นี่เห็นฝนชื่อ “ปลาบึก” ลุย ฟิลิปปินส์ เวียตนามมาแล้ว จะมาถึงบ้านเราเมื่อไหร่ และลูกอื่นๆจะตามมาอีกกี่ลูกกันก็ไม่รู้ ไอ้ที่เร่งปลูก รถไฟเที่ยวสุดท้ายเนี่ยะ จะได้กินหรือจะจมน้ำไปอีกในวันข้างหน้าก็ไม่รู้อีกเช่นกัน จะเรียกว่า “อาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่เสี่ยง” หรือการ “อาชีพที่เล่นเอาเถิด” ก็ตามเถอะ แต่หลังฉันก็ต้องสู้ฟ้า หน้าฉันก็ต้องสู้ดินกันต่อไป..
ผู้บันทึกกลับจากงานเฮฮาศาสตร์เข้าสู่พื้นที่ทำงาน
ก็ตรงไปที่บ้านพังแดงทันทีแล้วติดตามการใช้น้ำของชาวไทยโซ่
บ้านพังแดงที่ใช้น้ำจากระบบสูบน้ำด้วยฟ้า เอาใส่แปลงนา
เพราะหวั่นใจว่าชาวบ้านจะเอาน้ำใส่นาเกินหลักการประหยัด
ที่เรียกว่า Minimum require
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นชาวบ้านก็จะเสียเงินค่าน้ำ
หรือตรงๆก็คือค่ากระแสไฟฟ้าจำนวนมาก เกรงว่าเขาจะไม่มีเงินจ่าย
เมื่อเรียกค่าใช้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้ามาดูก็ต๊กใจ
เพราะค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้นถึง 80,000 บาท
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
ผู้บันทึกจึงเสนอประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการใช้น้ำใส่แปลงนา
เพราะระบบสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่สร้างขึ้นมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาน้ำใส่นา
แต่เอาน้ำเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจหลังนา
ยังไม่ทันจะนัดผู้นำกลุ่มประชุมเลยครับ ดีเปรสชั่นก็ผ่านมาเยือนดงหลวง
ให้ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ
ในลำห้วยบางทรายระดับน้ำสูงขึ้นพรวดพราดทันที
ชาวบ้านที่มีที่นาอยู่นอกพื้นที่โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า
ออกทำนาที่เรียกว่า “รถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้ว”
หากไม่ทำนางวดนี้ก็หมดโอกาสแล้ว
พนักงานขับรถก็ขอลาไปทำนาที่เหลืออยู่ 5 ไร่
จะจ้างแรงงานก็ไม่มีแรงงานให้จ้างต้องทำเอง
ชาวนาบางครอบครัวอยากทำนาก็ต้องส่ายหน้าบนใบหน้าเศร้าซึม
เพราะกล้าที่เตรียมไว้ช่วงต้นฤดู หมดอายุไปแล้ว ต้องรอคอยญาติ พี่น้อง
เพื่อนบ้านให้ทำนาเสร็จแล้วตามดูว่ามีกล้าเหลือบ้างไหม
ก็จะขอมาปลูกต่อ..!!
บางครอบครัวก็ทิ้งที่นาว่างไว้ก่อนเพราะเป็นนาดอน
รอท่าทีฝนอีก 3-4 วัน
ก็ต้องไถที่ดินคอยไว้ก่อน..
เมื่อปีที่แล้วก็มีหลายครอบครัวไม่ได้ข้าว
หรือได้ข้าวไม่พอกิน มาตอนนี้ก็หมดเล้าข้าวแล้ว เงินก็หมด
จะให้ทำอย่างไรล่ะ ใครจะยื่นมือมาช่วยล่ะ
เขากำลังยุ่งวุ่นวายกับการเมือง
มีแต่เราต้องช่วยตัวเอง
ขึ้นป่า... ผู้นำบางคนบอกว่าจะไปนครพนม
หาญาติเพื่อขอข้าวมากินก่อน…
กำหนดการที่จะประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ
นัดประชุม อบต. นัดอีกหลายนัดก็ต้องหยุด
ปล่อยให้ชาวบ้านใช้เวลาทำนาให้เสร็จสิ้นและแก้ไขปัญหาของครอบครัวให้เบาบางลงมาบ้างก่อน
นี่เห็นฝนชื่อ
“ปลาบึก” ลุย
ฟิลิปปินส์ เวียตนามมาแล้ว จะมาถึงบ้านเราเมื่อไหร่
และลูกอื่นๆจะตามมาอีกกี่ลูกกันก็ไม่รู้ ไอ้ที่เร่งปลูก
รถไฟเที่ยวสุดท้ายเนี่ยะ
จะได้กินหรือจะจมน้ำไปอีกในวันข้างหน้าก็ไม่รู้อีกเช่นกัน
จะเรียกว่า “อาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่เสี่ยง”
หรือการ “อาชีพที่เล่นเอาเถิดกับฝน
กับธรรมชาติ” ก็ตามเถอะ แต่หลังฉันก็ต้องสู้ฟ้า
หน้าฉันก็ต้องสู้ดินกันต่อไป..