บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะมีผลกระทบต่อคนไทยทั้งมวล


ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนให้ออกมาใช้สิทธิกันอย่างเต็มที่ เพราะสิทธิที่มีอยู่ขณะนี้ เป็นสิทธิที่หาซื้อไม่ได้ เป็นสิทธิที่ควรจะออกไปใช้สิทธิเพื่อชี้ชะตาของบ้านเมืองต่อไป

บันทึกนี้ เป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะมีผลกระทบต่อคนไทยทั้งมวล  เป็นข้อมูลตามความเป็นจริง เท่านั้นค่ะ 
  เรื่องการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้
ตลอดจนถึงการตั้งรัฐบาลใหม่  ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณส่วนตัวของท่าน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2550 ดิฉันได้ไปร่วมงาน
เทวาลัยรำฦก : รวมพลคนอักษร ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดขึ้น ณ ศาลาดุสิดาลัยเพื่อให้ชาวชงโคสีเทา  มารวมพลกัน เพื่อรวมหลั่งรินน้ำใจให้คณะ และเพื่อสานต่อปรัชญาการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ของชาติ และเพื่อให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจ สร้างประวัติศาสตร์ อีกหน้าหนึ่งของการศึกษาไทย   ฝากไว้ที่  อาคารมหาจักรีสิรินธร

 

โดยได้มีศิษย์เก่าทุกรุ่นมาร่วมงานประมาณ 1000 คนและได้รวบรวมเงินบริจาคทั้งหมด ประมาณ 100 กว่าล้าน ทูลเกล้าฯถวายเพื่อสมทบทุนมูลนิธิมหาจักรีสิรินธร เพื่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ในโอกาสนี้ ดิฉันได้พบปะเพื่อนฝูง  รวมทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องมากมาย เรามีเรื่องมาคุยกัน ไม่ได้หยุดตลอดเวลาที่พบปะกัน   ซึ่งหนึ่งในหลายๆเรื่อง คือ เรื่องการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้

 

ส่วนใหญ่พวกเพื่อนๆ ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องการเลือกตั้ง อย่าง ลงลึก นัก  ทราบแต่ว่า มีความเหมือนของความเป็นนโยบายประชานิยม  แต่มีความต่างของระดับกันบ้าง  เพราะการเน้นไปที่นโยบายประชานิยม  จะเป็นนโยบายที่ชาวบ้านเข้าใจง่าย ซึ่งนักการเมืองดีๆ ก็ยังต้องเอนไปทางประชานิยมด้วย เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับเลือก

 และนโยบายของพรรคต่าง ๆ ก็มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย  จะมีพรรคขนาดใหญ่ 2 พรรคที่  เน้นนโยบายที่สนองกลุ่มเป้าหมายคือประชาชนทั้งประเทศ เพราะฐานเสียงของพรรคที่มีความหลากหลาย      แต่พอถามกันว่า นอกจาก 2 พรรคใหญ่นี้ แล้ว มีพรรคอื่นๆ ชื่ออะไรกันบ้าง มีนโยบายอะไรบ้าง   ก็ไม่ค่อยมีใครทราบชื่อพรรคพร้อมทั้งนโยบาย ได้ครบนัก

 

ดิฉันจึงคิดว่า   น่าจะไปรวบรวมชื่อและนโยบายของพรรคต่างๆมาให้อ่านกันก่อนไปเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้   อาจเป็นประโยชน์บ้างค่ะ    แต่เป็นเรื่องของข้อมูลล้วนๆเท่านั้นค่ะ  โดยดิฉัน ขออ้างถึง........

  จากผลการสัมมนา  เวทีนโยบายเศรษฐกิจและสังคม : พรรคการเมืองพบสภาที่ปรึกษาฯ และประชาชน.

จัดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2550  ณ โรงแรมปริ๊นซ์พาเลส  มหานาค กรุงเทพฯ  และมีรายงานการสัมมนาอยู่ใน สารสภาที่ปรึกษา ฉบับที่ 70  ปีที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2550

มีพรรคการเมืองเข้าร่วมสัมมนา 7 พรรคด้วยกัน ซึ่งแต่ละพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์และนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นรูปธรรมดังนี้ค่ะ.....

 

1.               พรรคประชาธิปัตย์   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรค นำเสนอว่า จะยกเลิก พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวทันที   เนื่องจากเป็นการปิดกั้นเงินทุนต่างชาติ รัฐบาลที่จะเข้ามาต้องเร่งสร้างความมั่นใจ เพื่อให้การประกอบการของภาคธุรกิจเกิดการแข่งขัน    และจะลงทุนสร้างรถไฟรางคู่ทั่วประเทศเพื่อประหยัดเวลาและต้นทุนค่าขนส่ง   จะลงทุนด้านระบบชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรสามารถได้ผลผลิตมากขึ้น และจะเน้นในด้านการพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย.  เด็กไทยทุกคนได้เรียนฟรีจริง 15 ปี   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ประกาศนโยบาย 99 วัน ทำได้จริง  คนไทยต้องมีชีวิตที่ดีกว่า" จะเห็นได้ว่าปัญหาอย่างหนึ่งของการเมืองไทย คือ เราไม่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สถานการณ์ของประเทศมีความขัดแย้งในสังคมสูง เศรษฐกิจฝืดเคืองมานาน พี่น้องประชาชนกินอยู่ด้วยความยากลำบาก รวมถึงความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้น และทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น



การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือก โดยมีโอกาสเลือกคนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชนได้ โดยยึดหลักว่า ประชาชนต้องมาก่อน ประชาชนมีโอกาสได้เลือกผู้นำที่มีไฟ มีความก้าวหน้า และมีความสามารถในการนำความปรองดองและความมั่นคงกลับมาสู่ประเทศไทย มากกว่าเลือกผู้นำรุ่นเก่าที่มีแต่ความขัดแย้งและปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังต่อไปอีก



2.  พรรคประชาราช   นายกร ทัพพะรังสี  รองหัวหน้าพรรค(ในขณะที่กำลังนำเสนอนโยบายของพรรคนี้)

        ต่อมา อีกไม่นาน ในปลายเดือนตลาคม นายกร ทัพพะรังสี ได้ลาออกจากพรรคนี้) หลังจากนั้น ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคว่างลง

         กล่าวว่า จะขับเคลื่อนคนทั้ง 64 ล้านชีวิต โดยนำจุดแข็งคือการเกษตรกรรม สู่เวทีโลก ต้องทำให้ทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทยมาได้มาใช้ประโยชน์  จะนำที่ดิน สปก. มาแปลงเป็นเอกสารสิทธิ์   เพื่อประโยชน์ต่อเกษตรกร   รวมทั้งจะพัฒนาคนซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาชาติ ให้อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน

 

 

            3.   พรรคมัชฌิมาธิปไตย   นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์  หัวหน้าพรรคเสนอนโยบาย ชีวิตคนไทย ร่ำรวย อยู่เย็นเป็นสุข พร้อมเสนอลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 20 และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน ร้อยละ 20 เพื่อขยายฐานภาษี ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น  รวมทั้ง สร้างรถไฟฟ้า 10 สายทาง ค่าโดยสาร 15 บาท   สร้างรถไฟฟ้ารางคู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ จะเร่งแก้ปัญหาคนตกงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจเสรีแบบนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง  ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น  รวมทั้งพักชำระหนี้ประชาชนทั่วไป  ที่ไม่เป็นเอนพีแอล ส่งเสริมให้มีการเรียนฟรี  รักษาพยาบาลฟรี  และยกระดับโรงพยาบาลให้ดีขึ้น  ส่วนสถานีอนามัย จะยกระดับเป็นโรงพยาบาลตำบล

 

          4.   พรรคพลังประชาชน  น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี   เลขาธิการพรรค ประกาศนโยบายพรรค แนวทางเศรษฐกิจ 2 แนวทาง  3 ยุทธศาสตร์ 4 เป้าหมาย    คือฟื้นฟูเศรษฐกิจ   ฟื้นความเชื่อมั่น ต่อไปจะ เร่งสร้างความปรองดอง  สร้างการลงทุนและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ   โดยประกาศเป็น เศรษฐกิจคู่ขนาน   ส่งเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในประเทศ    เพื่อเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจต่างประเทศ    และสานต่อนโยบายเศรษฐกิจรากหญ้า    นอกจากนี้ จะยกเลิกมาตรการกันเงินสำรอง ร้อยละ 30 ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเปิดกว้าง รับเงินทุนจากต่างชาติ รวมทั้งยกเลิกกฎอัยการศึกทุกพื้นที่  ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ 3  โดยมีตัวแมนจากภาคประชาชน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าราชการในการปฏิบัติราชการ เพื่อการไม่ถูกฟ้อง และเช็กบิลภายหลัง   พร้อมจะขยายฐานภาษี เพื่อให้มีการจัดเก็บอย่างเป็นธรรมในสังคม

 

            5. พรรคชาติไทย   โดย นายธรรมา ปิ่นกาญจนะ เหรัญญิก พรรค แถลงนโยบาย คือการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน การคลัง สร้างการเจริญเติบโต ของเศรษฐกิจในอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและกระจายรายได้ให้ทั่วถึง  พร้อมทั้งพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน  ทั่วถึง และเท่าเทียม มุ่งเน้นการบริหารจัดการ ด้วยเทคโนโลยี พัฒนาที่ดิน การจัดการน้ำ การถือครองและปฎิรูปที่ดิน   นอกจากนี้ เสนอให้มีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็ก กลาง และชุมชน เพื่อมุ่งเน้นคุณภาพ ลดต้นทุนและมลพิษ  รวมทั้งการเน้นด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ส่งเสริการท่องเที่ยวท้องถิ่น ลดช่องว่างของรายได้ระหว่างคนในเมืองกับชนบท และด้านการต่างประเทศ      ทางพรรคจะทำตามเงื่อนไขกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อนำมาสู่การเจรจาแก้ไข

 

          6.    พรรคเพื่อแผ่นดิน   นายจิรายุ วสุรัตน์  ตัวแทนพรรค แสดงนโยบายว่า จะนำความสุขคืนสู่ประชาชน มีนโยบาย 9 ความสุขแผ่นดิน โดยเริ่มจากครอบครัวและชุมชน พร้อมทั้งแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น คุณภาพการศึกษา การขาดแคลนครู และเน้นการสอนภาษาต่างประเทศ ส่งเสริมการศึกษาที่เป็นความต้องการของตลาดแรงงาน และส่งเสริมให้มีโรงเรียนอัจฉริยะ รวมทั้งการสาธารณธสุขที่ทั่วถึงและฟรี

จะเห็นได้ว่า นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ  ค่อนข้างที่จะมุ่ง   ตอบสนองต่อฐานเสียงของตนเอง   

แต่ละพรรคจะพยายามพัฒนานโยบายให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น และมีจุดเด่นของนโยบายที่แตกต่างกันไป เช่น พรรคพลังประชาชน เน้นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาทต่อปี และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท   

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายเร่งด่วน 99 วัน 

 ส่วนพรรคมัชฌิมาธิปไตย เสนอนโยบายรถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสายเป็นเวลา 10 ปี ประกันราคาสินค้าเกษตร 7 ชนิด และส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ 7 ประเภท

ดังนั้น  ก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใดเข้ามาบริหารประเทศ   ควรพิจารณานโยบายของพรรคการเมืองอย่างรอบคอบ รอบด้าน ครบถ้วน โดยจะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการนำมาปฏิบัติจริงค่ะ

     การเลือกตั้งล่วงหน้า  นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ว่า การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งช่วงการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งนอกเขต วันที่ 15 - 16 ธันวาคม 2550 จะมีน้อย

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด สามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้ที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกกต.ประจำจังหวัดได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมา มีการร้องเรียนการกระทำผิดเข้ามาเป็นจำนวนมาก และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

นางสดศรี กล่าวต่อว่า ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนให้ออกมาใช้สิทธิกันอย่างเต็มที่ เพราะสิทธิที่มีอยู่ขณะนี้ เป็นสิทธิที่หาซื้อไม่ได้    เป็นสิทธิที่ควรจะออกไปใช้สิทธิเพื่อชี้ชะตาของบ้านเมืองต่อไป   ทั้งนี้ ประชาชนสามารถออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.       

 

หมายเหตุ:: รายชื่อพรรคที่รวบรวม ณ ที่นี่นี้ อาจไม่ครอบคลุมหมดทุกพรรค เพราะอ้างถึง เฉพาะพรรคที่ไปร่วมสัมนา  เวทีนโยบายเศรษฐกิจและสังคม : พรรคการเมืองพบสภาที่ปรึกษาฯ และประชาชน.จัดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2550   เท่านั้น



ความเห็น (94)

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับทราบปัญหาการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด และการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัด ที่ หน่วยเลือกตั้งสำนักงานเขตวัฒนา

โดยนายสุทธิพล กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่การเลือกตั้งในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ถึงแม้จะเป็นการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเป็นจำนวนมาก

 แสดงออกถึงความตื่นตัวของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งคาดว่าในวันอาทิตย์ที่ 23 ธ.ค.นี้ จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้  เนื่องจากมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมากที่หน่วยเลือกตั้งสำนักงานเขตวัฒนา จึงทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของพื้นที่ ซึ่งอาจคับแคบจนเกินไป ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเพียงพอ แต่ก็ได้คำชับเจ้าหน้าที่ให้อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่แล้ว

ส่วนเรื่องบัตรลงคะแนนแบบภาพ สำหรับผู้พิการตาสายตา ซึ่งเกิดปัญหาเรื่องการจัดส่งนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสำรองบัตรเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม จะนำปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปปรับใช้ ในการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.

นี้ต่อไป

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี

ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต โดยภายหลังลงคะแนนเสียงเสร็จ

พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจที่ประชาชนมีความตื่นตัวในการมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ตัดสินใจมาใช้สิทธิ ก็ขอให้เดินทางมาใช้สิทธิด้วย

พล.อ.สนธิ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าประชาชนจะไม่สับสนเรื่องการลงคะแนนเสียง เพราะบัตรเลือกตั้งมีหลายสีและมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำทุกขั้นตอน นอกจากนี้ บัตรเลือกตั้งยังเพียงพอสำหรับประชาชนที่ต้องการมาใช้สิทธิ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยระหว่างการเลือกตั้งนั้น ก่อนหน้านี้ได้ประชุมเพื่อเตรียมการและรับมือไว้แล้ว ทั้งการรักษาความาปลอดภัยในเขตเลือกตั้งต่างๆ และใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกข่มขู่ทำร้ายนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า หากมีการร้องขอ ก็พร้อมส่งกำลังไปคุ้มครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเลือกตั้งที่โรงเรียนสุโขทัยเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีทหารที่มาประจำการที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มาใช้สิทธิจำนวนมาก ทั้งนี้ เขตดุสิตมีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิล่วงหน้านอกเขตจังหวัดจำนวน 12,830 คน

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า

 งบประมาณในการจัดทำบัตรเลือกตั้งสำหรับคนตาบอดไม่เพียงพอ ว่า กกต.จะเป็นผู้พิจารณาแก้ไขปัญหา และไม่ได้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล

 เพราะที่ผ่านมา มีเพียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติของบประมาณมาเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว

 ทั้งนี้ การที่กกต.จะสามารถหางบประมาณสำหรับจัดทำบัตรเลือกตั้งสำหรับคนตาบอดได้ทันภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ ก็อยู่ที่กกต.และวิธีการดำเนินงานที่จะเสนอมา

สมาชิกในครอบครัวดิฉัน ไปใช้สิทธิ์แล้ว แจ้งมาว่า มีคนไปใช้สิทธิ์กันค่อนข้างมากค่ะ

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ที่โรงเรียนบ้านบางกะปิ

ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ประชาชนได้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดมากที่สุด จำนวน 89,602 คน

ดยนายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวถึงการเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า จะเก็บไว้ที่สำนักงานเขต

แต่หากสำนักงาเขตใดที่คับแคบ ก็จะฝากเก็บที่สถานที่ตำรวจ ส่วนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนั้น จะจัดส่งกลับไปยังจังหวัดต่างๆ ทางไปรษณีย์แบบวันต่อวัน โดยบัตรฯ จะถึงทุกจังหวัดวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ดังนั้น

ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหีบบัตรและบัตรเลือกตั้งจะถูกเก็บรักษาอย่างดี โดยเปิดโอกาสให้ผู้แทนของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ช่วยตรวจสอบด้วย

นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวถึงกรณีการทำบัตรประชาชนใหม่ในช่วงนี้ว่า อาจได้รับความไม่สะดวก เพราะระบบข้อมูลกำลังทำงานหนัก ทำให้ต้องรอนาน จึงอยากฝากผู้ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งว่า ไม่จำเป็นต้องทำบัตรประชาชนใหม่ เพราะสามารถใช้บัตรประชาชนที่หมดอายุในการเลือกตั้งได้

ความเป็นเศรษฐกิจ เสรีนิยมในนโยบายของแต่ละพรรค

พรรคเพื่อแผ่นดิน  

  ยอมให้เอกชนถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจหลัก 

 พรรคชาติไทย 

 ที่ปล่อยให้กลไกราคาพลังงานสะท้อนต้นทุน

พรรคมัชฌิมาธิปไตย  

 เน้นบทบาทของรัฐสูงมาก โดยเฉพาะการแทรกแซงกลไกราคาพลังงาน รถไฟฟ้า และสินค้าเกษตร นโยบายยกเลิกกฎหมาย 11 ฉบับและข้อตกลงระหว่างประเทศที่กระทบคนไทยแม้ว่าจะมีนโยบายเปิดเสรีการตั้งธนาคารพาณิชย์  แต่กลับเสนอควบคุมส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้

 ด้านพรรคพลังประชาชน

เน้นบทบาทของรัฐมากเช่นกัน เช่น การแทรกแซงกลไกราคา พลังงาน รถไฟฟ้า และสินค้าเกษตร

 พรรคประชาธิปัตย์

เสนอนโยบาย แทรกแซงกลไกราคาพลังงาน  และไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นสาธารณูปโภค

 จากบันทึก ข้างบน แจ้งว่า.......

จากการสัมมนา  เวทีนโยบายเศรษฐกิจและสังคม : พรรคการเมืองพบสภาที่ปรึกษาฯ และประชาชน.จัดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2550  ณ โรงแรมปริ๊นซ์พาเลส  มหานาค กรุงเทพฯ  และมีรายงานการสัมมนาอยู่ใน สารสภาที่ปรึกษา ฉบับที่ 70  ปีที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2550

มีพรรคการเมืองเข้าร่วมสัมมนา 7 พรรค

แต่ขณะนี้ เหลือ 6 พรรคแล้วค่ะ โปรดอ่านข้อความดังต่อไปนี้ค่ะ......

19 พฤศจิกายน เป็นวันครบรอบการต่อตั้งพรรคชาติไทย 33 ปี 'บรรหาร ศิลปอาชา' หัวหน้าพรรคชาติไทย คนปัจจุบัน

การมีท่านสนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์) อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน

มาร่วมงานถือเป็นความภาคภูมิใจครั้งใหญ่ ท่านจะทำให้พรรคชาติไทยแข็งแกร่ง และเติบโตในอนาคต เพราะการเมืองแต่ละพรรคจะมีความถนัดหรือเชี่ยวชาญในพื้นที่ไม่เหมือนกัน พรรคชาติไทย ชำนาญพื้นที่ภาคกลาง เสธ.หนั่นชำนาญทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พิจิตร ผมว่าถ้าเอา 2 อย่างมาผสมกันแล้วก็จะสามารถทำให้พรรคชาติไทยเติบใหญ่ต่อไปได้

จะเห็นได้ว่า

พรรคขนาดกลางและเล็ก ไม่เน้นแข่งขันเชิงนโยบายเป็นหลัก

 แต่เน้นเจาะคนบางกลุ่มหรือบางพื้นที่ โดยใช้กลยุทธ์อื่น ๆ

เช่น พรรคเพื่อแผ่นดินเสนอตัวว่าเป็นพรรคของคนอีสานและเสนอหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีของคนอีสาน

พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาชูภาพ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพราะเน้นกลุ่มชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครและจังหวัดนครราชสีมา

ส่วนพรรคชาติไทยและประชาราชเน้นให้ผู้สมัครรักษาฐานคะแนนเสียงของตนเอง

ดังนั้น  ก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใดเข้ามาบริหารประเทศ

ควรพิจารณา

 1.นโยบายของพรรคการเมืองอย่างรอบคอบ รอบด้าน ครบถ้วน โดยจะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการนำมาปฏิบัติจริง

2. แนวทางในการหาเงินเพื่อมาใช้จ่ายสำหรับนโยบายต่าง ๆ

3. ความสามารถในการผลักดันนโยบาย

 4.บุคคลที่ทางพรรคกำหนด และมักประกาศ  ว่าจะให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้น ๆ ว่า มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ๆ หรือไม่

สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์

  • แวะมาเยี่ยมและชื่นชมกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มชาวอักษรฯ ครับ
  • เป็นบุญนะครับ  ที่ได้มีส่วนช่วยรังสรรค์บ้านเมืองอยู่เนืองๆ
  • งานนี้เลยได้ข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองพร้อมนโยบายเป็นของแถม
  • มีกติกาให้เล่น  มีพรรคการเมืองให้เลือก ยังดีกว่าถูกมัดมือชกนะครับ  เรื่องอื่นๆก็ค่อยว่ากันทีหลังละกัน  อะไรๆมันคงดีขึ้นสักวัน
  • คุณพี่สบายดีนะครับ
  • สวัสดีครับ

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

กับการเป็นส่วนหนึ่ง กับการขับเคลื่อน

กัมปนาท

  • สวัสดีครับ
  • ผมเพิ่งกลับมาจากเลือกตั้งครับ
  • คนเยอะมากๆ

สวัสดีค่ะ

P

คุณวุฒิ...บอกว่า..ข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองพร้อมนโยบายเป็นของแถม

จริงๆตั้งใจเขียนเรื่องพรรคการเมือง เรื่องรวมพลคนอักษรเป็นเรื่อง หาเรื่องเปิดฉากค่ะ อยู่ๆจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยๆ ก็ดูกระไร ต้องออกแขกก่อนค่ะ

สบายดีค่ะ จริงๆสนใจการเมือง แต่ไม่ค่อยอยากเอ่ยถึง มันเครียด เลยชอบเรื่องอะไรๆที่มันสบายใจมากกว่าน่ะค่ะ

ขอบพระคุณครับที่กรุณาสรุปไว้อย่างชัดเจน
  • แวะมาอ่านข้อสรุปค่ะ
  • ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
  • จะกลับบ้านไปเลือกตั้ง วันที่ 23 ค่ะ
  • ขอเชิญชวนชาวไทยไปช่วยกันออกเสียงเลือกคนที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะคะ
  • ผมเพิ่งกลับมาจากเลือกตั้งครับ
  • คนเยอะมากๆ
  • 11. นม.

    วันนี้ ที่แถวเขควัฒนา และคลองเตย ใกล้ๆบ้านดิฉัน คนก็มาจะเลือกตั้งกันมากค่ะ น่าดีใจค่ะ

    ตอนนี้  ประเทศไทย ก็มีความก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆ และไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีการพัฒนาทางการเมืองมากกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำค่ะ

    ยิ่งถ้าการเมืองดีแล้ว เราจะดีกว่านี้อีกค่ะ

    สวัสดีค่ะพี่ศศิพันธ์

    ตั้งใจจะไปเลือกตั้งวันที่ 23 ธค นี้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เพราะที่ผ่านมายังไม่ประทับใจพรรคไหน และไม่ประทับนักการเมืองท่านใด

    ดูจากข่าว ทราบว่ามีคนเก่งหลายคน แต่ไม่ทราบว่ามีความตั้งใจจริงกับประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน พรรคพวกมากน้อยแค่ไหนค่ะ และจากนโยบายก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้จริง...หรือนโยบายนั้นเป็นประโยชน์กับประเทศชาติจริง...หรือสร้างนโยบายเพื่อเอาใจในช่วงหาเสียงเท่านั้น

    หรือทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพราะไม่เข้าใจเอง กำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่ค่ะ

    • สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์
    • ขอบคุณสำหรับข้อมูล
    • ไปเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้วค่ะเพราะวันที่ 23 ต้องไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย
    • วันนี้มีคนไปเลือกจำนวนมาก  รู้สึกดีที่ทุกคนเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง
    • ขอบคุณค่ะ

    - เพิ่งกลับจากการเลือกตั้งล่วงหน้า

    - ตอนนี้ทำหน้าที่ กกต.เขต 4 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและมีชนกลุ่มน้อยมากที่สุด...และส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ...หนักใจมาก

    - จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

    - ขอบคุณที่ท่านP  ช่วยดูแลเผยแพร่ความรู้

    สวัสดีค่ะP

     คุณกัมปนาทบอกว่า....ขอบคุณกับการเป็นส่วนหนึ่ง กับการขับเคลื่อน

    ขอบคุณเช่นกัน ที่คุณกัมปนาท ให้กำลังใจค่ะ

    ส่วนตัวเห็นว่า การปกครองของไทยเรา  มีลักษณะของการปกครองที่ล้มลุกคลุกคลาน มีประชาธิปไตยบ้าง มีปฏิวัติรัฐประหารบ้าง สลับกันไป ระบอบการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถ หยั่งรากลึกลงไปได้สักที

    และดูเหมือน  จริงๆแล้ว ประเทศไทย จะมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่นๆ แม้ว่า เราจะมีปัญหาการเปลี่ยนรัฐบาล ค่อนข้างบ่อย 

    ถ้าการเมืองเรา มีเสถียรภาพ มากกว่านี้ ประเทศเรา จะก้าวรุดหน้า มากกว่า นี้แน่นอนค่ะ

    จึงอยาก เชิญชวน ให้พวกเรา ไปเลือกตั้งกันทุกคนค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณบางทราย

    P

    ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ

    การเลือกผู้แทนราษฎรคราวนี้  เป็นการเลือกผู้แทนระดับประเทศ

    ที่ผู้แทน ไม่จำเป็นต้องมาคอยดูแลทุกข์สุขในระดับท้องถิ่น แต่จะไปดูแลการออกกฎหมาย และนโยบายในระดับประเทศ โดยจะดูรวมไปถึงผลกระทบต่อท้องถิ่นของตนด้วย

    การเลือกผู้แทนราษฎรในความหมายที่แท้จริงแล้ว

     จึงน่าจะเป็นการเลือกนโยบาย เลือกแนวทางการบริหารประเทศ ที่พรรคการเมืองนำเสนอ

    ส่วนตัวแล้ว บางทีคนที่เรารัก พรรคที่เราชอบ เราก็อาจไม่เลือกก็ได้ค่ะ

     แต่เราจะเลือก  แนวทางนโยบายของพรรคที่ต้องการ ที่เราชอบ  และอยากเห็นว่า มีการนำนโยบายเหล่านั้น ไปดำเนินการได้จริงๆต่อไปค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณนารี

    P

    ขอบคุณที่คุณนารีช่วยกันรณรงค์ให้พวกเราออกไปเลือกผู้แทนของเราค่ะ โดยบอกว่า....

    ขอเชิญชวนชาวไทยไปช่วยกันออกเสียงเลือกคนที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะคะ

     ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ผู้สมัคร  ก็จะเดินทางไปให้ประชาชนเห็นหน้า ไปพูดจา ไปสวัสดี ประชาชนก็รู้สึกสนิทสนมด้วย มีความผูกพัน คิดว่า  เมื่อเลือกผู้แทนเข้าไปแล้วก็ต้องบริการตนเอง จึงทำให้เกิดความผูกพันที่จะ "เลือกคนที่รัก"

    แต่ที่ไม่ถูกต้องคือ  เลือกคนที่ให้เงินหรือสัญญาจะให้เงินหรือสิ่งของตอบแทน

    ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ประเทศเราจะเป็นอย่างนี้ ประเทศเดียว

    ประเทศอื่นๆ ก็เคยเป็นมาก่อน แต่นานมาแล้วค่ะ เช่นประเทศญี่ปุ่น เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน แต่ตอนนี้ ก็ไม่เป็นเช่นนั้นแล้วค่ะ 

    สวัสดีค่ะอาจารย์แป๋ว

    P

    16. paew

    อาจารย์บอกว่า....

    ตั้งใจจะไปเลือกตั้งวันที่ 23 ธค นี้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เพราะที่ผ่านมายังไม่ประทับใจพรรคไหน และไม่ประทับนักการเมืองท่านใด

    อาจารย์อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายการเมืองนะคะ

    ถ้าเราไม่ออกไป  นักการเมืองที่ไม่ดี ก็จะยังอาจเข้ามาบริหารประเทศได้  และวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ เราก็จะมีการปฏิวัติอีก  และประชาธิปไตยของเราก็จะถอยหลังอีก

     เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดว่า เลือกใครไม่เลือกใครก็ไม่มีประโยชน์ เราก็จะวนอยู่ที่เดิมค่ะ

     เราก็จะเดินเข้าสู้วัฏจักรเก่าๆนี้อีกแน่นอน

     เราเอง จะเป็นผู้ทำนายอนาคตของตนเองได้อย่างแม่นยำค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณ RAK-NA

    P

     คุณบอกว่า.....
  • ไปเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้วค่ะเพราะวันที่ 23 ต้องไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย
  • วันนี้มีคนไปเลือกจำนวนมาก  รู้สึกดีที่ทุกคนเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง
  • ดีใจที่ทราบว่า มีคนออกไปเลือกกันมากค่ะ

    23 ธันวาคมนี้ เราต้องไปเลือกตั้งกันค่ะ

    เลือกโดยมีเป้าหมายว่าอยากเห็นรัฐบาลหน้าตาเป็นอย่างไร คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยใครบ้าง และจะสนับสนุนนโยบายแบบใด

    การเมืองมีความผูกพันกับเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้นมากนะคะ

     หากพวกเรา ไม่สนใจการเมือง เราก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายบางส่วนของเศรษฐกิจของประเทศได้ค่ะ

    สมัยที่ดิฉันเรียน บริหารธุรกิจ ดิฉันเรียนว่า อดัม สมิธ โด่งดังมากๆ ในเรื่องเศรษฐศาสตร์การเมือง หรือ Political Economy

    เพราะว่า นักการเมืองซึ่งทำหน้าที่เป็นรัฐบาล จะเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ที่จะส่งผลถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น นโยบายทางการศึกษา นโยบายภาษี นโยบายด้านแรงงาน นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้นค่ะ

    เหตุนี้ การเมือง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญกับเรามากๆ จริงๆค่ะ

    สวัสดีค่คุณครูหล้า

    P

    ครูหล้าบอกว่า....เพิ่งกลับจากการเลือกตั้งล่วงหน้า

    - ตอนนี้ทำหน้าที่ กกต.เขต 4 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและมีชนกลุ่มน้อยมากที่สุด...และส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ...หนักใจมาก

    - จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

    ดีใจค่ะที่ครูหล้า มีความตั้งใจที่ดีมากอย่างนี้ ค่ะ

    เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศเราพยายามจะให้มี ระบบการเมืองที่มี 2 พรรคใหญ่ และมีพรรคเล็กเพียง อีกพรรค

    และเคยหวังว่าระบบการเมือง ของเรากำลังจะพัฒนาไปสู่ระบบการเมือง แบบสองพรรค เหมือนกับประเทศที่มีการพัฒนาการเมืองไปถึงจุดที่มั่นคงแล้ว สามารถ จัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้อง เป็นรัฐบาลผสมอีก

    แต่เราก็ กลัวว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการโดยรัฐสภา

    ดังนั้น กลุ่มปัญญาชนที่เป็นที่ยอมรับของสังคม  จะคอยให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประเด็นทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เป็นกลุ่มที่ผู้คน ให้ความเคารพและศรัทธามาก

    ท่านเหล่านั้น จะเป็นผู้นำทางความคิดควบคู่ไปกับผู้นำทางการเมือง  กลุ่มปัญญาชนดังกล่าว มีความสำคัญมากค่ะ ในสังคมของเรา

    ผู้ใหญ่บ้านเมือง  ทหารเข้าแถวใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกคึกคัก

     ข้าราชการ - นักเมือง - รวมทั้งคนพิการไปใช้สิทธิ์ด้วย

     

     

    สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์

    ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูล และข้อคิด จะได้ไม่ต้องไปไล่อ่านนโยบายแต่ละพรรคจากที่อื่น อิอิ แถมยังได้ข้อคิดดีๆ ส่วนการตัดสินใจเราต้องตัดสินใจกันเอง แต่คนไทยทุกคนต้องทำหน้าที่ตัดสินใจไปเลือกตั้ง ส่วนจะเลือกใครหรือไม่เลือกก็ต้องไปครับ

    ขอบคุณที่ช่วยกันส่งเสริมประชาธิปไตยครับ

    สวัสดีค่ะคุณ อัยการชาวเกาะ

    P 

    คิดว่า อาจจะมี ประชาชนบางส่วน มีความสับสนไม่เข้าใจถึงวิธีการลงคะแนน ว่า จะลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน และระบบเขตอย่างไรค่ะ

    ก่อนลงคะแนน ควรต้องถาม ผู้ดุแลที่เต๊นท์ก่อนเพื่อความเข้าใจนะคะ ดิฉัน ก็ต้อง ถามเขาอีกทีเพื่อความมั่นใจ เหมือนกัน

     เนื่องจากหมายเลขของพรรคการเมือง สำหรับการเลือกตั้งในระบบสัดส่วนและเขตแตกต่างกัน (จากเดิมการเลือกพรรคการเมืองและส.ส.เขตจะเป็นหมายเลขเดียวกัน)

    นอกจากนี้แล้ว ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบเขต ก็จะมีจำนวนที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นเขตละ 3 คน หรือ 2 คน ตามขนาดของจำนวนประชากรในเขตนั้นๆ

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีว่า มีคนไปลงคะแนนล่วงหน้ากันเยอะมากค่ะ

    ที่เขตคลองเตย ที่สมาชิกในครอบครัว ไปลงคะแนน ก็ต่อแถวกันยาวเหยียดเลยค่ะ 

    กทม.เลือกตั้งล่วงหน้า5แสนคน คาด2วันร่วม9แสน

    นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. ได้รายงานจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ที่ขอใช้สิทธิใน กทม. ในวันที่ 15 ธันวาคม ว่ามีจำนวน 415,853 คน คิดเป็นร้อยละ 46 และมีผู้ใช้สิทธิล่วงหน้าในเขต 94,536 คน คิดเป็นร้อยละ 2.3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรก 510,389 คน ทั้งนี้ คาดว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 2 วันที่ 16 ธันวาคม จะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขต รวมแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 จากผู้ที่ลงทะเบียนไว้รวม 903,899 คน

     

     P

    วอนปชช.ใช้สิทธิเชื่อ 23 ธ.ค.ไม่เลื่อนเลือกตั้ง

     กกต.เรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว ภายหลังที่ผลสำรวจจากสำนักต่างๆ  ออกมาระบุว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร

      ส่วนดิฉัน ได้ติดตามข่าว พบว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย 7 วันก่อนเลือกตั้ง พรรคต่างๆ ได้พยายามชูหัวหน้าพรรคเพื่อชิงตำแหน่งนายกฯ

    แต่จากผลสำรวจพบว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเท่านั้นที่ได้รับการโหวตมากที่สุด 

    ส่วนที่ว่า มีกระแสข่าวที่มีความพยายามล้มการเลือกตั้ง  ประชาชนทั่วไป คิดว่า ไม่มีการล้มการเลือกตั้ง    จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม อย่างนอน

    สวัสดีค่ะคุณ sasinanda

    • ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
    • ไปลงคะแนนเลือกตั้งมาแล้วในวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ เพราะวันที่ 23 ธ.ค. ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ กปน.ค่ะ

     

     

         ได้ไปทำ หน้าที่ ของประชาชนคนไทย โดยการไปใช้สิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้งผู้แทนในสภา ล่วงหน้าแล้ว ครับ

    สวัสดีครับพี่ศศินันท์

    ขอนำข้อความดีๆบางตอนไปรวมครับขอบคุณมากครับ   สบายดีนะครับ

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/117622?page=10

    สวัสดีครับพี่ศศินันท์

        สบายดีไหมครับพี่ คิดถึงนะครับ ไม่ได้มาฝากไว้ วันนี้เข้ามาเยี่ยมหลายๆ คนครับ

        เรื่องการเลือกตั้งนี้ ผมอยู่ทางนี้ ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการช่วยเหลือการจัดการการเลือกตั้งให้กับทาง สถานกงสุลและสถานทูตไทยไปสามที่ครับ เพื่อให้โปรแกรมจัดการการเลือกตั้ง ทำงานรวดเร็วมากขึ้น ก่อนจะส่งซองออกไปให้ประชาชนเลือกตั้ง

        และได้เลือกตั้งกันไปหมดแล้วครับ

        แต่เมื่อผมอ่านนโยบายต่างๆ จากที่พี่รวบรวมมาไว้ข้างบนนั้น ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีครับ ผมอ่านไปค้านไปครับ บางอย่างก็คิดว่าดี แต่ไม่รู้จะเชื่อดีไหม ผมอาจจะผิดแปลกไปก็ได้ครับ ไม่แน่ใจว่าลอจิกทางด้านนี้ของผมบกพร่องหรือว่าอย่างไรครับ

    แต่สุดท้ายแล้ว ผมชอบประโยคนี้ของพี่มากๆ ครับ

     จะเห็นได้ว่า นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ  ค่อนข้างที่จะมุ่ง   ตอบสนองต่อฐานเสียงของตนเอง  

    สิ่งที่ติดค้างในสมองผมและลบไม่ออก ก็คือ ตอนมาหากประชาชนแทบจะกราบแทบตักแทบเท้า แต่ตอนได้เป็นแล้วประชาชนต้องกราบ หรือไม่ก็ต้องประท้วงก่อนถึงจะได้พบปะพูดคุย

    ผมไม่ทราบครับ ว่าอดีต รุ่นคนเฒ่าคนแก่ท่านอยู่มาได้อย่างไรครับ หรือว่าอยู่ตามสภาพครับ

    แล้วเราจะพัฒนาประเทศนี้เมืองนี้กันไปถึงไหนครับ ใครเป็นคนกำหนดทิศทางของประเทศครับ ประชาชนมีิิสิทธิ์กำหนดทิศทางของประเทศไหมครับ

    ผมพยายามอ่านว่าพรรคไหนบ้าง น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้บ้าง....ผมต้องผิดหวังอีกแล้วหล่ะครับพี่เหมือนว่าจะมีอยู่เพียงหนึ่งคำในบทความของพี่

    ค้นคำว่า

    • พอเพียง  พบ 1 คำ
    • ประชาชน  พบ  20 คำ
    • สุข พบ 4 คำ
    • อื่นๆ สนุกๆ นะครับ

    ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมรู้สึกภาพเอียงไปทางลบหน่อยๆ นะครับ กับนโยบายฝันหวาน ของพรรคต่างๆ ครับ

    ขอบคุณอีกครั้งครับ 

     

     

    เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต กทม.ประชาชนแห่ใช้สิทธิเกือบ 100 % เต็มขณะที่ภาพรวมทั่วไป เรียบร้อยดี

    นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยยอดการมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตและนอกเขตจังหวัด ในกทม.ว่า จากการเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 2 วัน ระหว่าง 15และ 16 ธ.ค.

     ผลปรากฎว่า ประชาชนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านเขตกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 200,984 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 4 ล้าน 1 แสนคน คิดเป็น 4.90 %

     ขณะที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด มี 823,322 คน จากจำนวนที่ลงทะเบียนไว้ 903,325 คน คิดเป็น 91.09 % ซึ่งถือว่าตัวเลขค่อนข้างสูงเกือบ 100 % ตามที่คาดการณ์ไว้

    ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า

     ภาพรวมการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้ง 2 วัน ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หลายเขตที่มีปัญหาระบบการจัดการคน ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นในวันที่ 2 แต่ยังอาจมีปัญหาบ้าง

    เรื่องการหารายชื่อไม่พบ และบางคนรายชื่อถูกโอนเข้าทะเบียนบ้านกลาง หลังจากนี้จะรวบรวมปัญหาที่พบเจอ แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบต่อไป

    สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขตจังหวัดไว้ แต่ไม่ได้มาใช้สิทธิ ซึ่งมีอยู่กว่า 8 % นั้น

     คงต้องหารือกับ กกต.อีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่เบื้องต้นผู้ที่แจ้งความประสงค์ใช้สิทธินอกเขตจังหวัดแล้วไม่มาใช้สิทธิ จะต้องแจ้งเหตุผลที่ไม่ไปใช้สิทธิภายใน 7 วัน กกต.พอใจ2วันมีคนไปใช้สิทธิล่วงหน้าเกือบ 2 ล้าน กกต.คาดสรุปสำนวนทุจริตเลือกตั้ง

    นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง แถลงว่า

    การเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดวันที่ 15-16 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 1,838,889 คน จากจำนวนผู้ขอลงทะเบียนไว้ทั้งหมด 2,095,410 คน คิดเป็นร้อยละ 87.75

     ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตนั้น มีผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 1,126,390 คน

    กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แบ่งออกเป็นการจำหน่ายสุรา 24 แห่ง การฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 แห่ง และการถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้ง

    สวัสดีค่ะคุณหญ้าบัวและคุณวรชัย หลักคำ

    ได้ไปทำ หน้าที่ ของประชาชนคนไทย โดยการไปใช้สิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้งผู้แทนในสภา ล่วงหน้าแล้ว ครับ

    ขอนำคำพูดของอาจารย์ สมภพ มานะรังสรรค์  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสัมนา วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "เศรษฐกิจไทยหลังเลือกตั้งจะรุ่งโรจน์ หรือร่วงโรย

    ท่านบอกว่า......ชัดเจนว่าภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาจะต้องเป็นรัฐบาลผสม

    แม้สมัยเมื่อ  การเมืองไทยจะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม

    แต่เศรษฐกิจไทยก็เคยขยายตัวได้สูง 6% ดังนั้น

     ไม่ใช่ว่าเมื่อประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลผสมแล้ว ทุกอย่างจะต้องแย่ไปหมด

    และควรที่จะหยิบยกกรณีรัฐบาลผสม ของประเทศอินเดียมาศึกษาเป็นตัวอย่าง ซึ่งมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลจำนวนหนึ่ง แต่ก็สามารถทำหน้าที่ได้จนครบวาระ หลักการสำคัญของรัฐบาลอินเดีย ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ผู้นำเป็นที่ยอมรับ นโยบายถูกต้อง และการวางตัวบุคคลได้อย่างเหมะสม

     

    สวัสดีค่ะ

    สิทธิรักษ์

    ยินดีค่ะ ถ้าเป็นประโยชน์
    ดิฉันเองก็ดีใจและเต็มใจที่จะบริจาคเงินเพื่อการศึกษาของชาติอยู่แล้ว และยิ่ง เป็นโครงการของสถานศึกษาที่จบออกมา  
    ก็ยิ่งกว่ายินดีค่ะ

    อาคารมหาจักรีสิรินธร เป็นอาคารหลังใหม่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสร้างขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ ๙๐ ปี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อทดแทนอาคารอักษรศาสตร์ ๔ สำหรับรองรับการเรียนการสอนและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ อาคารมหาจักรี สิรินธรจัดสร้างขึ้น

    โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน รวมทั้งงบประมาณของมหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน และผู้มีจิตศรัทธาได้บริจาคสมทบด้วย การดำเนินการออกแบบอาคาร
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระมหากรุณาติดตาม ตรวจสอบ พระราชทานพระราชดำริอันเป็นประโยชน์ อาคารดังกล่าวมีความสูง ๙ ชั้น

    และยังทรง รับเป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิมหาจักรีสิรินธร เพื่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์ มูลนิธินี้จัดตั้งขึ้นเพื่อหาเงินสมทบทุนเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในอาคาร เช่น ครุภัณฑ์ การตกแต่งภายใน และค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ

    ดีจังค่ะ สรุปไว้ชัดเจนดี จะได้อ่านให้แน่ก่อนไปเลือก

     สวัสดีค่ะคุณกฤษณา

    ขอบคุณ คุณกฤษณา ที่บอกว่า....สรุปไว้ชัดเจนดี จะได้อ่านให้แน่ก่อนไปเลือก

    ค่ะ เมื่อดูนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองโดยภาพรวม  พบว่า มีแนวคิดประชานิยมคล้ายๆกันค่ะ เช่น

    -โครงการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง รางคู่ ถนนลาดยาง และชลประทาน

    -นโยบายพลังงานทดแทน ซึ่งแต่ละพรรคต่างเสนอว่าจะใช้พลังงานจากชีวมวล ไบโอดีเซล แก๊สโซฮอล์ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม

    -นโยบายเรียนฟรี รักษาฟรี และนโยบายเศรษฐกิจชุมชน เป็นต้น

    ก็แล้ว แต่คุณกฤษณา   จะเลือกนะคะ  ยังไงก็ ควรไปเลือกค่ะ

    32. เม้ง สมพร ช่วยอารีย์

    P

    ดีใจที่ทราบว่า คุณช่วยรณรงค์เรื่อง ประชาธิปไตยกันอีกทางหนึ่งด้วย

    ผมอยู่ทางนี้ ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการช่วยเหลือการจัดการการเลือกตั้งให้กับทาง สถานกงสุลและสถานทูตไทยไปสามที่ครับ เพื่อให้โปรแกรมจัดการการเลือกตั้ง ทำงานรวดเร็วมากขึ้น ก่อนจะส่งซองออกไปให้ประชาชนเลือกตั้ง

        และได้เลือกตั้งกันไปหมดแล้วครับ

    แล้วเราจะพัฒนาประเทศนี้เมืองนี้กันไปถึงไหนครับ ใครเป็นคนกำหนดทิศทางของประเทศครับ ประชาชนมีิิสิทธิ์กำหนดทิศทางของประเทศไหมครับ

    ขอบคุณๆเม้งที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 

    เรามีสิทธิ์ในการกำหนดทิศทางของประเทศ โดยการเลือกผู้แทนราษฎร

    ซึ่งในความหมายที่แท้จริง จึงน่าจะเป็นการเลือกนโยบาย เลือกแนวทางการบริหารประเทศ ที่พรรคการเมืองนำเสนอ

    เราสามารถ เลือกแนวทางนโยบายของพรรคที่ต้องการเห็นถูกนำไปดำเนินการได้ค่ะ

    เรื่องการปรับปรุงระบบการศึกษา ซึ่งคุณเม้งสนใจมากๆนั้น ถ้าทำตอนนี้ อีก 12 ปีจะเห็นผล

     รัฐบาลต้องสร้างคนให้ฉลาด รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงในโลก

    จริงๆแล้ว  กลุ่มคนที่รู้เท่าทัน  และสามารถปรับตัวเอง ให้ทันโลก มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แต่อาจจะเพิ่มขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง

    - เคยเข้าไปช่วยการเลือกตั้งทุกๆระดับในจังหวัดหลายรูปแบบ อาทิ กกต.เขต   กกต.ท้องถิ่น วิทยากรการเลือกตั้งของจังหวัด ที่ปรึกษานักสืบกกต. เป็นต้น

    - ถ้าดูการจัดการเลือกตั้งจากรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ให้มีองค์กรอิสระ คือกกต.ดูแลเรื่องนี้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งผู้มาใช้สิทธิ์ รวมทั้งการทุจริตการเลือกตั้ง ท่านยุวรัตน์ กมลเวช กกต.รุ่นแรกบอกว่าท่านพอใจในการจัดการเลือกตั้งถึงแม้จะไม่ได้ถึงร้อยเปอร์เซนต์ แต่การเลือกตั้งก็พัฒนาในทางที่ดีขึ้น ช่วยกันครับ

    - สรุปแนวคิดได้ดีมากครับ

    สวัสดีค่ะอาจารย์

    โต

    อาจารย์บอกว่า....

    เคยเข้าไปช่วยการเลือกตั้งทุกๆระดับในจังหวัดหลายรูปแบบ อาทิ กกต.เขต   กกต.ท้องถิ่น วิทยากรการเลือกตั้งของจังหวัด ที่ปรึกษานักสืบกกต. เป็นต้น

    ดีจริงๆค่ะ ภูมิใจแทนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตยค่ะ

    เมื่อประเทศมีพัฒนาการทางการเมืองมากขึ้น การกระทำที่ไม่ถูกต้องต่างๆ จะถูกกำหนดให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

     และมีการเข้มงวดทั้งในการบังคับใช้และการลงโทษ จึงทำให้พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ลดลง

     นอกจากนี้เมื่อประชาชนได้รับการศึกษามากขึ้น และเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า หากนักการเมืองต้องมีการลงทุน โครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จะแพงกว่าที่ควรอีกหลายเท่า

    สวัสดีปีหนูทอง ๒๕๕๑

       สวัสดีครับ  ผมมาสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ  ขออวยพรให้คุณ sasinanda จงมีความสุข เจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ ปัญญา พลานามัย พรั่งพร้อมสมบูรณ์ตลอดไปครับ

    Pink-roseสวัสดีค่ะอาจารย์

    41. นายกรเพชร

    ขอให้พรอันแสนไพเราะที่อาจารย์ ให้มา จงกลับไปสู่อาจารย์ หลายเท่าทวีคูณ ทุกประการค่ะ

     สรุปเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องเลือกตั้งวันที่ 18 ธนวาคม 2550

    วันนี้ (18 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ชั่วโมงข่าว” ผ่านทางเอเอสทีวี

     ถึงนโยบายหลักหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.นี้ว่า

     พรรคประชาธิปัตย์จะยึดหลัก 4 ประการ คือ

     1.คณะรัฐบาลจะต้องไม่ทุจริตและคอร์รัปชัน จะต้องบริหารบ้านเมืองอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้

    2. บริหารบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย คือการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช้อำนาจรัฐไปในทางมิชอบ

    3.การสร้างความสมานฉันท์ โดยยืนอยู่บนความถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม 

    4.การสร้างวิสัยทัศน์ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและสังคม
           
           นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเองพบว่าประชาชนนิยมเลือกระบบพรรคและนโยบายมากกว่าตัวบุคคลอย่างในอดีต

     ซึ่งพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกตั้งในครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นรัฐบาลผสม แต่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้วาระประชาชนเป็นตัวตั้งในการบริหาร
           
           นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงนโยบายของพรรคเกี่ยวกับเงินในบัญชีสำรองพิเศษ หรือเงินคลังหลวงของธนาคารแห่งประเทศไทยว่า

    เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ที่ได้ถอนร่าง พ.รงบ.เงินตราออกไปก่อน เนื่องจากเงินคลังหลวงเป็นเงินสำรอง ซึ่งก็คือเงินออมของประเทศ จะต้องไม่เอาออกมาใช้จ่าย พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีแนวคิดที่จะไปแตะต้องเงินคลังหลวง

    โดยจะปล่อยให้เป็นไปกฎหมายปัจจุบันที่กำกับอยู่ ไม่มีการแก้ไขอะไรอีก นอกจากนั้นยังมีอีกหลายช่องทางในการแก้ไขปัญหาการเงินการคลังของประเทศโดยไม่ต้องไปล้วงเงินคลังหลวง
           
           นายอภิสทธิกล่าวต่อว่า

    ปัญหาหนี้ของแบงก์ชาติขณะนี้มี 2 ส่วน

    คือการขาดทุนที่เกิดจากการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท

    และหนี้สินจากกองทุนฟื้นฟูฯ รัฐบาลมีหลายกระเป๋า ทั้งกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ

    เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่จำเป็นที่จะต้องไปแตะต้องอะไรที่จะกระทบกับความเชื่อมั่นด้วยการเอาเงินที่สะสมมาไม่รู้กี่ปีไปทำอะไรที่มีความเสี่ยง
           
           หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการป้องกันไม่ให้ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของต่างชาติเข้ามาเอาเปรียบร้านค้าปลีกรายย่อยของคนไทยหรือร้านโชวห่วยจนไม่สามารถแข่งขันได้

    โดยจะใช้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าที่ออกมาตั้งแต่ปี 2542 มาจัดระเบียบควบคุม

    อย่างไรก็ดี กฎหมายค้าปลีกจำเป็นต้องมีมาดำเนินการภายหลัง ขณะเดียวกัน ในส่วนของคณะกรรมการที่มาพิจารณาอนุมัติห้างค้าปลีกนั้นก็จะต้องมาจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วมน้อยที่สุด
           
           สำหรับการทำเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศหรือเอฟทีเอนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังต้องทำต่อไป

    แต่จะให้ความสำคัญกับองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) และอาเซียน ส่วนการเจรจาแบบทวิภาคีก็ยังมีแต่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด

    และที่สำคัญต้องผ่านสภา ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความพร้อมมากขึ้นให้กับภาคส่วนที่เสียเปรียบต้องมีมาตรการที่เยียวยาที่เหมาะสม
           
           ส่วนเรื่องการแปรรูป ปตท.นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการแยกธุรกิจท่อก๊าซและที่ดินออกมาจากธุรกิจน้ำมัน

    ซึ่งจะเป็นในลักษณะเดียวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอนาคตถ้าเป็นกิจการสาธารณูปโภคจะต้องเป็นของรัฐหรือต้องแยกออกมา
           
           นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีมีการผลักดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบว่า ปัจจุบันดำเนินการผิดทิศผิดทางไปจนสับสน จากเดิมที่ต้องการให้อยู่ในภาครัฐ ไม่ใช่ลักษณะเอกชน หรือแค่เปลี่ยนการจัดงบประมาณเท่านั้น
           
           ในตอนท้าย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ตอบคำถามของประชาชน โดยย้ำว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตามกระบวนการยุติธรรม และจะต่อสายให้กลับมาสู้คดีอย่างยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซงกระบวนการอย่างไม่โปร่งใส

    พร้อมทั้งย้ำว่าหากได้รับโอกาสจะดูแลพี่น้องชาวอีสานเหมือนกับทุกภาคเหมือนกับคนไทยทุกคน
           
           “ผมย้ำว่าจะทำได้และทำได้ดี หากพี่น้องให้โอกาสผมและพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์ให้คำมั่นเมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะดูแลคนภาคอีสานได้ดีแค่ไหนหากเป็นรัฐบาล

    • พระท่านว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    • อะไรๆก็ไม่เที่ยง ทนไม่ได้ ไม่ใช่ของเรา
    • นักการเมือง คงยึด ไตรลักษณ์ หลักธรรมข้อนี้
    • จึงเปลี่ยนแปลง ตนเองได้รวดเร็ว
    • จากข้อมูลของคุณ ศศินันท์ เมื่อเดือนตุลาคม
    • บัดนี้เดือนธันวาคม
    • นายกร ทัพพะรังสี รองหัวหน้าพรรคประชาราชในครั้งนั้น ปัจจุบัน เป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทยเสียแล้ว
    • ยี่สิบสาม ธันวาคม ระดมจิต
    • ไปใช้สิทธิ์ เลือกตั้ง ครั้งยิ่งใหญ่
    • ครั้งนี้หนา ชี้ชะตา ประเทศไทย
    • จะก้าวไกล หรือถอยหลัง ตั้งตารอ

    สวัสดีค่ะอาจารย์พิสูจน์

    ขอบคุณ เรื่องข้อมูลที่เปลี่ยนไปค่ะ

    ได้แก้ไขแล้วค่ะ


    สรุปคณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันได้ดังนี้

    ชื่อ ตำแหน่ง
    นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรรค
    รองหัวหน้าพรรค
    ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร เลขาธิการพรรค
    นายสุชาติ บรรดาศักดิ์ รองเลขาธิการพรรค

    เกาะกระแสเลือกตั้ง

    เผยเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรกว่า73% อเมริกามากสุด
    19 ธันวาคม พ.ศ. 2550 17:32:00
    อธิบดีกรมกงสุล เผยคนไทยในต่างประเทศไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากสุด 90แห่งใน 65ประเทศ 58,807คน กว่า73.%ของผู้ขอใช้สิทธิ์ ถือว่ามากสุดเท่านที่จัดเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายธีรกุล นิยม อธิบดีกรมการกงสุล แถลงถึงผลการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 2550 ระหว่างวันที่ 3-16 ธ.ค. ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ จัดขึ้นการเลือกตั้งจำนวน 90 แห่ง ใน 65 ประเทศ

    พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 58,807 คน จากจำนวนผู้มาขอใช้สิทธิเลือกตั้ง 80,161 คน หรือร้อยละ73.36

    ซึ่งครั้งนี้มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมากที่สุด เท่าที่มีการจัดเลือกตั้งในปี 2543-2549 โ

    ดยที่ผ่านมาเฉลี่ยแล้วมีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 35 เฉพาะการเลือกตั้งก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. ร้อยละ 31 และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ร้อยละ 27 โดยประเทศที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่

     สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สิงคโปร์ จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อิสราเอล ไต้หวัน ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และออสเตรเลีย ตามลำดับ หากพิจารณาเฉพาะหน่วยเลือกตั้ง พบว่าอันดับแรก คือ สิงคโปร์ ลอสแองเจลิส แฟรงเฟิร์ต ฮ่องกงและเทลอาวีฟ

    นายธีรกุล กล่าวถึงสาเหตุมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนมากว่า

    น่าจะมาจากการตื่นตัวทางการเมืองของคนไทยในต่างประเทศ เพราะทราบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ

     ประกอบกับการให้ความสำคัญกับการรณรงค์ด้านการประชาสัมพันธ์ทั้งจากส่วนกลางและภาคเอกชน เช่น วัด ร้านอาหารไทยที่เป็นศูนย์กลางในการรับแบบฟอร์ม รวมทั้งสื่อมวลชนในไทยให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร โดยเฉพาะทีจีเอ็นและสื่อท้องถิ่นในนครลอสแองเจลิสและนครซิดนีย์ 

    ทั้งนี้ บัตรเลือกตั้งทั้งหมดจะส่งมาถึงไทยในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ และเมื่อถึงสุวรรณภูมิแล้ว จะมีคณะทำงานเป็นสักขีพยานตรวจรับ ได้แก่ ตัวแทนจากกรมการกงสุล ตัวแทน กกต.และผู้แทนการบินไทย แล้วนำไปเก็บรักษาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จากนั้นจะเปิดถุงเมล์และคัดแยกบัตรเลือกตั้งไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ 157หน่วย และจะนับพร้อมกันในวันที่ 23 ธ.ค. เวลา 15.00 น.

     

     

    ทีวีพูลผนึกพันธมิตรรายงานเลือกตั้ง23ธ.ค. คาดรู้ผลไม่เป็นทางการ23.00น.
    19 ธันวาคม พ.ศ. 2550 11:38:00
    ทีวีพูลผลึกพันธมิตร รายงานผลการเลือกตั้ง 23 ธ.ค. ระดมคนกว่า 2 หมื่นร่วมส่งผลจากหน่วยเลือกตั้ง มั่นใจรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกิน 23.00 น.ของวันอาทิตย์แน่

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พล.ท.กิติทัศน์ บำเหน็จพันธุ ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย นายจรินทร์ จักกะภาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  นายอาษา สัตยุตม์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัททีโอทีจำกัด มหาชน และ ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ อธิการบดีม.ศรีปทุม  ร่วมกันแถลงข่าว การรายงานผล การนับคะแนนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างไม่เป็นทางการ

    พล.ท.กิติทัศน์ กล่าวว่าการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 23 ธ.ค. เป็นโครงการที่

     โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยและสถานีโทรทัศน์ พันธมิตร รวม 9 สถานี ประกอบด้วย ช่อง 3, 5,7,9,11 ทีไอทีวี เนชั่นแชลแนล ทรูวิชั่นนิวส์ 24 และ เอเอสทีวี

      ร่วมกันรายงาน ผลการเลือกตั้ง ให้ประชาชน ได้รับทราบผลคะแนนได้อย่างรวดเร็วโปร่งใส อีกทั้งเป็นการช่วยสนับสนุนการทำงานของคระกรรมการการเลือกตั้ง ให้เกิดประสิทธิภาพในการรายงานผลคะแนน ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง สามารถรายงาน ผลการนับคะแนน ได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนทั่วประเทศ จะรับทราบผลคะแนน อย่างต่อเนื่องภายหลังปิดหีบการลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งโดยไม่ต้องรอการประกาศผล จากกกต. อย่างเป็นทางการ

    พล.ท.กิตติทัศน์ กล่าวอีกว่าการรายงานผลการนับคะแนนครั้งนี้ ได้นำระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้เป็นช่องทาง การรับส่งข้อมูล

    โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ประสานงาน กับองค์กรปกครองท้องถิ่นจัดหาบุคลากรกว่า 20,000 คนประจำหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน  88,500 หน่วย เพื่อรวบรวมคะแนน พร้อมทั้งสนับสนุนคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง จากที่ทำการท้องถิ่นอำเภอ ส่งเข้า สู่ระบบ ประมวลผล ที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง

     มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งบริษัท ทีโอที ได้ติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานระบบพื้นฐาน 300 เลขหมายเพื่อรองรับ

    การทำงานครั้งนี้ โดยเชื่อมั่นว่าหลังปิดหีบ เวลา  16.00 น. ไม่เกิน  23.00 น.ประชาชนทั่วประเทศ จะได้รับทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ

    สำหรับข้อมูลที่ประชาชนจะได้รับทราบหลังการประมวลผล ได้แก่ สรุปคะแนนการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต และแบบสัดส่วน ระดับเขต จังหวัด ภาคและระดับประเทศ  จำนวนบัตรเสีย จำนวนบัตรงดออกเสียงและจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์

    ด้านนายอาสา กล่าวว่า การรายงานผลการเลือกตั้งครั้งนี้  ทีโอทีได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปติดตั้งในอำเภอใหญ่ 93 แห่ง เพื่อ ช่วยในการรายงานข้อมูล

    ด้าน ดร.รัชนีพร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในการรายงานผลการเลือกตั้งทั้งในด้านบุคลากรและสถานที่

    เนื่องจากศรีปทุม เป็นไอซีทีแคมปัทม์  จึงได้ทำการคดัเลือกนักศึกษา 400 คน และอาจารย์ 100 คนมาเป็นอาสาสมัครในการ รายงานผลการเลือกตั้งนอกจากนี้ยังได้ประสานการไฟฟ้านครหลวง ให้นำรถปั่นไฟมาสำรอง หากเกิดปัญหาไฟดับ และประสานตำรวจจากสน.บางเขนให้มาดูแลความปลอดภัย

    ด้านนายจรินทร์ กล่าวว่า  กรมการปกครองท้องถิ่นได้เตรียม บุคลากรและระบบอินเตอร์เน็ต หากระบบอินเตอร์เน็ตล่มก็จะรายงานผลผ่านทางโทรศัพท์ คาดว่า จะทำให้ประชาชนทราบผลคะแนนไม่เป็นทางการอย่างสมบูรณแบบ

    ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วง ว่าผลการนับคะแนน อาจไม่เป็นกลางหากมีหน่วยงานของรัฐเข้าไปดูแลนั้น

    ขอชี้แจงว่ากระทรวงมหาดไทย ทำงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งมานาน

    การเข้ามามีบทบาทช่วยรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ เป็นการบริการด้านข่าวสาร ไม่ใช่ การครอบงำหรือการแทรกแซงการเลือกตั้ง เพราะเรา จะรายงานความเคลื่อนไหวผลคะแนนจากกระดาน

    อาสาสมัครก็เป็นข้าราชการและคนในพื้นที่ ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าจะไม่มีผลทำให้การเลือกตั้งบิดเบือน นอกจากนี้ คนของกระทรวงมหาดไทย มีวินัย ในเรื่องการวางตัวเป็นกลาง แต่ในคนหมู่มาก ก็อาจ มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้บ้าง

     

     

    สวัสดีคะ...

    • ขอบคุณมากคะ ได้ข้อมูลเยอะมาก
    • เป็นประโยชน์อย่างยิ่งคะ

    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

    แดงน้อย

    บังเอิญไปอ่าน   "เสกสรรค์"เตือนวิกฤติฉันทานุมัติ แนะรัฐต่อท่ออำนาจให้ประชาชน

    ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตแกนนำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 ยกขึ้นมากล่าวตอนหนึ่งระหว่างการปาฐกถาหัวข้อ "เมืองไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน" ในการประชุมวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 8 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ หรือ ไบเทค 12 ธ.ค.2550

    ประเด็นสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ

     ผู้ที่จะมารับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคตอันใกล้ควรจะต้องมองให้ออกว่า

     เรามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องถ่วงดุลอำนาจจากภายนอก ด้วยการปรับความสัมพันธ์ทางอำนาจภายในให้ประชาชนมีอำนาจตรงมากขึ้น

     และให้ท้องถิ่นเข้ามารับมอบมรดกทางอำนาจจากรัฐชาติมากขึ้น อย่าปล่อยให้กระแสโลกาภิวัฒน์เข้ามาแปรรูปรัฐไทยแบบตามบุญตามกรรม ในตอนท้าย เสกสรรค์ ชี้ว่า ในระยะเปลี่ยนผ่าน เงื่อนไขหลายอย่างมักไม่พร้อม ระบบต่างๆ ไม่ลงตัว การแก้ปัญหาทั้งปวงจึงขึ้นต่อความสามารถและคุณสมบัติของบุคคลมากกว่าในสถานการณ์ปกติธรรมดา

    นั่นหมายถึงว่าในที่สุดแล้วสังคมไทยยังต้องตั้งความหวังกับผู้นำทางการเมืองอยู่พอสมควร

    และผู้นำการเมืองที่มีคุณสมบัติสำหรับเมืองไทยในระยะเปลี่ยนผ่านก็คือ ต้องเสียสละอุทิศตัวโดยปราศจากผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ

    และเราไม่ควรเลิกคาดหวังเพียงเพราะผู้ถูกคาดหวังเป็นนักการเมือง.

    P

    49. sasinanda 
     

    มหาดไทยขอความร่วมมือโรงหนังปชส.เลือกตั้ง



    เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่กระทรวงมหาดไทย นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า

     ตามที่กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายสนับสนุนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และขณะนี้ใกล้วันเลือกตั้งแล้วนั้น

     กระทรวงจึงเห็นว่าควรจะมีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ในทุกรูปแบบให้ทั่วถึง โดยเฉพาะภายในโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพมหานคร จึงขอให้ทาง กทม.ขอความร่วมมือโรงภาพยนตร์ในพื้นที่รับผิดชอบ

     เพื่อจัดให้มีการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง โดยอาจจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ในช่วงก่อนการฉายภาพยนตร์ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย คาดหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นช่องทางหนึ่งในการรณรงค์ให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งให้มากที่สุด

    สวัสดีค่ะ

    ไปเลือกตั้งแน่นอนค่ะ 

    ยืนยันมั่นใจไม่หวั่นไหว

    สู้ๆเราต้องสู้ค่ะ

    อ๋อค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ นุชไปเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้วเพราะพรุ่งนี้จะไปเสียมเรียบ-พนมเปญ สองสามวันค่ะ

    แม้ว่าจะไม่มีความหวังมากนักในตัวนักการเมือง แต่หวังว่าเมื่อคนไทยต่างพากันไปใช้สิทธิ์ ก็จะตระหนักในหน้าที่ของตนเองมากขึ้น และนักการเมืองจะถูกจับตามองและถูกตรวจสอบมากขึ้นนะคะ

     P

    ป๋าเปรม'ชวนคนไทยไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ย้ำนายกฯต้องเป็นคนดี

    ป๋าเปรม"เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งให้มากๆ ย้ำนายกฯต้องเป็นคนดี ชี้หลังเลือกตั้งทุกคนต้องยอมรับ บอกมันเป็นกติกา

    พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเชิญชวนประชาชนให้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้ง นอกจากเป็นหน้าที่แล้ว ก็เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ที่จะต้องให้ความสนใจ ถ้าไปเลือกตั้งมาก ก็คิดว่าดีกว่าไปน้อย ก็ควรไปกันให้มากๆ

    เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองหลังเลือกตั้งจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบ เดาไม่เป็น ส่วนคนดีที่จะมาเป็นนายกฯ ในสายตาของ พล.อ.เปรม มีคุณสมบัติอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า คนดีก็ชัดเจนอยู่แล้ว มันเป็นคำกว้างๆ ที่เราเข้าใจกันดี จะจำกัดลงไปว่าคนดีต้องเป็นอย่างไร มันยากมาก แต่ถ้าเราพูดว่าคนดี ทุกคนก็เข้าใจ และหลังเลือกตั้งทุกคนก็ต้องยอมรับ มันเป็นกติกา ต้องยอมรับกติกา เมื่อถามว่า แม้ว่าพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกฯ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนไม่ไปไกลขนาดนั้น

    ถามว่า ยังห่วงประเทศชาติหรือไม่ หลังผ่านมา 1 ปีแล้ว พล.อ.เปรม กล่าวว่า ต้องนึกถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มากๆ แล้วนำไปปฏิบัติกัน

     

    ผบ.ทร.วอนคนไทยไม่หลับทับสิทธิ์ สละเวลาเล็กน้อยเลือกคนดี

    พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้

    ด้วยการพิจารณาคนที่คิดว่าดีและเก่ง เพราะถ้าเป็นคนดีอย่างเดียวอาจเข้ามาดูเฉยๆ ไม่ทำอะไร

     แต่ถ้าเก่งอย่างเดียวก็อาจทำอะไรที่ไม่ถูกต้องได้ เพราะฉะนั้นอย่านอนหลับทับสิทธิ์ เสียเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อเลือกคนที่ดีที่สุดมาดูแลประเทศชาติ

    องค์กรตรวจสอบเลือกตั้งนานาชาติ หารือกกต.
    20 ธันวาคม พ.ศ. 2550 16:35:00
    เลขากกต.เผยตัวแทนหน่วยงานนานาชาติเข้าสังเกตการณ์การเลือกตั้งไทยกว่า 100คน ชื่นชมเลือกตั้งล่วงหน้าของไทยตื่นตัวสูง

     นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยถึง คณะผู้แทนของสมาคมระหว่างประเทศเพื่อระบบการเลือกตั้ง (International Foundation for Elections: IFES) เข้าหารือว่า ทางผู้แทน IFES ได้ซักถามในหลายประเด็น แต่ที่สนใจ คือ การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา

    โดยผู้แทนฯ ได้แสดงความชื่นชมในการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ที่เป็นไปอย่างเรียบร้อยและประชาชนมีความตื่นตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะมีข่าวการทุจริตการเลือกตั้ง หรือการซื้อสิทธิขายเสียง

    แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่จะขจัดให้หมดไป โดยการสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้จะมีกกต.ต่างประเทศและหน่วยงานสังเกตการณ์เลือกตั้งเข้ามาสังเกตหลายองค์กร รวมแล้วมีจำนวนกว่า 100 คน

     ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีหน่วยงานระหว่างประเทศมาสังเกตมากกว่าทุกครั้ง

    เลขาฯ กกต. กล่าวอีกว่า โดยการสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้สหภาพยุโรป(อียู) ไม่ได้ร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งแต่อย่างใด แต่มีบางประเทศที่เป็นสมาชิกอียูเข้าร่วมสังเกตการเลือกตั้งด้วย อย่างไรก็ตาม

    ในวันพรุ่งนี้ (21ธ.ค.) จะมีการหารือทำความเข้าใจกับผู้แทนของหน่วยงานระหว่างประเทศที่จะเข้าร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะปฏิบัติตามข้อบังคับในการสังเกตการณ์การเลือกตั้งขององค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลอยู่แล้ว 

    กฎหมายเลือกตั้งกับสิทธิและคุณภาพของงานวิชาการที่หายไป
    วันที่ 17 ธันวาคม 2550 14:32 น.

     ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

    ได้กล่าวตอนหนึ่งของการเสวนาเรื่อง กฎหมายเลือกตั้งกับสิทธิและคุณภาพของงานวิชาการที่หายไปว่า

    มีหลายคนแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากเข้าใจว่า กฎหมายเลือกตั้งที่กำลังมีผลบังคับใช้อยู่ขณะนี้ห้ามไม่ให้ทำโพลล์ก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของคณะผู้วิจัย เพราะในความเป็นจริงกฎหมายเลือกตั้งไม่ได้ห้ามทำโพลล์


              ดร.นพดล กล่าวต่อว่า การทำโพลล์เลือกตั้งเพื่อสำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนเป็นการทำหน้าที่ค้นหาข้อมูลอย่างเคร่งครัดต่อระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์และสถิติศาสตร์ โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในหลายด้าน ดังนี้


              ด้านการศึกษา ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ข้อมูลต่างๆ ตามความเป็นจริงทำให้ผลวิจัยทางวิชาการมีคุณภาพถูกต้องแม่นยำโดยคณาจารย์ผู้วิจัยนำระเบียบวิธีวิจัยมาประยุกต์ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 


              ด้านสังคม การทำโพลล์เลือกตั้งได้ร่วมกับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่เป็นเยาวชนของสังคมสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัครทำงานและเรียนรู้ร่วมกับคณาจารย์ด้านการวิจัย ทำให้เด็กเยาวชนเหล่านี้ไม่ใช้เวลาไปมั่วสุมทำกิจกรรมอื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสังคม นอกจากนี้การร่วมงานแต่ละครั้งของเด็กเยาวชนจะถูกฝึกให้ได้รับความรู้เรื่องการทำวิจัยเบื้องต้น และการฝึกอบรมด้านคุณธรรมให้มีความซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่การงาน
              ด้านการเมือง ที่ทำให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมทำโพลล์เลือกตั้งได้สัมผัสและสังเกตการณ์บรรยากาศการเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้ง ได้มีประสบการณ์ด้วยตนเองเกี่ยวกับสังคมประชาธิปไตย การทำโพลล์เลือกตั้งจึงเป็นกิจกรรมเชื่อมโยงและลดช่องว่างระหว่างการเมืองกับเยาวชนได้อีกด้วย


              ด้านเศรษฐกิจ ที่การทำโพลล์ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงทำให้นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานมีรายได้ด้วยความสุจริต รู้จักทำงานที่เหน็ดเหนื่อยในการสัมผัสกับประชาชนที่ถูกศึกษาในงานภาคสนามและได้รับค่าตอบแทนที่สามารถนำไปจ่ายค่าเล่าเรียน จับจ่ายใช้สอยและส่งเงินที่เหลือไปให้พ่อแม่ในต่างจังหวัดได้ ซึ่งตั้งแต่เปิดสำนักวิจัยมากว่า 10 ปี ทำให้ปัจจุบัน มีศิษย์เก่าของสำนักวิจัยผู้เคย ทำโพลล์หารายได้จนเรียนจบ เป็นอัยการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ และพนักงานบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก 

    • ขอบคุณมากค่ะที่ update ข้อมูลทุกวันค่ะ
    • จะเห็นชัดเจนเลยว่าคนที่มีความตั้งใจและจริงใจ อาสามาทำการเมืองที่มีสมองมาตรฐานผู้นำ
    • มีความมั่นใจ มีความเข้าใจปัญหา หาทางแก้ไข เพราะมีระบบในการจัดการกับข้อมูลที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนใจ แม้จะจด และจำด้วยซ้ำไป
    • การแสดงท่าที่อ่ำๆ อึ่งๆ มันเป็นข้อบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าหาความจริงใจไม่ได้
    • ถ้ายืนบนขาตัวเองไม่ได้ ไม่ควรอาสามา ชาติไม่ใช่ของเล่น
    • โปรดไตร่ตรองด้วยสติถ้วนทั่วทุกคนนะค่ะ
    ศาลปกครองยกฟ้องล้มเลือกตั้ง ชี้เป็นอำนาจศาลฎีกา
    20 ธันวาคม พ.ศ. 2550 17:31:00
    ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้องคดีที่ผู้สมัครส.ส.สัดส่วน"ความหวังใหม่-ประชาราช" ฟ้องกกต.จัดเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตไม่ชอบ ระบุเป็นอำนาจศาลฎีกาชี้ "สราวุธ"ขอหารือก่อนตัดสินใจยื่นฟ้องศาลฎีกา

     ศาลปกครองสูงสุด ถนนสาทรใต้ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่นายสราวุธ ทองเพ็ญ เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ และผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่ม 3 นายสุรสีห์ ผาธรรม ผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคความหวังใหม่ และนายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ ผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคประชาราช

    ร่วมกันยื่นฟ้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทั้งคณะ เรื่องจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม 2550 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้มีคำสั่งการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม เป็นโมฆะ โดยศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าศาลเห็นว่า ตามมาตรา 219 วรรค 3 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 บัญญัติให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งในการเลือกตั้ง ส.ส.และ การได้มาซึ่ง ส.ว. และให้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น

    ดังนั้น คดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ก็ดี และคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นก็ดี

    จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองสูงสุดหรือสาลปกครองชั้นต้นก็ตาม แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ 

    สวัสดีค่ะคุณ  nithimar

     พล.อ.เปรมชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ย้ำนายกฯต้องเป็นคนดี ระบุหลังเลือกตั้งทุกคนต้องยอมรับกติกา

    เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ครบถ้วนนะคะ ตามสิทธิ์ที่เรามีด้วย

    สวัสดีค่ะอาจารย์

    คุณนายดอกเตอร์

    ก็คิดเหมือนอาจารย์ค่ะ เราต้องทำหน้าที่ของพลเมืองดีค่ะ

    ตอนนี้มีข่าวว่า.....

     นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.พิจารณา ข้อหารือของสำนักสำรวจความคิดเห็นเอแบคโพล กรณีที่ประสบปัญหาเจ้าหน้าที่และนักศึกษา ที่ออกสำรวจความคิดเห็นหน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือ เอ็กซิสโพล ในวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า

    ตามที่มีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งเข้าใจผิด และขัดขวางไม่ให้ทำการสำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งนั้น กกต.

    ได้มีมติ ทำหนังสือชี้แจง เอแบคโพล ว่า สามารถ ทำเอ็กซิสโพลล์ได้ แต่จะต้องไม่รบกวนหรือสร้างความรำคาญแก่ผู้ไปใช้สิทธิ์ และควรทำนอกบริเวณพื้นที่เลือกตั้ง

    ทั้งนี้เอแบคโพลสามารถสำเนาเอกสารตอบข้อหารือของ กกต. ให้เจ้าหน้าที่ที่จะไปทำการสำรวจ ติดตัวไว้ชี้แจงกับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้

    • พี่ศศินันท์คะ
    • หว้าไปแน่นอนค่ะ  ขอบพระคุณที่ช่วยให้ข้อมูลเพื่อมาประกอบการตัดสินใจค่ะพี่

    สวัสดีค่ะอาจารย์ อ.ลูกหว้า

    ดีค่ะ แล้วต้องชวนทุกๆคนที่รู้จักไปเลือกด้วยนะคะ

     

    สวัสดีค่ะคุณ  Lin Hui

    การเลือกตั้งคราวนี้ เราจะเห็นว่า มีนักการเมืองหน้าใหม่ๆหลายคน เหมือนมีสายเลือดใหม่ๆอยู่พอควร ส่วนใหญ่ดูท่าทางไฟแรง และกระตือรือล้นดี

    มีนักวิชาการด้วยค่ะ

    นักวิชาการที่มุ่งสู่ถนนการเมือง อาจจะต้องมีการปรับตัวสูง ถ้าใครทำได้ดี  ก็อยู่รอดและรุ่งเรืองค่ะ

    แต่สำหรับพวกเรา.....ไปเลือกตั้งกันนะคะ 

     

    สวัสดีครับ ผมไปเลือกตั้งมาแล้วครับ

    ตามเข้ามาจากบล็อกคุณหมอคนชอบวิ่งเข้ามาอ่านครับ

    สวัสดีครับ

                ขอบคุณครับ  ผมเข้ามาอ่านแล้วมีข้อมูลที่ผมไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว มีประโยชน์มากครับ

    ในหลวงชี้บ้านเมืองไม่ค่อยเรียบร้อย ขอทหาร-ตำรวจเข้มแข็งดูแลให้ร่มเย็น
    21 ธันวาคม พ.ศ. 2550 20:36:00
    ทรงมีพระบรมราโชวาท ระบุบ้านเมืองระยะนี้ไม่ค่อยเรียบร้อย ขอให้นายทหารและตำรวจชั้นนายพลเข้มแข็ง ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย มีความร่มเย็น มีความสุขทั้งประชาชนทุกพวก ทุกคน

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วันนี้ เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้าเฝ้าฯ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายทหารชั้นนายพล และนายตำรวจชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น ประจำปี 2549 - 2550  

    โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท ใจความว่า ". . . .หน้าที่ของท่านสำคัญ และอย่างที่ได้ปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ทำตามจะมีอันเป็น แม้ไม่ได้พูดก็จะมี แต่ถ้าทำดีอย่างที่ได้ปฏิญาณ ก็เชื่อว่าท่านจะประสบความรุ่งเรือง ความเจริญ เพราะว่าคำที่พูดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เทวาดาอารักษ์ก็ได้ฟังก็ได้ยิน แต่ถ้าเทวดาอารักษ์ได้ฟังได้ยิน ท่านก็จะต้องป้องกันท่าน ตราบใดที่ท่านทำดีตามคำปฏิญาณ  เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ ทำให้มีกำลังเพื่อช่วยให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุขได้

    ท่านเป็นทหารไม่ได้หมายความว่า ท่านจะต้องประหัตประหารใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าท่านจะต้องทำคำให้ศักดิ์สิทธิ์ และถ้าทำด้วยมีความเข้มแข็ง ในกรณีใดก็ตาม ท่านก็จะปลอดภัย และทำให้บ้านเมืองปลอดภัย ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีความเรียบร้อย อันนี้ก็เป็นสำหรับนายทหารทุกเหล่าตลอดจน ตำรวจทุกหน่วย ซึ่งมีหน้าที่ที่จะป้องกัน มีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองมีความปลอดภัย 

     ถ้าท่านทำดีอย่างนี้ หมายความว่าทุกท่านได้รับความปลอดภัยไปด้วย ท่านต้องให้อำนวยความปลอดภัยกับประชาชนทุกเหล่าทุกพวก ท่านก็จะได้รับความปลอดภัยในโอกาสเดียวกัน คือไม่ได้หมายความว่า ท่านทำความปลอดภัยกับประชาชน ท่านก็ทำความปลอดภัยกับท่านเอง ท่านก็เป็นประชาชน

    ถ้าผู้ใดทำดีก็ได้ความปอลดภัยทุกยศ ทุกคณะ จะได้รับผลของคำปฏิญาณนี้ จึงดีใจมากที่ได้ยิน ได้เปร่งวาจาเข้มแข็งที่หนักแน่น ก็ขอให้การเปร่งวาจาที่หนักแน่นนี้  เป็นผลดีแก่ท่าน จนกระทั้งประชาชนทุกคนในประเทศ เป็นการทำให้ประเทศชาติอยู่เย็นได้ 

    ซึ่งท่านก็ทราบดีว่า เดี๋ยวนี้มีการไม่ค่อยปรองดองกัน แต่ว่าท่านเปล่งอย่างนี้ทำให้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะนายพล ทุกคน ทุกฝ่าย ทั้งทหาร พลเรือน มีความเข้มแข็ง และถ้าทุกคนในประเทศมีความเข้มแข็ง และซื่อสัตย์สุจริตไม่มีปัญหาว่า ประเทศอยู่เย็นเป็นสุข อยู่ได้ไม่ล่มจม  ซึ่งบ้านเมืองในระยะนี้ดูท่าทางไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่ว่าท่านจะสามารถทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยเข้มแข็ง ด้วยความเข้มแข็งของท่าน

    ก็ขอให้ท่านได้ประสงค์สำเร็จในงานการของท่าน ทำให้บ้านเมืองมีความร่มเย็น มีความสุข ทั้งประชาชนทุกเหล่า ทุกพวก ทุกคน 

    และท่านเมื่อเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติทำให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อย มีความสุขมีควาสงบ ท่านก็จะมีความสุขความสงบในใจ และท่านก็จะมีความเจริญด้วยเหมือนกัน ก็ขอให้ท่านทั้งหลายทหารทุกเหล่า พลเรือน ทุกหมู่ได้มีความสำเร็จในงานการ และมีความสุขในงานในหน้าที่ ความสำเร็จในหน้าที่ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จทุกอย่าง ให้ประเทศชาติ มีความสำเร็จด้วยเหมืนกัน ประเทศชาติก็จะเจริญ ท่านก็จะเจริญ ทุกคน ทุกหมู่ ทุกเหล่า

    ข้าพเจ้าดีใจที่ได้เห็นท่านมีความเข้มแข็ง ขอให้รักษาความเข้มแข็งนี้ให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข ให้บ้านเมืองอยู่ ไม่มีอะไรที่เกิดเสียหายกับบ้านเมืองขอให้ทุกท่านมีเจริญ ทุกฝ่ายทุกพวกทุกคน . . . "

     

     

     

     สวัสดีค่ะ อ.หนึ่ง

    อาจารย์บอกว่า....ผมไปเลือกตั้งมาแล้วครับ

    มีข่าวที่น่าสนใจค่ะ....

     ศูนย์ปฏิบัติการเอแบคโพลล์  ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม

    ได้นำเสนอผลสำรวจ"อนาคตประเทศไทยในทัศนะประชาชน" จากกลุ่มประชาชนตัวอย่างจำนวน 5,213 คน ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่าง 20 พ.ย. ถึง 20 ธ.ค.2550 ในพื้นที่ 27 จังหวัดทั่วประเทศ 

    เกี่ยวกับสิ่งที่ประชาชนเลือกระหว่างความหวัง กับความกลัวต่อเหตุการณ์บ้านเมืองพบว่า 

    ร้อยละ 50 เลือกที่จะหวังก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะคิดว่า สถานการณ์ต่างๆ ของประเทศน่าจะคลี่คลายลงได้แล้ว และมีความหวังต่อนโยบายและท่าทีของพรรคการเมืองต่างๆ ขณะนี้ อีกร้อยละ 50 เช่นกัน กลัวและกังวลต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอน และไม่ชัดเจนทางการเมือง การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ มีการแบ่งแยกทางความคิดของกลุ่มการเมืองต่างๆ และปัญหาทุจริตคอรัปชั่นยังคงมีอยู่

    เมื่อจำแนกออกตามลักษณะทั่วไปของตัวอย่างพบว่า

     ชาย เลือกที่จะหวังเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้ามากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นหญิง

    ขณะที่ตัวอย่างผู้หญิงจะมีความกังวลและกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศมากกว่าชาย

    ที่น่าสนใจคือ ผู้มีอายุมากมีความกังวลและกลัวมากกว่ากลุ่มผู้มีอายุน้อย

    และผู้ที่สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีสัดส่วนของผู้กังวลและกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศ มากกว่าผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีขึ้นไป

     อีกทั้งที่มีรายได้ปานกลางมีสัดส่วนของผู้ที่เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปมากกว่ากลุ่มผู้มีรายได้ระดับอื่นๆ

     P

    สวัสดีค่ะคุณพรภวิษย์

    66. พรภวิษย์

    พรุ่งนี้ต้องไปเลือกตั้งนะคะ   การเมืองเป็นเรื่องสำคัญค่ะ

    เพราะเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง และวัฒนธรรมนั้นแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะต่างเชื่อมโยงหนุนหรือแม้แต่บางที ก็ ขวางกั้นกันและกันอยู่ตลอดเวลาค่ะ

    กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า1000 คน สนับสนุนและดูแลความปลอดภัยพื้นที่กรุงเทพฯช่วงเลือกตั้งและปีใหม่
           
           พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. แถลงผลการประชุม กอ.รมน.ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้กำชับให้หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. และกอ.รมน. 4 ภาค วางมาตรการรักษาความปลอดภัยและการจัดเจ้าหน้าที่ให้การสนับสนุนในช่วงเลือกตั้งและปีใหม่

    โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตามแผนรักษาความปลอดภัยกรุงเทพฯโดย กอ.รมน.

    พร้อมสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า1000 คนดูแลความปลอดภัยพื้นที่กรุงเทพฯร่วมกับกำลังตำรวจนครบาลซึ่งได้มีการประชุมวางแผนร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง
           
           ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ยังเน้นย้ำถึงกรอบการทำงานของ กอ.รมน. ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจเรื่องเลือกตั้งกับประชาชนและป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียง

    ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชาติแดนภาคใต้จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า3000 นาย สนับสนุนการเลือกตั้งและดูแลเรื่องความปลอดภัย
    ผมก็ชอบคนดีครับพี่  แต่ขอให้มีสมองหน่อยครับ  ทำอะไรพูดอะไร  ขับเคลื่อนประเทศไปทางไหนขอให้ใช้ปัญญาหน่อยครับ  ผมเบื่อคนดีเพียวๆจริงๆ  ผมปฏิญาณเอง  พร้อมฟังพระราชดำรัสที่ท่านให้แล้วขนลุก  อยากฝากไปถึงทุกคนที่ออกมาปลุกกระแสร์  ขอให้เปิดหู  เปิดตา  และปิดปากบ้างบ้านเมืองจะได้สงบสักทีครับ

    ครับผม

              ประเทศเรา นักการเมือง ประชาชนเราจะไม่พร้อมแค่ไหนอย่างไร

                เราก็ผ่านสถานการณ์มาได้หลายครั้ง และมีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้นด้วยครับ

                คิดว่าคนไทยต้องช่วย ๆ กันมากขึ้น

                       ขอให้บ้านเมืองเราเข้มแข็ง เห็นความถูกต้อง ปกป้องคนดี  ครับ

    สวัสดีค่ะ  ลุงเอก

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้ความเห็น อย่างโดนใจมากด้วยนะคะ

    การเลือกตั้งที่เปิดกว้าง เสรี และเป็นธรรม เป็นสิ่งที่พวกเราชาวไทย อยากได้ทุกคนค่ะ

    ส่วนการเตรียมพร้อมเท่าที่ดู ก็เป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกันนะคะ

     

    สตช.ระดมกำลังตำรวจกว่าแสนนาย ดูแลเลือกตั้งทั่วประเทศ
     
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พร้อมดูแลความเรียบร้อยเลือกตั้ง ส่งกำลังประจำหน่วยเลือกตั้งกว่า 80,000 หน่วยทั่วประเทศ

    พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    กล่าวถึงความพร้อมเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยวันเลือกตั้งพรุ่งนี้ ซึ่งตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศมีความพร้อมอย่างเต็มที่

     โดยเฉพาะการดูแลหน่วยเลือกตั้งที่มีอยู่ทั้งหมด 88,500 หน่วยทั่วประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยอย่างน้อยหน่วยละ 2 นาย ซึ่งจะอยู่ประจำที่หน่วยเลือกตั้งจนกว่าการนับคะแนนจะแล้วเสร็จ และหากพื้นที่ใดที่อยู่ห่างไกล หรือเป็นบริเวณเกาะแก่ง ก็ได้จัดเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ และเรือเร็วของตำรวจน้ำไว้คอยดูแลช่วยเหลือด้วย และเตรียมหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดและหน่วยเคลื่อนที่เร็วไว้ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุร้าย

         

     สวัสดีค่ะคุณสุมิตรคะ   mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง

    การเลือกตั้ง คราวนี้ ถึงจะมีคนรู้สึกว่า ไม่ค่อยพร้อม เราก็ต้องไปค่ะ

    ต่อไปแนวโน้ม ประชาชนจะหันมาเอาใจใส่ และรักษาสิทธิ์ของตน ในเรื่องของการเลือกผู้แทนมากขึ้นๆค่ะ

    นอกจากนี้ ในทุกประเทศที่มีระบบการเมืองที่พัฒนาแล้ว มักจะมีกลุ่มปัญญาชนที่เป็นที่ยอมรับของสังคมที่จะคอยให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประเด็นทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

    และจะเป็นผู้นำทางความคิดควบคู่ไปกับผู้นำทางการเมือง ทั้งที่เป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งดิฉันเห็นว่า  ความเห็นของกลุ่มปัญญาชน หรือกลุ่มของผู้ใหญ๋ในบ้านเมือง  มีสำคัญมากค่ะ

    หัวใจของประชาธิปไตยคือการที่ประชาชนต้องเป็นผู้กำหนดความเป็นไปของประเทศ

    การเลือกตั้งคือการเปิดทางให้สังคมตัดสินใจมอบความไว้วางใจให้คนที่สามารถสร้างให้เกิดความสงบ ให้สังคมยอมรับความเปลี่ยนแปลง และผู้ชนะการเลือกตั้งต้องมีประวัติที่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่

    วันนี้ อย่าลืมใปเลือกตั้งกันนะคะ

    • Lin Hui ออกไปทำหน้าที่แล้วค่ะ
    • มีลูกน้อง8ขา(2ตัว) ช่วยเชียร์ ไม่แปรเปลี่ยน
    • Pออกไปทำหน้าที่เช่นกันแล้วซิค่ะ

     

    สวัสดีค่ะ  พี่ sasinanda

    • ออกไปใช้สิทธิ์แล้วค่ะ
    • กลัวได้มานั่งเสียใจทีหลัง
    • คุณ พี่สบายดี นะคะ?

    ขอบคุณค่ะ น่าชื่นชมจริงๆ ดิฉันก็กำลังจะออกไปทำหน้าที่เช่นกันค่ะ

    ทางคุณ รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2550 ว่า มหาวิทยาลัยศรีปทุมได้รับเลือกจากสถานีโทรทัศน์ทั้ง 9 สถานี และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ให้เป็นศูนย์ประสานงานการรายงานผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างไม่เป็นทางการเพียงแห่งเดียว

    โดยทางมหาวิทยาลัยได้เปิดศูนย์ประสานงานการรายงานผลเลือกตั้งขึ้นที่ศูนย์กีฬาในร่ม ชั้น 12 อาคาร 30 ปีศรีปทุม มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่มีการเปิดศูนย์ประสานงานลักษณะดังกล่าวนี้

    นอกจากสถานีโทรทัศน์แนชั่นแชนแนลและสถานีพันธมิตรอีก 9 ช่องแล้ว ประชาชนยังสามารถเข้าชมผลคะแนนผ่านเวบไซต์ www.nationchannel.com

    http://www.nationchannel.com

    www.spu.ac.th

     http://www.spu.ac.th

    หลังจากปิดหีบลงคะแนน เวลา 15.00 น. และคาดว่าไม่เกินเวลา 23.00 น. ประชาชนทั่วประเทศจะได้รับทราบผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการ

    "ข้อมูลที่ประชาชนจะได้รับทราบหลังจากการประมวลผล คือสรุปคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส แบบแบ่งเขต, แบบสัดส่วน ระดับเขต จังหวัด ภาค และระดับประเทศ รวมถึงจำนวนบัตรเสีย, จำนวนบัตรงดออกเสียง และจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ" อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม ระบุ

    ทางมหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมคอมพิวเตอร์จำนวน 300 เครื่อง เป็นเครื่องใหม่ทั้งหมด และยังได้ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนทดสอบระบบการใช้งานเพื่อให้การประมวลผลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับรับการรายงานผลจากหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศกว่า 80,000 หน่วย และกว่า 20,000 เขตทั่วประเทศนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.ทีโอที ติดตั้งคู่สายโทรศัพท์ 300 เลขหมาย และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จัดรถปั่นไฟฟ้าสำรอง  รวมทั้งสถานีตำรวจนครบาลบางเขนส่งเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยภายในงานตลอดกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ  

    ขณะนี้ศรีปทุมมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งอุปกรณ์ ระบบ โครงข่าย สถานที่และบุคลากรที่มีความตื่นตัวในการเลือกตั้ง เชื่อว่าจะเป็นการรายงานผลการเลือกตั้งที่รวดเร็ว ทันสถานการณ์ ถูกต้อง และแม่นยำมากที่สุด" คุณรัชนีพร กล่าวในตอนท้าย

     

    ANFRELชมกกต.ไทยจัดการเลือกตั้งได้ดี แม้มีการใช้เงินซื้อเสียง
     
    ตัวแทนANFREL ชมกกต.ไทยจัดการเลือกตั้งได้ดีกว่าบังคลาเทศ กัมพูชาและฟิลิปปินส์ แม้จะยังมีการใช้เงินซื้อเสียงอยู่บ้าง ชี้คนไทยยังยึดติดตัวบุคคลมากกว่านโยบายพรรค

     นายดามัสโก มัสบอล ตัวแทนเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ ANFREL (Asian Network for Free Elections) จากฟิลิปปินส์ ที่เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทย ได้กล่าวชมการเตรียมการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่สามารถเตรียมการได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับประเทศบังคลาเทศ กัมพูชา และฟิลิปปินส์แล้ว

    แต่ยังขาดตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ในการเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการเลือกตั้งด้วย

    ขณะที่มองว่าการเลือกตั้งของไทยยังมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จนกลายเป็นวัฒนธรรมการเลือกตั้งไปแล้ว

    ทั้งยังมองว่าประชาชนเลือกตั้งโดยยึดติดตัวบุคคล มากกว่านโยบาย ประกอบกับพรรคการเมือง ก็มักนำตัวบุคคลมาหาเสียง มากกว่านโยบายด้วยเช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม ตัวแทนอาเซียน ยังระบุด้วยว่า จะนำผลในการสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ เสนอต่อ กกต.ของไทย และองค์กรที่ร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วโลกต่อไป

    สวัสดีค่ะคุณหมอกุ้ง  coffee_mania

    ชื่นชมในการทำหน้าที่ของพลเมืองดี อย่างสมบูรณ์ในวันนี้ค่ะ

    มีข่าวเพิ่มเติมค่ะ

    กกต.เผยรับแจ้งทุจริตแล้ว324เรื่อง
     20 พ.ย.-10ธ.ค.50  พื้นที่กลุ่ม6มากสุด

    โดยกลุ่มจังหวัดที่ 6 คือ กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากที่สุด 84 เรื่อง  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแจกเงินแจกทรัพย์สินเสีย 187 เรื่องค่ะ

     

    สวัสดีค่ะ

    • หวังว่าหลังการเลือกตั้ง..ความสุข....สงบ จะคืนกลับมาโดยเร็วนะคะ
    • อีกไม่กี่นาทีก็เริ่มนับคะแนนแล้ว
    • รอลุ้นติดตามผลฯ ค่ะ
    หนูไปทำหน้าที่พลเมืองที่ดีเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ตอนนี้ก็รอยฟังผลว่าจะเป็นยังไง หนูเป็นประเภทติดยึดกับอุดมการทางการเมือง เปลี่ยนพรรคไม่เป็น โดยส่วนตัวเชื่อว่าอุดมการทางการเมืองมันไม่สามารถเปลี่ยนขั้วได้ง่ายๆ เหมือนที่นักการเมืองทั้งหลายย้ายพรรคกันเป็นว่าเล่น พี่ดูตัวอย่างอเมริกาสิคะ คนที่เป็นรีพลับลิกันก็จะเป็นขั้วนี้ไปตลอด หรือเดโมแครตก็ไม่มีทางย้ายมาเป็นฝั่งรีพลับลิกัน เพราะอุดมการทางการเมืองมันคนละขั้วกัน

    ก็หวังว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้น มีความหวังว่าในบรรดาคนที่ประชาชนเลือกเข้าไปคงจะมีคนดีบ้าง จะมากหรือน้อยก็ขอให้มี อย่าถึงกับตั้งใจจะเข้าไปหาผลประโยชน์อย่างเดียว

    สวัสดีค่ะ

      82. Gutjang ตอนนี้ มีการนับคะแนนกันคึกคักมากค่ะ
    เสาชิงช้าคึกคัก! ประชาชนทยอยลุ้นผลคะแนน
    บรรยากาศการนับคะแนน แขวงเสาชิงช้า และบรรยากาศหน้าที่ว่าการกรุงเทพ ทั้งภายในและภายนอก ประชาชนต่างเฝ้ารอดูผลคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ และทยอยเดินทางมาดูผลคะแนนกันอย่างต่อเนื่อง โดยทางกรุงเทพมหานคร ได้มีการจัดเตียมเก้าอี้ไว้บางส่วนเพื่อรองรับประชาชน ที่เข้ามาดูผลคะแนนการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้

    ผล การเลือกตั้ง ส.ส.ไม่เป็นทางการ พรรคพลังประชาชน ชนะพรรค ประธิปัตย์ .228 ต่อ166

    กกต.แถลงผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเมื่อนับไปได้ 93.11 เปอร์เซ็นต์ เผย 7 อันดับแรก "พลังแม้ว" มาอันดับ 1 ได้ทั้งเขตและสัดส่วน รวม 228 คน ประชาะปัตย์อันดับ 2 รวม 166 คน ชาติไทยมาที่ 3 รวม 39 คน เพื่อแผ่นดินมาที่ 4 รวม 26 คน ขณะที่ "ประชัย" สอบตก
           
           วันนี้(23 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากได้มีการนับคะแนนไปได้น้อยละ 93.11 เปอร์เซ็นต์ จำนวนพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง 7 อันดับแรก ทั้งระบบสัดส่วนและระบบเขต ดังนี้
           
           อันดับ 1 พรรคพลังประชาชน ได้ ส.ส.เขต 194 คน ส.ส.ระบบสัดส่วน 34 คน รวม 228 คน
           อันดับ 2 พรรคประชาะปัตย์ ได้ ส.ส.เขต 133 คน ส.ส.ระบบสัดส่วน 33 คน รวม 166 คน
           อันดับ 3 พรรคชาติไทย ได้ ส.ส.เขต 35 คน ระบบสัดส่วน 4 คน รวม 39 คน
           
           อันดับ 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน ส.ส.เขต 19 คน ระบบสัดส่วน 7 คน รวม 26 คน
           อันดับ 5 รวมใจไทยฯ ระบบเขต 9 ระบบสัดส่วน 1 คน รวม 10 คน
           อันดับ 6 พรรคมัชฌิมาฯ ระบบเขตได้ 7 คน ระบบสัดส่วน 0 คน รวม 7 คน
           อันดับ 7 พรรคประชาราช ระบบเขต 3 คน ระบบสัดส่วน 1 คน รวม 4 คน
           
           ทั้งนี้ นายอภิชาติ กล่าวว่า กกต.จะยุติการแถลงข่าวในวันนี้ แต่การนับคะแนนจะดำเนินการต่อไป โดยจะมีการแถลงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ต่อไป
           
           ขณะที่ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาฯให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงของประธานกกต. แสดงความสงสัยถึงผลการเลือกตั้งที่ออกมา โดยย้ำว่าอาจเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่ทั้งหมด โดยอ้างว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นการเลือกตั้งครั้งนี้
           พร้อมเรียกร้องให้กกต.รีบพิจารณาเรื่องการให้ใบเหลืองใบแดงโดยเร็ว
           

    สวัสดีค่ะน้อง Little Jazz \(^o^)/

    P

    ขอโทษค่ะ

    พี่เซ็งอะไรๆๆ และหมดความกระตือรือล้นไปหน่อยค่ะ

    ขอให้ช่วยอ่านที่link นี้ค่ะ

    http://gotoknow.org/blog/my-hometown/157750

    ขอบพระคุณค่ะ พี่sasinanda

    ดีใจมากๆค่ะที่พี่sasinanda  กรุณาช่วยทำ link ให้ค่ะ

    ร่วมด้วยช่วยกันแบบนี้ ไม่มีเซ็งไม่มีถอยค่ะ

    สู้ๆเราต้องสู้ค่ะ

    (สู้ตามตัวบทกฎหมาย สู้ตามตรอกออกตามประตู ไม่ปีนรั่วค่ะ อิ อิ)

    อ๋อค่ะ :)

    ขอบคุณค่ะพี่ ได้ตามไปอ่านบันทึกคุณหมอแล้ว ในฐานะคนทำธุรกิจก็บอกว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ไม่ค่อยจะช่วยให้คนทำธุรกิจดีขึ้นต่างกันเท่าไหร่ เหมือนๆ กันทั้งนั้น

    แต่ถ้าในฐานะประชาชนที่มีเป็นห่วงประเทศของตัวเองก็ต้องบอกว่าไม่สบายใจเลย ประเทศเราในเจ็ดแปดปีที่ผ่านมาสภาพมันแย่มาก เหมือนคนไข้ที่ไม่รู้ตัวเองว่าหมอฉีดยาอะไรให้ รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แข็งแรง ทำอะไรได้หลายอย่างทันใจ แต่ยาที่หมอให้นั้นอาจจะต้องแลกมาด้วยบางอย่างที่คนไข้ไม่รู้และภายหน้าจะมีผลข้างเคียงยังไงก็ไม่สน รู้แต่ว่ามันดีตอนนี้เท่านั้นก็พอ

    ผู้นำคนเก่าจับไต๋คนส่วนใหญ่ของประเทศได้ และนำจุดนั้นมาเป็นจุดขาย คนระดับหนึ่งที่เป็นคนส่วนใหญ่ชอบอะไรที่รวดเร็ว ด่วนได้ ได้มาง่ายๆ ของฟรี พอมีปัญหาก็เอากฏหมู่เข้าว่า พอผู้นำต้องการรักษาฐานเสียงก็ประนีประนอม เอาเงินส่วนหนึ่งไปโปะเพื่อสร้างประชานิยมแจกให้กับคนที่เห็นแก่ได้เฉพาะหน้า คนที่คิดแต่เฉพาะตัวกรูเท่านั้น ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครเอาเงินมาแจกแบบสุจริตถูกต้อง แล้วแถมถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใช้คืน ทำไมจะไม่เลือก ส่วนเขาจะเอาเงินมาจากไหน ประเทศเป็นยังไง จะโกงไม่โกงไม่รู้ทั้งนั้น นี่คือที่มาของฐานเสียงจำนวนมหาศาล

    มันเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครยอมรับหรอกค่ะ ร้อยทั้งร้อยที่ปักใจเลือกแบบหลับหูหลับตาก็เพราะได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่ากองทุนหมู่บ้าน หวยบนดิน และอีกสารพัดโครงการประชานิยม พูดยากค่ะพี่ มันก็เป็นสิทธิของเขาที่จะเลือก หนึ่งเสียงเท่ากัน แต่ความห่วงใยประเทศมันเท่ากันหรือไม่เท่านั้น หรือห่วงแต่ปากท้องเฉพาะหน้าของตัวเอง พูดอย่างนี้อาจจะมีคนตามมาโจมตีก็ได้ แต่ก็เป็นสิทธิของเราที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเช่นกัน เศร้าค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณพี่ sasinanda และคุณ
    Little Jazz \(^o^)/

    ดีใจจังที่แวะมาอ่านการแสดงความคิดเห็นของคุณLittle Jazz \(^o^)/  รู้สึกดีค่ะ การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก การแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ อย่างน้อยก็สามารถบอกเล่าความรู้สึกให้สังคมได้รับรู้ ได้รับฟังบ้างค่ะ เห็นเหมือน เห็นต่างนั้นเป็นเรื่องธรรมดานะคะ  แต่เราก็ได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าให้ความสนใจกับการเมืองไทยค่ะ ใครทำอะไร เรารู้ เราดูอยู่หน้าที่ของประชาชนหลังทำหน้าที่หย่อนบัตรเลือกตั้งก็คงทำได้เพียงเท่านี้นะคะ

    ขอบคุณพี่ sasinanda และขอบคุณคุณLittle Jazz \(^o^)/ ด้วยค่ะ

    อ๋อค่ะ

     

    เกาะกระแสฮิตสำหรับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ทางรายการ แฟนพันธุ์แท้วันศุกร์ที่ 15 ก.พ.นี้ เลยทำการค้นหาสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ การเมืองไทย ซึ่ง 5 คนที่ผ่านด่านเข้ามาแข่งขันก็เรียกว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะ กฤษดา ไพรวรรณ์ สุดยอดแฟนพันธ์นายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2006 ที่เข้ามาร่วมแข่งขันในครั้งนี้ มีการคุยข่มผู้แข่งขันอีก 4 คนว่า
              การแข่งขันดำเนินมาอย่างเข้มข้นสุดมันส์ จนมาถึงคำถามสุดหิน กับคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติ ซึ่งต้องตอบให้ได้ว่าเป็นพรรคการเมืองพรรคใด ? เช่น มีสามพยางค์,ร่วมรัฐบาล ฯลฯ เรียกว่าผู้ตอบจะต้องวิเคราะห์และอาศัยโชคช่วย
    ใครชนะได้ภาพร่วมกับ    นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พร้อมกับของที่ระลึกจากพรรคร่วมรัฐบาล และหนังสือจาก มติชน, สยามรัฐ, เนชั่น ฟรีตลอดชีวิต

    ใครสนใจ งานนี้ต้องมาติดตามชม ในรายการ แฟนพันธุ์แท้วันศุกร์ที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 22.30 น. ทางช่อง 5

    เห็นว่าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองค่ะ ใครคอการเมือง   สนใจ เปิดชมได้ค่ะ

    ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี
           (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร.

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 29 มกราคม พุทธศักราช 2551 แล้วนั้น
           
           บัดนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบไปแล้ว
           
           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไป

     

     นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช

     

    รองนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

     

    นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

     

    นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

     

    นายสหัส บัณฑิตกุล

     

     พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์

     

    นายสุวิทย์ คุณกิตติ

     

    รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ินายชูศักดิ์ ศิรินิล

     

     รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรภพ เพ็ญแข

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมัคร สุนทรเวช

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

     

    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุธา ชันแสง

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์

     

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล

     

     รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธีระชัย แสนแก้ว

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสันติ พร้อมพัฒน์

     

    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายอนุรักษ์ จุรีมาศ

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายมั่น พัธโนทัย

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ

     

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

     

     รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง

     

     รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุพล ฟองงาม

     

    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสิทธิชัย โควสุรัตน์

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพงศกร อรรณนพพร นายบุญลือ ประเสริฐโสภา

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน

     

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุวิทย์ คุณกิตติ

     

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางอุไรวรรณ เทียนทอง

     

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์

     

     รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล 

     

    ประกาศ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน
     
    เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 16.52 น.
     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
     พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี
    ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

    โอกาสนี้ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรี ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ความว่า 

     ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ยินท่านทั้งหลายเปล่งวาจา เพื่อจะเป็นการแสดงความสัตย์ที่จะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  ซึ่งความจริงไม่จำเป็นที่จะพูด 

    แต่ว่าเมื่อพูดต้องถือว่าคำพูดนี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านต้องเก็บเอาไว้เป็นคำที่จะปฏิบัติ  ปฏิบัติในการกระทำทุกอย่างในอนาคต เพราะว่าถ้าพูดไปแล้ว และไม่ปฏิบัติ ก็ไม่เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์

    ฉะนั้น ขอให้ท่านได้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ที่ท่านมาเป็นรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าประเทศต้องมีผู้ใหญ่ ถ้าท่านเป็นผู้ใหญ่ ประเทศจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุข ก็หมายความว่าประชาชนมีที่พึ่ง 

     ถ้าประชาชนมีที่พึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีหลักประกันว่า จะสามารถอยู่ได้  ส่วนหลายประเทศในละแวกนี้ ก็มีความเดือดร้อน ไม่ใช่แค่ละแวกนี้ ทั่วโลกมีความเดือดร้อน เพราะไม่มีคนที่มีหลัก ท่านต้องถือว่าท่านเป็นคนที่มีหลักที่จะปฏิบัติงานทำงานเพื่อส่วนรวม  

    ท่านอาจจะนึกว่าแปลก  ทำไมคน 35 คน จะต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้านคน เพราะว่าคน 63 ล้านคน เขาหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อเขา ถ้าไม่ทำงานเพื่อประชาชน จะทำงานเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะทำ อาจจะทำยาก

     แต่เชื่อว่าท่านจะต้องทำได้  เพื่อให้ประเทศชาติไม่ผิดหวังในงานที่ท่านกำลังทำอยู่  ถ้าหากเขาไม่ผิดหวัง ท่านก็เป็นผู้ที่มีความดี และถ้าทำด้วยความดีนั้น  ที่จริงก็โก้ไม่หยอก คือโก้ดีที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้สมหวัง และมองเห็นว่าขณะนี้เป็นรัฐมนตรีจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และส่วนรวมนี้ก็บอกได้ว่า ในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เขาไม่ค่อยได้เห็นคนที่พยายามทำเพื่อส่วนรวม ท่านจะต้องทำเพื่อส่วนรวม 

     ถ้าทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ท่านก็โก้ไม่หยอก ท่านก็มีความดีอยู่กับตัวอยู่แล้ว

    วันนี้เมื่อท่านได้ปฏิญาณว่าท่านจะทำเพื่อส่วนรวม  ท่านก็มีเกียรติไม่น้อย เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพยายามทำตามที่ท่านได้ปฏิญาณตน  เพื่อให้เป็นผลสำเร็จที่ดี  

    ถ้าทำได้ แม้จะนิดเดียวก็ยังดี ถ้าทำได้มากก็ยิ่งดี ฉะนั้น  ขอให้ท่านรักษาความซื่อตรง  และตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดว่าท่านนายกฯ เองและรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้มีความตั้งใจที่จะทำ ก็เป็นเกียรติไม่ใช่น้อย และถ้าทำให้เป็นเกียรติอย่างที่ท่านได้พูด  ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก และประเทศจะอยู่ได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ ท่านเรียกว่าได้บุญ ท่านได้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีมาก ในโลกนี้หายากคนที่ตั้งอกตั้งใจอย่างที่ท่านได้ตั้งใจที่จะทำ

    ในเมืองไทยนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ในประเทศหนึ่งต้องมีผู้ใหญ่ รัฐมนตรีก็คือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าทำสำเร็จ ท่านมีความสามารถที่จะทำด้วยความรู้ ด้วยความสามารถ ทำเพื่อให้คนจำนวนมาก ทั้ง 35 คน บวกกับนายกฯ เป็น 36 คน ทำเพื่อคนเป็นจำนวนล้าน เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุด  และท่านเองเมื่อรักษาความดี ความตั้งใจที่จะให้คณะของท่านอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ถ้าทำได้ดี ท่านก็มีเกียรติ คณะท่านก็มีเกียรติ 

     ขอให้ท่านได้ทำสำเร็จเพื่อเกียรติของคณะรัฐบาลไทยและของประเทศชาติ ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในการกระทำที่ท่านเองได้ตั้งใจที่จะทำ และขอให้ท่านและนายกฯ มีความสำเร็จในการงาน  และขอให้ท่านได้พรที่จะปฏิบัติงานสำเร็จเรียบร้อยในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ

      ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานทุกอย่างที่ได้ตั้งใจจะทำ 

    นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ย้ำดำเนินนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก 19 ข้อ พร้อมวางนโยบายที่จะดำเนินการภายใน 4 ปีอีก 7 นโยบาย


    เมื่อ เวลา 09.40 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551  ณ อาคารรัฐสภา  นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร

    ได้เปิดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญทั่วไป) เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

     โดยเริ่มจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม   ได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา

    นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมรัฐสภา ต่อการสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาลในการแถลงนโยบายพัฒนาบริหารประเทศท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพของอหังสาริมทรัพย์หรือซับไพรม์และปัญหาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อในโลกและในประเทศไทยว่า

      จะมีการดำเนินการแห้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไปก่อน รวมถึงวางรากฐานการเจริญเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน และส่งเสริมภาคการผลิตและบริการให้สามารถปรับตัวไปสู่การผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นปัญหาโครงสร้างระยะยาวของประเทศ

    ส่วนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม สังคมไทยจะเริ่มเข้าสู่จุดเริ่มต้นของสังคมผู้สูงอายุในปี 2552 และประชากรไทยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุอยู่ในภาวะที่ต้องปรับตัวเข้าสู่สังคมฐานความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ ในขณะที่ภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ และปัจจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับในช่วง 4 ปีต่อไป

     รัฐบาลจะดูแลปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมุ่งมั่นที่จะบริหารประเทศ ภายใต้หลักการสำคัญสองประการ ซึ่งรัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจและสังคมไทย

    และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ และประชาคมโลก

    ประการแรก คือ การสร้างความสมานฉันท์ให้แก่คนไทยทุกภาคส่วนที่จะต้องร่วมมือกันในการนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ต่าง ๆ และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับประเทศในอนาคต การสร้างความสมานฉันท์นี้รวมถึงเรื่องที่สำคัญ

     คือ การแก้ไขและเยียวยาปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่แนวทางของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและสามัคคีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศให้เป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

    ประการที่สอง คือ การสร้างความสมดุลและภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายในทุกด้าน ตั้งแต่การพัฒนาคนให้มีคุณธรรมนำความรู้ การสนับสนุนการออมระยะยาว การส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ที่เหมาะสม การพัฒนาชุมชนให้พึ่งตนเองได้และเชื่อมโยงกับตลาดอย่างเป็นขั้นตอน จนถึงการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุน และการเพิ่มความสามารถในการใช้ประโยชน์และต่อยอดเทคโนโลยีให้เข้ากับภูมิปัญญาไทยเพื่อนำไปสู่นวัตกรรมและสร้างรายได้ให้แก่ระบบเศรษฐกิจตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

     ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการดำเนินงานของรัฐบาลตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐนอกจากหลักการทั้งสองประการแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ให้ความสำคัญแก่บทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ และกลไกการตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐ เพื่อให้อยู่ในกรอบแนวทางของการบริหารประเทศตามหลักธรรมาภิบาล

    รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินงานของรัฐบาลทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ

    โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่ต้องเริ่มดำเนินการในปีแรก และระยะการบริหารราชการ 4 ปีของรัฐบาล ดังต่อไปนี้

    1. นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก

    รัฐบาลถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม ปราบปรามยาเสพติด สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ฟื้นฟูให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็ง แก้ไขปัญหาความยากจน โดยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อเพิ่มศักยภาพการหารายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาสในอาชีพอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร แรงงาน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญเร่งด่วน โดยมีนโยบายที่สำคัญ คือ

     1.1 สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย

     โดยการเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันของประชาชนในชาติให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ และสร้างเสถียรภาพทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง สังคม และเศรษฐกิจ โดยมุ่งถึงประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

    1.2 แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

    โดยน้อมนำแนวทางพระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนามาดำเนินภารกิจในด้านความมั่นคงและด้านการพัฒนา โดยให้มีความสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของพื้นที่ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของประชาชน ตลอดทั้งอำนวยความเป็นธรรมและความยุติธรรม โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความสมานฉันท์และสันติสุขในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

    1.3 เร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดและปราบปรามผู้มีอิทธิพล

    โดยยังคงยึดหลักการ ผู้เสพ คือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษา ส่วนผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรมทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งรัดปราบปรามการค้ายาเสพติด ลดปริมาณผู้เสพยา และป้องกันมิให้กลุ่มเสี่ยงเข้าไปเป็นเหยื่อของยาเสพติด โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนควบคู่กับมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และใช้มาตรการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมตัดช่องทางการหาเงินทุจริตของผู้มีอิทธิพลในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การค้ามนุษย์ และการเป็นเจ้ามือการพนัน เป็นต้น

    1.4 ดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ

    โดยดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต พร้อมทั้งจัดหาสินค้าราคาประหยัดจำหน่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้มีรายได้น้อย

     1.5 เพิ่มศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

     ให้เป็นแหล่งเงินหมุนเวียนในการลงทุน สร้างงานและอาชีพ สร้างรายได้และลดรายจ่ายให้แก่ประชาชนในชุมชนและวิสาหกิจขนาดเล็กในครัวเรือน พัฒนากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีการบริหารจัดการที่ดี ให้สามารถยกระดับเป็นธนาคารหมู่บ้านและชุมชน

    1.6 จัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร

     (Small Medium Large: SML) ให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน เพื่อสร้างโอกาสให้ชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาของชุมชนด้วยตนเอง และพัฒนาโครงการที่จะก่อให้เกิดรายได้อย่างยั่งยืน พัฒนาสินทรัพย์ชุมชน อนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการใช้ทรัพยากรของรัฐ ท้องถิ่น และจังหวัด อย่างมีประสิทธิภาพ

    1.7 สานต่อโครงการธนาคารประชาชน

    เพื่อกระจายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย สร้างทางเลือกและลดการพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง

    1.8 สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน

    เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนและสร้างรายได้ ผ่านสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

    1.9 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์

     เพื่อให้แต่ละชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาสินค้า โดยรัฐพร้อมที่จะสนับสนุนให้ชุมชนเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่ แหล่งเงินทุน และพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการและการตลาด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    1.10 พักหนี้ของเกษตรกรรายย่อยและยากจน ที่ผ่านกระบวนการจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพ

    เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคง

    1.11 สร้างระบบประกันความเสี่ยงให้เกษตรกร

    เพื่อลดความเสี่ยง อันเนื่องมาจากผลกระทบความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และสร้างกลไกในการสร้างเสถียรภาพราคาของสินค้าเกษตรที่เป็นธรรม

    1.12 ขยายบทบาทของศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it Center) และสถาบันอาชีวศึกษา

    เพื่อให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้ในการใช้ การดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพ เครื่องใช้ในครัวเรือน รวมทั้งสร้างเครือข่ายศูนย์ฯ กับชุมชนและวิสาหกิจเพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม ระบบรับรองและตรวจสอบคุณภาพในขั้นต้นของสินค้าชุมชน

    1.13 สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง

     เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร” “บ้านรัฐสวัสดิการและ ที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นครั้งแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยระบบขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวก

    1.14 เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ

     เช่น การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 9 สาย รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถไฟชานเมือง และรถไฟก้างปลาเชื่อมโยงจังหวัดที่ยังไม่มีรถไฟขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า และการพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานสากล เป็นต้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

    1.15 ดำเนินมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน

    โดยเร่งรัดโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากก๊าซธรรมชาติและผลผลิตทางการเกษตร เช่น แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล รวมทั้งเร่งรัดมาตรการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดภาระการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ

    1.16 ฟื้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

    โดยประกาศให้ปี 2551 – 2552 เป็น ปีแห่งการลงทุนและปีแห่งการท่องเที่ยวไทย

    1.17 วางระบบการถือครองที่ดินและกำหนดแนวเขตการใช้ที่ดินให้ทั่วถึงและเป็นธรรม

    โดยใช้ข้อมูลระบบภูมิสารสนเทศ ภายใต้กระบวนการที่ชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อให้ประชาชนมีที่ดินทำกินและประกอบอาชีพอย่างทั่วถึงและพอเพียง

    1.18 ขยายพื้นที่ชลประทานและเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน

    โดยฟื้นฟูและขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน โดยดำเนินการก่อสร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพื่อประโยชน์ในการปรับโครงสร้างภาคการเกษตร การบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ทั้งในพื้นที่ชุมชนเมืองและพื้นที่เกษตรกรรม รวมทั้งระบบประปาที่ถูกสุขอนามัย เพื่อการอุปโภคและบริโภคแก่ประชาชนให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำโดยการพัฒนาระบบชลประทานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ชลประทานระบบท่อ

    1.19 เร่งรัดมาตรการและโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อน

    โดยส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ธุรกิจเอกชน และชุมชน ให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการปลูกและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในระดับครัวเรือน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


    ในส่วนของนโยบายที่จะดำเนินการภายในช่วงระยะ 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้

    รัฐบาลจะดำเนินนโยบายหลักในการบริหารประเทศซึ่งปรากฏตามนโยบายข้อที่ 2 ถึงข้อที่ 8 ดังต่อไปนี้

    2. นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต

    รัฐบาลให้ความสำคัญแก่การให้หลักประกันขั้นพื้นฐานของบริการสาธารณะของรัฐภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ การพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพ การมีสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต และประชาชนมีความสุข โดยจะดำเนินการ ดังนี้

    2.1 นโยบายการศึกษา2.1.1 ยกระดับคุณภาพการศึกษาของคนไทยอย่างมีบูรณาการ

    และสอดคล้องกันตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษาทั้งในและนอกระบบการศึกษา และสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต

    2.1.2 พัฒนาหลักสูตร ปรับระบบการผลิตและพัฒนาครูให้มีคุณภาพและคุณธรรมอย่างทั่วถึง ต่อเนื่อง และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์

    2.1.3 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การสอน

    และการเรียนรู้อย่างจริงจัง จัดให้มีการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประกอบการเรียนการสอนให้โรงเรียนอย่างทั่วถึง

    2.1.4 ดำเนินการให้บุคคลมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษา 12 ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    รวมทั้งสนับสนุนผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรืออยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้ได้รับการศึกษา และเพิ่มโอกาสให้แก่เยาวชนในการศึกษาต่อผ่านกองทุนให้กู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต และเชื่อมโยงกับนโยบายการผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถของประเทศ รวมทั้งต่อยอดให้ทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ

    2.1.5 สนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาคการผลิตและบริการ

     และเร่งผลิตกำลังคนระดับอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพเพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศในสาขาต่าง ๆ เช่น ปิโตรเคมี ซอฟต์แวร์ อาหาร สิ่งทอ บริการสุขภาพและการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ เป็นต้น ด้วยความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการ สถาบันการศึกษา และสถาบันเฉพาะทาง ตลอดจนให้มีการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพตามมาตรฐานสากล

    2.1.6 ขยายบทบาทของระบบการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น สำนักงานบริหารจัดการองค์ความรู้ ระบบห้องสมุดสมัยใหม่ หรืออุทยานการเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้แห่งชาติ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ศูนย์พัฒนาด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ ศูนย์บำบัดและพัฒนาศักยภาพของบุคคลออทิสติก เด็กสมาธิสั้น และผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ ศูนย์การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

    2.2 นโยบายแรงงาน2.2.1 เร่งฝึกอบรมและพัฒนาคนที่ทำงานแล้วและคนที่ถูกเลิกจ้าง

     เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าสู่ภาคการผลิตและบริการที่มีระดับเทคโนโลยีที่สูงขึ้น

    2.2.2 จัดให้มีระบบเตือนภัยและติดตามสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการจ้างงาน

    การเลิกจ้างอื่นเนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ พร้อมทั้งจัดให้มีการจ้างงานใหม่โดยเร็ว

    2.2.3 ให้การคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานแรงงานไทย

    ซึ่งให้ความสำคัญแก่ความปลอดภัยในการทำงานและสวัสดิการแรงงาน พร้อมทั้งจัดระบบการคุ้มครองแก่แรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมมากขึ้น

    2.3 นโยบายการพัฒนาสุขภาพของประชาชน

    2.3.1 เพิ่มคุณภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

    และให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างไม่เป็นอุปสรรค พร้อมทั้งปฏิรูประบบบริหารจัดการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพทั่วถึงและครบวงจร ทั้งการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสุขภาพ การป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพ

    2.3.2 จัดให้มีมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพ

    และภาวะทุพโภชนาการที่นำไปสู่การเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต และอุบัติเหตุจากการจราจร พร้อมทั้งนำมาตรการภาษีการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาใช้กระตุ้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบุคคลให้ลด ละ และเลิก พฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพ

    2.3.3 ดำเนินการระบบเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคเชิงรุก

    เพื่อป้องกันปัญหาการป่วยและตายด้วยโรคอุบัติใหม่และระบาดซ้ำในคน พร้อมทั้งสร้างขีดความสามารถในการเฝ้าระวัง วินิจฉัย และดูแลรักษาพยาบาลอย่างเป็นระบบที่ประสานเชื่อมโยงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

    2.3.4 เพิ่มแรงจูงใจและขยายงานอาสาสมัครสาธารณสุข

    เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้ชุมชนในการดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ การดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลและการเฝ้าระวังโรคในชุมชน รวมทั้งเชื่อมโยงการดำเนินงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

    2.3.5 ส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับมีโอกาสออกกำลังกาย

    และเล่นกีฬาเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและพลานามัยที่ดี รวมทั้งพัฒนาทักษะทางด้านกีฬาสู่ความเป็นเลิศที่จะนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ สร้างนิสัยรักการกีฬาและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นและมั่วสุมกับอบายมุขและยาเสพติด

    2.4 นโยบายศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม

    2.4.1 อุปถัมภ์ คุ้มครอง และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ

    เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังให้ประชาชนเข้าใจและนำหลักธรรมของศาสนา มาใช้ในการเสริมสร้างคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิต

    2.4.2 ฟื้นฟูและสืบสานคุณค่าความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย

    ทั้งที่เป็นวิถีชีวิต ประเพณี ค่านิยมที่ดีงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการดูแลรักษาแหล่งอุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อการศึกษาเรียนรู้และใช้ประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตบนพื้นฐานความรู้และความเป็นไทย รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาโบราณสถานให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลก

    2.4.3 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและการนันทนาการ

     เพื่อส่งเสริมให้ วัยรุ่นไทยเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีคุณธรรมเอื้ออาทรต่อผู้อื่น และเกิดการเรียนรู้ศิลปะอย่างสร้างสรรค์ เข้าใจถึงคุณค่า ซาบซึ้งในความสุนทรีย์ของศิลปะ

    2.4.4 ขยายบทบาทสภาวัฒนธรรมทุกจังหวัดให้เป็นกลไกเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม

    ที่ครอบคลุมทั้งวิถีชีวิตและสื่อทุกประเภทที่มีผลกระทบต่อการเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม และพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งขจัดสื่อที่เป็นภัยต่อสังคม ขยายสื่อดีเพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมอย่างเท่าทันสถานการณ์

    2.5 นโยบายความมั่นคงของชีวิตและสังคม

    2.5.1 ประสานเชื่อมโยงการดำเนินงานและใช้ประโยชน์จากกองทุนต่าง ๆ

     เช่น กองทุนผู้สูงอายุ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กองทุนพัฒนาชุมชน และกองทุนสนับสนุนการวิจัยเพื่อให้เป็นพลังร่วมในการสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพ

    2.5.2 สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

     โดยการพัฒนาให้มีความรู้และจริยธรรม เริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดและเยาวชนทุกช่วงวัย โดยให้ความสำคัญแก่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ครอบครัวที่อบอุ่น และสถานศึกษาที่เอาใจใส่ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดด้วยการปลูกฝังความรู้ที่ทันโลกและคุณค่าที่ดีของวัฒนธรรมไทย สร้างความเข้าใจให้แก่พ่อแม่ถึงวิธีการดูแลบุตรที่ถูกต้องตามระดับการพัฒนาของสมอง

    2.5.3 สร้างหลักประกันความมั่นคงและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ให้เด็ก สตรี และคนพิการ

    ที่ด้อยโอกาส โดยจะขจัดขบวนการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป ขจัดการเลือกปฏิบัติและการละเมิดลิทธิเด็ก สตรี และคนพิการในทุกรูปแบบและอย่างเด็ดขาด รวมทั้งเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมแก่คนพิการและผู้ด้อยโอกาสอย่างเหมาะสม และส่งเสริมความรู้และอาชีพให้สตรีและคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ 

    2.5.4 เตรียมความพร้อมให้แก่สังคมผู้สูงอายุ โดยยึดหลักการให้ผู้สูงอายุเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยสร้างหลักประกันด้านรายได้และระบบการออมในช่วงวัยทำงานที่เพียงพอสำหรับช่วงวัยชรา สร้างพฤติกรรมด้านสุขภาพที่เหมาะสมกับช่วงวัย สนับสนุนครอบครัวให้เข้มแข็งสามารถดูแลสมาชิกได้อย่างมีคุณภาพ ขยายฐานการให้เบี้ยยังชีพแก่คนชราที่ไม่มีรายได้ และส่งเสริมการใช้ประสบการณ์ของผู้สูงอายุในกระบวนการพัฒนาประเทศโดยระบบคลังสมอง

    2.5.5 สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ในสังคมเมือง โดยมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจัดให้มีบริการขั้นพื้นฐานอย่างเหมาะสม มีโรงเรียนใกล้บ้าน มีการสื่อสารคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

    3. นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลจะบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุลและเข้มแข็ง ทั้งในภาคเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ มีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก

    ทั้งด้านการค้าและการลงทุน รวมทั้งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยวางโครงสร้างพื้นฐานด้านองค์ความรู้ มีระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริการ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม การเกษตร ระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ พลังงาน และระบบโครงข่ายสารสนเทศและกา
    3. นโยบายเศรษฐกิจ

    รัฐบาลจะบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุลและเข้มแข็ง ทั้งในภาคเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ มีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกทั้งด้านการค้าและการลงทุน

    รวมทั้งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยวางโครงสร้างพื้นฐานด้านองค์ความรู้ มีระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริการ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม การเกษตร ระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ พลังงาน และระบบโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร โดยจะดำเนินการ ดังนี้3.1 นโยบายการเงินการคลัง

    3.1.1 ดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ

    โดยดูแลเงินเฟ้อและค่าเงินบาทให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและกลไกตลาด ส่งเสริมประสิทธิภาพและความมั่นคงของภาคการเงินในประเทศ และส่งเสริมศักยภาพในการบริหารความเสี่ยงของภาคเอกชน

    3.1.2 รักษาวินัยการคลังเพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว

    ซึ่งครอบคลุมถึงเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ งบประมาณของท้องถิ่น ฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ปฏิรูประบบงบประมาณแผ่นดินทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างบูรณาการ ปรับปรุงระบบภาษีและการจัดเก็บภาษีให้มีความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และเพียงพอกับรายจ่ายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

    3.1.3 ส่งเสริมให้มีระบบการออมระยะยาว

    เพื่อให้มีเงินออมเพียงพอกับการดำรงชีพในยามชรา รวมทั้งเป็นการสร้างฐานเงินออมเพื่อการระดมทุนของประเทศในอนาคต

    3.1.4 วางระบบการดูแลและส่งเสริมการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

    ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนของผู้ประกอบการและนักลงทุนที่เป็นสถาบัน และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยให้สอดคล้องกับขีดความสามารถใน

    การแข่งขัน เป้าหมายการส่งเสริมศักยภาพของสาขาการผลิตที่จำเป็น และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    3.1.5 ปรับปรุงประสิทธิภาพของตลาดทุนให้ทัดเทียมกับตลาดหลักในภูมิภาคและตลาดโลก

    ทั้งด้านธรรมาภิบาล ราคา และคุณภาพ โดยให้ความสำคัญแก่การปรับปรุงมาตรการสิ่งจูงใจเพื่อสนับสนุนการออมของประเทศ การเพิ่มบทบาทของตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ในการเป็นแหล่งทุนสำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ และการจัดให้มีกลไกเพื่อกำกับดูแลการพัฒนาตลาดทุนให้ประสานสอดคล้องกับการพัฒนาตลาดเงิน

    3.1.6 พัฒนารัฐวิสาหกิจให้สามารถเป็นกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาและการลงทุน

    ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างฐานรายได้และมูลค่าให้แก่ทรัพย์สินของรัฐ มีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ตลอดจนกำกับดูแลการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล ทั้งการจัดทำและแยกบัญชีเชิงสังคม ความโปร่งใส และการวัดประสิทธิภาพของการดำเนินงานในมาตรฐานไม่น้อยกว่าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งเร่งฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาฐานะการเงิน3.2 นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

    3.2.1 ภาคเกษตร

    3.2.1.1 เร่งปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตรให้สอดคล้องกับโอกาสทางการตลาด

    และการเปลี่ยนแปลงรสนิยมของผู้บริโภค ทั้งที่เป็นตลาดเดิมและตลาดใหม่ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลก เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของการทำประมง ปศุสัตว์ และพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศให้ครบวงจร รวมทั้งสนับสนุนการผลิตพืชพลังงาน เช่น ปาล์มน้ำมัน อ้อย มันสำปะหลัง เพื่อสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทน และสนับสนุนการผลิตสินค้าใหม่ที่มีโอกาสทางการตลาด เช่น พืชเส้นใย และสมุนไพร เป็นต้น

    3.2.1.2 ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตร

     โดยการแปรรูปที่ได้คุณภาพและมาตรฐานสากลเพื่อเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมการเกษตร โดยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร ความปลอดภัยอาหารตามมาตรฐานสากล รวมทั้งให้มีระบบป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค ตลอดจนสนับสนุนการแปรรูปสินค้าเกษตรในชุมชน

    3.2.1.3 เร่งรัดการเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร

     เพื่อป้องกันมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และพัฒนาโครงข่ายระบบการขนส่งสินค้าเกษตรทั้งในพื้นที่ชนบทและเมือง เพื่อขยายตลาดของสินค้าเกษตรและอาหารสู่ตลาดโลก

    3.2.1.4 ส่งเสริมการทำการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ในระดับชุมชนตามแนวพระราชดำริ

    เพื่อให้ครัวเรือนเกษตรกรมีความมั่นคงทางด้านอาหาร ส่งเสริมการขยายกระบวนการเรียนรู้ระบบเกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน วนเกษตร โครงการอาหารกลางวัน และธนาคารโคกระบือตามแนวพระราชดำริ โดยเกษตรกรและชุมชนเป็นผู้กำหนดทิศทางและแนวทางด้วยตนเอง

    3.2.1.5 ส่งเสริมและสนับสนุนสถาบันเกษตรกรทั้งในด้านการรวมกลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนสภาเกษตรกร

     เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการวางแนวทางพัฒนาการเกษตรและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันด้วยตนเอง3.2.2 ภาคอุตสาหกรรม

    3.2.2.1 พัฒนาประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาค อุตสาหกรรม

    รวมทั้งสร้างมูลค่าให้กับสินค้าอุตสาหกรรม ด้วยการยกระดับความสามารถ ทักษะแรงงาน การบริหารจัดการของผู้ประกอบการ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการภายในกลุ่มอุตสาหกรรม บนพื้นฐานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา

    3.2.2.2 พัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงและมีความได้เปรียบ

    เช่น อาหาร เหล็ก ยานยนต์ ปิโตรเคมี พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ให้เป็นฐานการผลิตในระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือให้สิทธิพิเศษกับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ รวมทั้งจัดหาและพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะ 20 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่

    3.2.2.3 สร้างสินค้าที่มีคุณภาพและมาตฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

    ให้แก่สินที่ผลิตในประเทศไทย โดยสนับสนุนการพัฒนาทักษะฝีมือผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น กลุ่มสินค้าแฟชั่น อัญมณี และเครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ พร้อมทั้งใช้มาตรการด้านการตลาดและสร้างตราสัญลักษณ์สินค้าของไทยให้เป็นที่นิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    3.2.2.4 สร้างและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งวิสาหกิจชุมชน

    ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นฐานการผลิตของระบบเศรษฐกิจ

    อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท