อย่างนี้หรือ คือ "อุดมศึกษา"


.. ที่น่าสมเพชในความ ไร้จิตวิญญาณ อีกอย่างหนึ่งของ อุดมศึกษา บางแห่ง หรืออาจจะหลายแห่ง ก็คือกระบวนการ ก่อไฟล่อแมลงเม่า ..

    เมื่ออ่าน บันทึกนี้  ของ ท่านผู้นี้ แล้วผมไปต่อความไว้ว่า ...

   แม้ไม่อาจยืนยันด้วยหลักฐานเด่นชัด ผมเองเชื่อ 100 % ว่าสิ่งที่อาจารย์นำเสนอ มีอยู่จริง ทุกรายการ มากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  มันเป็นเสียงเล่าลือครับ แต่ประมวลจากหลายๆกรณี เท่าที่ได้ยินมา ปะติดปะต่อแล้ว เชื่อได้ครับ .. เชื่อได้ 
    ตัวเร่งที่สำคัญก็คือ การที่องค์กรต้อง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่รอด  ที่เคยจับมือกันก็กลายเป็น มือจับกันแต่ ข้างล่าง เท้ากระทืบกันอยู่ ก็มีครับ  แข่งกันกวาดต้อน แมงเม่า  เข้าไปเรียน โดยไม่ต้องมีการสอบคัดเลือก .. และที่น่าสมเพชในความ ไร้จิตวิญญาณ/จิตสำนึก อีกอย่างหนึ่งของ อุดมศึกษา บางแห่ง หรืออาจจะหลายแห่ง ก็คือกระบวนการ ก่อไฟล่อแมลงเม่า  ผมหมายถึงการเอาหลักสูตร แปลกๆ ใหม่ๆ ที่อาจคุยได้ว่าเพิ่งตกเข้ามาใหม่ ทันสมัย ดีอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งหลักสูตรอบรมระยะสั้น - ยาว และที่ให้ใบปริญญา โฆษณากันไม่ต่างกับที่เขาโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง ความสำเร็จวัดกันที่คนสนใจมาอบรมมากๆ  ทำเงินหล่อเลี้ยงองค์กรได้เยอะๆ .. ส่วนถ้าใครถามว่าความรู้เหล่านั้น เกิดประโยชน์แท้จริงต่อผู้เข้าอบรมแค่ไหน  จะได้นำไปใช้ในหน้าที่การงานเมื่อไร ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าและสร้างสรรค์อย่างไร .. ไม่มีใครสนใจหรอกครับ เข้าทำนอง "คุณได้ตั๋ว - ผมได้ตัง" เป็นอันเสร็จพิธีกรรม  ผีแห้ง กับ -โลงผุ พอดีกันเลยครับ  ฝ่ายจัดก็ขยันเหลือเกิน ด้วยพลัง ธนานุภาพ ฝ่ายลูกค้าผู้รับบริการก็ สนุกกับการตามล่าหา กระดาษเปื้อนหมึก มาแปะข้างฝาให้คลุมพื้นที่ได้มากขึ้น เรื่อยๆ
   ประเภท เข้ามาหลอกเสนอโครงการในกรมกอง เอาเงินไปถลุงแบบ ไม่น่าเชื่อก็เคยมีครับ เกณฑ์คนนับร้อย เข้าอบรมเป็น 100 ชั่วโมง แต่ในนั้นมีการแอบระบายของเก่า ออกมาด้วยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะแลกกับเงินก้อนโต เป็นเอกสาร แผ่น Cd. ฯลฯ ชนิดที่เนื้อหาสาระไม่ได้เหมาะกับหลักสูตรนั้นเลย  แก่นของเรื่อง อบรมสัก 5-10 ชั่วโมงก็พอ แต่นี่ ลากให้ถึง 100 ชั่วโมง สุดท้าย ก็ละลายไปกับกาลเวลาเพียงช่วงสั้นๆ  แทบไม่เหลือซากอะไรให้เห็น .. เรื่องนี้ผมพูดยาวเพราะเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกหน่วยงานขอให้เข้าร่วมโครงการด้วย .. อย่าให้บอกเลยว่า ใครที่ไหน ไปหลอกใคร อย่างไร .. รู้แค่ว่า ผมไม่ มั่วนิ่ม ก็แล้วกัน.

    ปล.
    
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไม่ได้ คลิก เข้าไปอ่าน บันทึกนี้  ตามที่อ้างถึงไว้ตอนต้น .. คน แหลงใต้  ต้องบอกว่า " เสียดาย จั่ง ฮู้ "

หมายเลขบันทึก: 68966เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2006 12:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เข้ามาอ่านบันทึกท่านแล้วนึกถึงน้องชายคนใต้ของท่าน ไม่ได้อ่านเรื่องราวเช่นนี้จากเขามานานแล้ว ได้มีโอกาสไปสอน นศ.บ้างในบางกรณีที่พิเศษ ๆ ก็ยอมรับว่าเห็นเป็นเช่นที่ว่า (เฮ้ยยยยยยยยยย เหนื่อย)

และผ่านการเป็น นศ.ที่เห็นเพื่อยร่วมรุ่นตกเป็นเหยื่อระบบการศึกษาอย่างที่ท่านเขียน แต่อย่าไปตัดสินแทนเขา (ลูกค้า) เลยนะครับ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกลับยินดีปรีดาที่จะได้ตั๋ว ก็ในเมื่อซื้อขาดแล้ว (ชำระค่าลงทะเบียนแล้ว) เพียงรอเวลาให้ครบตามเกณฑ์ ก็จะได้รับตั๋วกันถ้วนหน้า

คนที่เรียนเอาจริง ๆ หลักสูตรไหนที่เข้มงวด รับน้อย ๆ มุ่งมาดเพื่อคุณภาพ เขาจะบอกว่าเรียนไปทำไม ยังไงก็จบแล้วเหมือนกัน Master เหมือนกันล๊ะ??

 3D Santa เรียนท่านอาจารย์ Handy

 สถาบันหลากหลาย " ความไร้จิตวิญญาณ และ ไร้จิตสำนึก "

 คงมีบ้าง บางแห่งหลงทาง บางแห่งหาทาง (หากิน)

 มาร่วม มารวม ช่วยกันครับ ขจัดเหลือบสังคม ที่อุดมไปด้วยปัญญา อย่าให้ชาวพารา มาดูแคลนพวกเราครับ

เรียนท่าน Handy ค่ะ
  • อ่านบันทึกนี้ และตามไปอ่านบันทึกนั้น บอกได้คำเดียวว่า "หรอย จังฮู้..."
  • เป็นสองบันทึกที่ช่วยกันกระเทาะเปลือกของสังคมการศึกษาออกได้อย่าง "หมดจด" จริงๆ ค่ะ
  • ติดใจคำว่า "จิตวิญญาณ" ค่ะ พี่เม่ยประมวลความว่าหมายรวมถึง ความรู้สึก ความสำนึกคิด สติ และปัญญา ค่ะ ไม่ทราบว่าครบถ้วนไหม?

   ได้เข้าไปอ่านในบันทึกนั้น   

แล้วก็พลันมาอ่าน บันทึกนี้ 

ได้ข้อคิดหลากหลายล้วนสิ่งดี

รู้ว่ามีเหลือบมารผลาญวงการ

เคยได้ยินแต่ยังไม่เคยเห็น

พวกเหลือบริ้นซ่อนเร้นสูบอาหาร

หวังเงินทองกองให้จัดใส่จาน

เปลี่ยนจากเทพกลายเป็นมารพาลเศร้าใจ

 ท่านผู้นี้ รวมทั้งท่าน Handy

ต่างช่วยชี้เปิดตาสว่างใส

ใครอยากได้ปริญญามหาประลัย

ขอเชิญไปเรียนหลักสูตรวิชามาร

......................................................

ใครได้ปริญญาโดยการเรียนโดยที่ไม่ได้รับความรู้อย่างแท้จริง...ไม่รู้ว่า คนพวกนี้ จะหาความภาคภูมิใจแก่วงศ์ตระกูลได้อย่างไร?

......................................................

ผู้บริหารที่คิดหลักสูตรดังกล่าว ต้องขอบอกคำเดียว

ว่า....."ทำ-ไป-ได้"

     มารายงานตัวต่ออาจารย์พี่ครับ ประเด็นนี้ยาว ผมจะกัดฟันร่ายบ้างครับ ตอนนี้อ่าน ๆ แล้วชอบที่คุณ Space เขียนไว้ เหมือนยังไม่ชัดที่สื่อสารออกมาก แต่คิดว่าน่าจะมีอะไรอีกเยอะที่อยากสื่อออกมานะครับ

  หลังจากที่ได้อ่านบันทึกนั้น  แล้วก็กลับมาแสดงความคิดเห็นในบันทึกนี้  ได้อ่านแล้วขนหัวลุกหนาวลึกเข้าไปในไขสันหลังเลย ไม่น่าเชื่อ และไม่อยากจะเชื่อ (มอง โลก แม่ ดี จัก มี ความ สุข) วงการศึกษาของไทยกำลังเกมเล่นอะไรกันอยู่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเก้าอี้ใหญ่ๆโตๆเขานั่งสมาธิทำงานอยู่หรือเปล่าค่ะ

      การศึกษาของไทยมีวิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัย แต่เราก็ยังเหมือนไม่ค้นพบเลยว่าหลักสูตรการศึกษาฉบับไหนก็เหมาะกับคนไทยได้ดีที่สุด จำความได้สมัยเด็กแบกตำราจนหลังโก่งทุกวัน แต่กลับถึงบ้านแม่ถามว่าเรียนอะไรมาบ้าง ตอบแม่ไม่ได้เลยเพราะมันเรียนมากมายเหลือเกินปัญญาน้อยๆจะรับได้

        บันทึกตอนหนึ่งที่กล่าวว่าบางคนเรียนมหาบัณฑิต แต่ไม่ทำวิทยานิพนธ์ แค่ไปนั่งฟัง ส่งเงินมากหน่อย ส่งงานนิดหน่อยก็จบ แล้วก็ได้ใบประกาศนียบัตร ดูแล้วมันไม่สมศักดิ์ศรี อ่านแล้วมองย้อนดูตัวเอง เพราะก็เพิ่งจบมหาบัณฑิตมาไม่นานนัก (เรียกตัวเองว่ามหาบัณฑิต แต่บางครั้งก็ไม่ภูมิใจในตัวเองนักกับความคิดและการกระทำ) มองย้อนดูตัวเองว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เราก็เป็นแมงเม่าอีกตัวหนึ่งหรือเปล่าที่หลงเข้าไปติดในกองไฟ ของพวกมารการศึกษาหรือเปล่า  เพราะในหน้าที่การงานของดิฉันโดยตรงก็ต้องประสบพบเจอกับวงการนี้อยู่ทุกวัน ในบางครั้งเข้าไปอบรมสัมมนาหลักสูตรที่ทางหน่วยงานต่างๆจัดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น แต่หลังจากที่นั่งทบทวนแล้วไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย เรื่องเก่ามาเล่าใหม่

      แต่อย่างน้อยๆน่ะคะครูอนุบาลคนนี้ ก็ยังหวังและหวังว่าเราจะนำพาเยาวชนตัวน้อยๆ เดินทางผ่านหุบเหวลึก  ผ่าด่านพวกมารการศึกษาของวงการศึกษาไทยในสภาพปัจจุบันได้ และเชื่อว่าไม่ใช่ดิฉันคนเดียว แต่ยังมีแม่พิมพ์พ่อพิมพ์อีกหลายแสนที่คิดอย่างดิฉันค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท