลาย ๆ คนไปที่ลานสกีเพื่อเล่นสกี YANGJI SKI RESORT มีเนินสกีถึง 8 เนินด้วยกันประกอบด้วย 2 เนินสำหรับนักสกีมือใหม่,4 เนินสำหรับผู้ที่เล่นได้แล้วและอีก 2 เนินสำหรับผู้ที่เล่นได้อย่างชำนาญ ทุกคนที่ไปต้องเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อจะได้หาประสบการณ์ด้วยการเล่นสกีบนลานหิมะอันขาวโพลน (ราคาทัวร์ไม่รวมค่าอุปกรณ์การเล่นสกี ประมาณท่านละ 35,000 วอน และครูฝึกรวมทั้งสโนว์สเลด แต่สละสิทธิ์ที่จะไม่ไปเพราะมีอาการหายใจไม่ค่อยออก ปวดศีรษะ คุณแหม่ม พยาบาลของโรงพยาบาลธนบุรี มีน้ำใจนำยาแก้แพ้และพารามาให้ทาน จากนั้นอาบน้ำอุ่น ๆ แล้วนอนพัก ขอบคุณคุณแหม่มมาก ๆ ที่ช่วยดูแล

22 มกราคม 2554 ยางจีสกีรีสอร์ท –โซล - ดิวตี้ฟรี -– Drum Cat Show - อินชอน

เช้าตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ เวลา 05.00 น. อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมานอกห้องพัก หิมะโปรยปราย ภูมิทัศน์ในรีสอร์ทสวยงามมาก เหมือนในหนังเกาหลี แต่หนาวเหน็บไปถึงกระดูก หนาวมาก

ลงไปทานเช้าพร้อมกระเป๋าใบเล็ก นำกระเป๋าไปเก็บที่รถแล้วไปทานข้าวในห้องอาหาร เช้านี้เป็นข้าวต้ม ชาเขียว อร่อยมาก ข้าวต้มนุ่ม ๆ ชาเขียวกรอบ หอม ฉีกจากซองโรยบนข้าวต้ม นอกจากนี้มีขนมปังปิ้งและแยมสตอเบอร์รี่ รสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ ไม่มีเยลลี่ปน อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานแยมสตอเบอร์รี่ และน้ำส้มคั้น แปลกไม่มีกาแฟเขาไม่นิยมดื่ม แต่ไกด์ก็มีเตรียมไว้ให้นิดหน่อยสำหรับคนติดกาแฟ กาแฟที่นี่ไม่อร่อยรสชาติเหมือนกับมีนมหรือครีมปนอยู่มาก จึงไม่ค่อยมีรสชาติของกาแฟเท่าที่ควร ทานเสร็จเตรียมไปขึ้นรถออกจากที่นี่ ระหว่างนั้นต่างคนต่างเก็บภาพสวย ๆ บรรยากาศโรแมนติกบนความเย็นยะเยือก

08.15 น. ออกจากยางจีสกีรีสอร์ท กลับกรุงโซล แวะ GINSENG CENTER ศูนย์จำหน่ายโสม ซึ่งรัฐบาลรับรองคุณภาพว่าผลิตจากโสมที่มีอายุ 6 ปีซึ่งถือว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุด เนื่องจาก ประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่มีศูนย์โสมโลกตั้งอยู่โสมเกาหลีจึงได้รับการพัฒนาทั้งในด้านคุณภาพและบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและมีราคาถูกกว่าเมืองไทยหลายเท่า เมื่อฟังสรรพคุณตามที่เจ้าหน้าที่บรรยายด้วยภาษาไทยที่ชัดเจนมาก จึงซื้อชาโสม 3 กล่อง ลูกอมผสมโสมไปเป็นของฝากคนที่อยู่เมืองไทย ออกจากศูนย์โสมคณะทัวร์ได้ไปทาน TAKKABI ทัคคาลบี อาหารเลื่องชื่อของเมืองชุนชอน โดยนำไก่บาร์บีคิว ผักต่างๆ ผัดร่วมกับซอสบาร์บีคิวเกาหลีในกระทะแบนวิธีการทานแบบเมี่ยงคำไทยโดยห่อกับผักกาดแก้วเกาหลีเมื่อทานไประยะหนึ่งจะนำข้าวสวยและสาหร่ายแห้งมา ผัดรวมกับทัคคาลบี เพื่อให้เกิดอาหารชนิดใหม่ คือ ทัคคาลบีโปคีม หรือ ข้าวผัก ทัคคาลบีที่ทั้งหอมและน่าทาน เสริฟ์พร้อมเครื่องเคียง เช่น โอเด้ง (ลูกชิ้นปลาปรุงรส ) กิมจิ และน้ำซุบประจำวัน

เรียบร้อยในเรื่องอาหารกลางวันไปเลือกซื้อเครื่องสำอาง ยี่ห้อดังที่ WS COSMETIC เขาซื้อกันเยอะมากเกือบทุกคน หอบหิ้วกันพะรุงพะรัง กลับขึ้นรถวันนี้ต้องทำเวลาเพื่อจะได้ไปดูโชว์ Drum Cat Show รอบ 2 ทุ่มได้ทันเวลา 15.00 น. ทานอาหารเย็น คณะทัวร์ได้ไปทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารจีน ลักษณะเหมือนข้าวยำของไทย คือเอาผักและข้าวรวมกันในกระทะผัดเร็ว ๆ บนเตาไฟทานไปผัดไป มีน้ำซุปอร่อยไปอีกแบบหนึ่ง จำชื่ออาหารไม่ได้เพราะชื่อจำยาก ทานเสร็จขึ้นรถเดินทางไปชม Drum Cat Show เป็นโชว์การตีกลองและเล่นเครื่องดนตรีสากลอย่างมหัศจรรย์ โดยเป็นการแสดงใหม่ล่าสุด ของสาว ๆ สุด เซ็กซี่ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ จากปี 2008 จากประเทศอังกฤษ และปี 2009 จากเกาหลีในงานโคเรีย เอนเตอร์เทนเม้นท์ อวอร์ต และเริ่มเปิดการแสดงสุดอลังการครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2552 เป็นครั้งแรกที่กรุงโซล ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลี รอบนี้มีคนเข้าชมการแสดงมาก ทั้งหมดเป็นการแสดงสด ผู้หญิงทั้งหมด สวย เก่ง พวกเขาต้องผ่านการฝึกมาอย่างหนัก เมื่อการแสดงจบลง นักแสดงลงมาเล่นกับผู้ชม เขามายืนตรงหน้า เราตลึงในความสวยและน่ารัก เขาส่งมือทั้งสองมาให้เราแตะ ตกใจยืนจ้องเพลิน เขาคงขำมองเราตาแป๋ว น่ารักมาก ไม่มีภาพการแสดงเพราะเขาห้ามถ่ายภาพ เมื่อออกมาข้างนอกเขานั่งแจกลายเซ็น ถ้าหากซื้อแผ่นซีดี ของพวกเขา เราก็ซื้อมาแผ่นหนึ่งระหว่างรอเขาแจกลายเซ็น ได้เก็บภาพตัวเป็น ๆ มาด้วย

คลิกเข้าชม Drum cat วงสาวเกาหลี ลีลาตีกลอง สุดเร้าใจ

21.30 น. แวะย่านการค้า “ทงแดมุน” เดินดูสักพัก ร้านค้าเริ่มปิดเพราะมีหิมะตก ไม่ได้ซื้ออะไรเพราะเหนื่อยและหนาวเกินไป ไม่มีอารมณ์ที่จะเลือกซื้อ กลับขึ้นมานั่งรอคณะที่ไปช้อป มีหลาย ๆ คนที่คิดเหมือนกัน เมื่อเสร็จสิ้นการช้อปรถนำคณะออกเดินทางกลับสู่โรงแรม BEST WESTERN PREMIER SONGDO PARK HOTEL ที่ได้มาพักในคืนแรก ถึงที่พักเวลาประมาณ 23.00 น. คืนนี้กว่าจะได้นอนก็ตี 2 เข้าไปแล้วเพราะต้องจัดกระเป๋า พยายามที่จะเก็บทุกอย่างลงในกระเป๋าเพื่อโหลดไปกับเครื่องไม่ต้องหอบหิ้ว เรียบร้อยแต่ของยังไม่หมด ไม่เป็นไรนอนก่อนพรุ่งค่อยว่ากันใหม่

23 มกราคม 54 อินชอน - กรุงโซล - พระราชวังเคียงบ๊อก DUTY FREE -โรงงานพลอยสีม่วง ซุปเปอร์ของพื้นเมือง กรุงเทพฯ

ตื่นเช้า 05.00 น. อาบน้ำแต่งตัวขนกระเป๋าเดินทางลงมาด้วย ทานอาหารเช้าก็เหมือนอาหารโรงแรมทั่วไป เสร็จแล้วขนกระเป๋๋าขึ้นรถออกเดินทางไปชม bule house บลูเฮ้าส์” ทำเนียบของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “ลี เมียง บัค” ไม่อนุญาตถ่ายภาพหรือวิดีโอใด ๆ ทั้งสิ้น)จากนั้นถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์ความเป็นอมตะชมทัศนีย์ภาพอันสวยงามของภูเขารูปหัวมังกรและวงเวียนน้ำพุนับเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดี ที่สุดของกรุงโซล เข้าชม folk museum ชม“พระราชวังเคียงบ็อก” ซึ่งเป็นพระราชวังไม้โบราณที่เก่าแก่ที่สุดสร้างขึ้นในค.ศ.1394 ใน อดีตกว่า 600 ปี ก่อนภายใน พระราชวังแห่งนี้มีหมู่พระที่นั่งมากกว่า 200 หลัง แต่ได้ ถูกทำลายไปมากในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามา บุกยึดครองทั้งยังเคยเป็นศูนย์บัญชาการทางการทหารและเป็นที่ประทับของกษัตริย์ปัจจุบันได้มีการก่อสร้าง หมู่พระที่นั่งที่เคยถูกทำลายขึ้นมาใหม่ในตำแหน่ง เดิม ขณะที่เข้าชมกำลังมีพิธีเปลี่ยนเวร จึงเก็บภาพมาด้วย

จากนั้นแวะ DUTY FREE ดิวตี้ฟรี ร้านค้าปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวของกรุงโซล พบสินค้าหลากชนิดหลายยี่ห้อ ซื้อขนมได้หลายชนิด กลับขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ AMETHYEST FACTORY ชมโรงงานพลอยสีม่วง เป็นของ นำโชคของชาวเกาหลีซึ่งมี แหล่งกำเนิดใน ประเทศเกาหลี คนเกาหลีมี ความเชื่อว่า เป็นพลอยนำโชค นำความโชคดีมา ให้แก่ ผู้ที่มีไว้ครอบครอง เลือกที่ห้อยโทรศัพท์มือถือเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ วันนี้อากาศแปรปรวน มีหิมะตกปรอย ทานอาหารกลางวันใกล้ร้านพลอยสีม่วง เป็นอาหารไทย ๆ มีไข่เจียว ผัดพริกหมู แกงจืด และไก่ชุบแป้งทอด ผัดผักรวม เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่เกาหลีที่ทำให้คิดถึงบ้านที่สุด ทุกคนทำเวลาเพื่อจะได้เดินทางไปสนามบินอินชอน หิมะตกหนักมาก ชั่วระยะเวลาที่ทานอาหาร หิมะเต็มถนน รถที่จอดอยู่แทบมองไม่เห็น คนงานโกยหิมะเพื่อให้รถวิ่งได้

แวะซุปเปอร์ของพื้นเมือง แถวสนามบิน เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อีกรอบหนึ่ง ได้กิมจิมาฝากเพื่อน ๆ เพื่อได้ลิ้มลอง เป็นการส่งท้ายก่อนอำลาเกาหลี ถึงสนามบินจัดของใหม่ รับสตอเบอร์รี่สด ลูกพลับแห้ง และสาหร่ายทะเล ตามที่ได้สั่งไว้ ได้ครบทุกอย่าง จัดการโหลดกระเป๋า 2 คน น้องสาวมีกระเป๋า 4 ใบ กล่องกระดาษอีก 2 น้ำหนักเกินที่เขากำหนดอยู่แล้ว แต่ใช้การเฉลี่ยในกรุ๊ปทัวร์ด้วยกัน ผลไม้ถือติดตัวขึ้นเครื่อง ตามกำหนด 19.20 น. เดินทางกลับประเทศไทย ด้วยสายการบินโคเรียน แอร์ เที่ยวบินที่ KE 653 แต่เมื่อถึงเวลา เครื่องบิน บินไม่ได้ต้องเลื่อนเวลาออกไป เพราะหิมะตกหนัก กว่าจะได้ออกจากสนามบินนานาชาติอินชอนประเทศเกาหลี เป็นเวลา 21.30 น. ระหว่างบินเครื่องบินเขย่าตลอด เหมือนนั่งรถ บขส. ป.2 ที่เมืองไทย และจะมีเสียงประกาศเป็นระยะ ๆ ให้ระมัดระวังตัวอย่าเดินไปห้องน้ำ อย่าถอดเข็มขัดนิรภัย 01.00 น. (เวลาประเทศไทย) ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความปลอดภัย

ไปเกาหลีครั้งนี้ ได้พบเห็นสิ่งที่ดีของเขามากมาย โดยเฉพาะนโยบายพัฒนาประเทศของเขา จากประเทศที่ยากจน เป็นประเทศที่พัฒนาล้ำสมัย ด้วยนโยบาย “ พัฒนาครอบครัวให้เข้มแข็งก่อน” จึงจะพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคงได้ ความสะอาด โดยเฉพาะห้องน้ำ สะอาดมาก ยิ่งเป็นห้องน้ำสาธารณะจะสะอาดมาก ๆ ห้องน้ำสะอาดทุก ๆ สถานที่ ขยะไม่มีให้เห็นในทุกพื้นที่ อีกอย่างที่เห็นเขาอนุรักษ์นิยมในภาษาและวัฒนธรรมของเขา จะไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษพร่ำเพรื่อนอกจากจำเป็นจริง ๆ การสื่อสารในการซื้อขายก็ไม่พูด ป้ายต่าง ๆ ก็ใช้ภาษาอังกฤษน้อยมาก มักจะใช้ภาษาของเขาและสัญลักษณ์แทน

แต่ที่หดหู่ก็เป็นเพราะเขาเลี้ยงสุนัขไว้เป็นอาหาร และเนื้อสุนัขแพงมาก เขาเชื่อว่าเนื้อสุนัขช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น ไปเกาหลีไม่เคยเห็นสุนัขเที่ยววิ่งวุ่นตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนบ้านเรา “สุนัขเป็นสิ่งมีราคา”

เคยฝันจะได้ไปเที่ยวเกาหลี ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว ขอบคุณ คุณประภาพรรณ ยุติธรรม (คุณจิ๋ว) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาลธนบุรีชุมพร ขอบคุณมากค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #บันทึก
หมายเลขบันทึก: 422507เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2011 21:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม 2015 20:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

อยากฝันเป็นจริงบ้างจัง ยังไม่มีโอกาส ได้ไปสักที

ญาติเพิ่งจะกลับมาจาก เกาหลี เหมือนกัน ได้สตอเบอรี่มาเป็นของฝาก ลูกใหญ่มากเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม  ที่นั่นอากาศหนาวผักผลไม้ก็อร่อยทั้งนั้น โดยเฉพาะสตอเบอร์รี่ หวานหอม เสียดายหิ้วมาน้อยไป  มีโอกาสอย่าลืมไปนะ  กำไรชีวิต

ครูแอ๋ม...เขียนได้ดีมากๆครับและอธิบายได้ดี มีรายละเอียดที่นำเอาไปใช้เป็นความรู้และสอนเด็กๆได้ เสียดายที่บ้านเรา อินเทอร์เน็ท..ค่อนข้างช้ามากๆ ไม่สามารถเปิดให้เด็กเข้าไปชมได้ งานธรรมดาที่ทำราชการ..ยังอืดเป็นเรือเกลือเลยละครับ...นี่ถ้าเป็นผม..คงไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆเท่าครูแอ๋ม...หรอกครับ...ยกหัวแม่โป้งให้ 2 นิ้วเลยละครับ..นี่ถ้ามี 4 มือก็จะยกให้ทั้ง 4 นิ้วเลยนะครับ...จริงๆจ๊ะ

อ่านบันทึกของพี่แอ๋มแล้วเหมือนได้กลับไปเกาหลีอีกครั้งหนึ่ง พี่แอ๋มบันทีกได้ดีมากๆ

ได้ความรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ก็ได้ความรู้จากวันไปก็เยอะนะ มีโอกาสก็หาโอกาสกลับไปอีกนะ

น่าสนุกจัง ตั้งใจจะไปปีใหม่เหมือนกันเช็คอุณหภูมิ 6-7 องศาเลยงด ว่าจะไปมีนาแต่ยังไม่ได้วันอ่านข้อมูลครูแอ๋มแล้วดีจังไม่ต้องไปหาข้อมูลที่อื่น เขียนได้สุดยอดค่ะ

ขอบคุณค่ะ  คงเพราะมีครูดี

ครูแอ่มบันทึกการไปเกาหลีดีมากเลยค่ะ ไม่เคยไปแต่ก็เห็นรูปที่ครูแอ๋มถ่ายมาสวยมากค่ะ

ในเทศกาลแห่งความรักนี้  ขอมอบความรักให้กับทุก ๆ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ

today is valentine day let there ne tons of love flowing around you , and let the right one went straight to your heart .Happy Valentine’s day. Have a good love , good life and great day.

ครูบนเขาภูพานทอง...หนองบัวลำภู

ดีจัง....เหมือนได้ไปเที่ยวด้วย  ชีวิตหลังงานแม่พิมพ์เป็นนักเขียนได้สบายนะคะ

รอซื้อนะ คงอีกไม่นานหรอกนะ

ของฝากจากเกาหลี

ตะเกียบ

สตอเบอร์รีสดจากไร่

สาหร่าย

มาม่า

กิมจิ

เก็บทุกภาพไว้ในความทรงจำ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท