ความเจ็บป่วยไม่เคยแตะเบรคให้ใคร ครูอ้อยมีโอกาสเจ็บป่วยล่ะคราวนี้ หลังจากที่ใช้สิทธิของการเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เข้าพบหมอประจำงานแพทย์และอนามัย ครูอ้อยเริ่มเล่าอาการและเหตุการณ์ที่ประสบอุบัติเหตุ จนข้อเท้าพลิกให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็ถามว่า เป็นมานานแล้วหรือยัง อ้อลืมไปถามเท้าข้างไหนก่อน และก็ถามว่า อายุเท่าไรเป็นคำถามสุดท้าย
ครูอ้อยตอบตามความจริงทุกข้อ เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นอะไรมาก คุณหมอจะได้ช่วยเหลือได้ถูกทางและทันเวลา
คุณหมอบอกว่า " อายุมากแล้ว เรื่องกระดูกเป็นเรื่องสำคัญ ที่นี่ไม่มีเอ็กซเรย์ หมอแนะนำให้ไปถ่ายเอ็กซเรย์ จะได้รู้ว่ามีเส้นเอ็นหรือกระดูกอ่อนตรงไหนเป็นอะไรไป ตั้งครึ่งเดือนแล้ว น่าจะหายตั้งนานแล้ว "
หลังจากนั้นคุณหมอก็สั่งยาให้ไปที่จ่ายยา ครูอ้อยได้ยามา 3 ถุงเล็กๆ เป็นยาลดบวม แก้ปวดกล้ามเนื้อ และบำรุงกระดูก ครูอ้อยดีใจมาก ไม่ใช่ดีใจที่เจ็บป่วยแล้วได้ยาหรอกนะคะ ดีใจที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่ายาต่างหาก เดี๋ยวจะไปเล่าให้เพื่อนร่วมรุ่นทั้ง 70 คนฟัง จะได้กินยาแบบไม่ต้องจ่ายเงินกัน อิอิ แต่คงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยหรอกนะคะ
หลังจากนั้น ครูอ้อยเดินคิดมาตลอดทางกว่าจะถึงรถที่จอดไว้หน้าลานพ่อขุน ครูอ้อยไหว้พ่อขุนอย่างงามและคิดตามที่คุณหมอบอกว่าต้องไปเอ็กซเรย์ เอ แถวนี้มีแต่โรงพยาบาลเอกชน เช่น รามคำแหง ลาดพร้าว และก็ต้องขับรถอ้อมด้วย เลยตัดสินใจไปศูนย์แพทย์พัฒนา สถานรักษาพยาบาลที่เคยไปมาเมื่อสองสามปีก่อน
ฝนตกอย่างหนักครูอ้อยไม่ได้จอดตรงทางเข้าเพื่อรับบัตรที่ป้อม พอมาหาที่จอดรถได้แล้ว ลงจากรถไม่ได้เพราะร่มอยู่ในท้ายรถ ต้องนั่งอยู่ในรถ รอจนฝนซา หันไปเห็นถุงพลาสติก เอามาคลุมศีรษะไว้และเปิดประตูรถออกไปเปิดท้ายรถเพื่อหยิบร่ม ปิดรถเรียบร้อยครูอ้อยก็เดินเข้าศูนย์แพทย์พัฒนา
นั่งรอคุณหมอจะมาประมาณ บ่ายสามโมง พยาบาลบอกครูอ้อย นั่งมองไปรอบๆบริเวณ เห็นภาพในหลวงประทับนั่งและมีคุณทองแดงนั่งอยู่ข้างข้างและข้างล่าง ครูอ้อยปิ๊งขึ้นมาทันทีว่า มีอยู่วันหนึ่งได้อ่านหนังสือเรื่องคุณทองแดง และที่นี่ล่ะศูนย์แพทย์พัฒนาเป็นที่เกิดของแม่ของคุณทองแดงที่เป็นที่มาของคุณทองแดง ตื่นเต้นเหมือนเป็นเด็กชั้นประถมกระนั้นล่ะ
ได้เข้ามาอยู่ในบรรยากาศของคุณทองแดงแค่นี้ ครูอ้อยก็ดีใจแล้วค่ะ
หลังจากที่คุณหมอได้ตรวจอาการและให้ใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้า คราวนี้ต้องจ่ายเงินนะคะ แต่จ่ายแล้วก็สบายใจ คุณหมอรู้ใจไม่ได้สั่งยาให้อีกเพราะรู้ว่าครูอ้อย......
ตอนที่นั่งรอใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้านั้น หมอสั่งพยาบาลว่าให้วัดรอบข้อเท้าเพื่อใส่ให้ได้พอดี ไม่หลวม เพราะอุปกรณ์นี้มีหลายขนาด ครูอ้อยลืมร่มที่ถือมา เดินออกไปจนถึงรถแล้วเดินกลับมาตรงที่นั่งสักครู่ เห็นผู้หญิงรุ่นแม่นั่งถือร่มอยู่ ครูอ้อยเดินเข้าไปถามว่า ร่มของน้าหรือเปล่าคะ น้าตอบว่า..ใช่ แล้วทำไมเหมือนร่มของเราเลย แล้วร่มของเราหายไปไหนล่ะ เลยเดินไปเก้าอี้ที่ลองอุปกรณ์พยุงข้อเท้า เห็นร่มตั้งพิงเก้าอี้อยู่นั่นเอง
ครูอ้อยเลยนึกถึงคำพูดตอนเล็กๆว่า " ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ขี้มูกยายแก่ โอละพ่อโอละแม่ "
ครูอ้อยเดินมาหาน้าคนสักครู่ ขอโทษ คำเดียวที่จะพูดได้ และยิ้มงามๆ น้าคนนั้นยิ้มตอบ ครูอ้อยเลยหายใจทั่วท้อง เฮ้อ " ขี้ตู่กลางโรงพยาบาล ขี้ตาครูอ้อย " อิอิ
แต่วันนี้ ครูอ้อย เข้าไปอ่านเรื่องของทองดำ ของครูจักรพงษ์ คนเก่งของครูอ้อย
ลองอ่านเรื่องของทองดำสิคะ อืมมม น่ารัก
ขึ้นมาได้อย่างไรบันทึกสุ่มแสดง สวัสดีค่ะ