วันนี้เพื่อนปรารภว่า มีการนำจตุคามมาเปรียบเทียบโดยการยกเป็นพระโพธิสัตว์ทำนองเดียวกับเจ้าแม่กวนอิม หรือ พระอวโลกิเตศวร ...เพื่อนผู้เขียนบอกว่า โพธิสัตว์ ควรจะแปลใหม่ ไม่ควรแปลว่า ผู้ข้องอยู่ในปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ แต่ควรแปลว่า สัตว์หากินอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ประมาณนี้...
ตามหลักพระพุทธศาสนา ผู้ที่ตั้งใจเพื่อบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าเรียกว่า พระโพธิสัตว์... นั่นคือ ใครก็ได้ถ้าตั้งใจอย่างนี้ก็สามารถเป็นพระโพธิสัตว์ได้ ...ดังนั้น โพธิสัตว์ จึงแปลว่า ผู้ข้องอยุ่ในปัญญาเป็นเรื่องตรัสรู้...
ในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่ได้เน้นเรื่องโพธิสัตว์มากนัก ...แต่ในฝ่ายมหายาน บางลัทธิถือเอาประเด็นนี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะลัทธิเจ้าแม่กวนอิม นั่นคือ เพียงแต่บูชาเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา ปรารถนาจะพาปวงสัตว์ผู้บูชาพระองค์ข้ามพ้นห้วงทุกข์ในวัฎฎสงสารให้หมดสิ้น โดยพระองค์ตั้งสัจจาธิษฐานว่า จะไม่บรรลุตราบใดที่ยังไม่ได้พาสรรพสัตว์ข้ามห้วงทุกข์ไปได้...ประมาณนี้
ดังนั้น พระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า อวโลกิเตศวร ซึ่งแปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในการดูแล หรือผู้ดูแลที่ยิ่งใหญ่ ..
อวโลกิต + อิศวร = อวโลกิเตศวร
ดูแล + เป็นใหญ่ = ผู้เป็นใหญ่ในการดูแล, ผู้ดูแลที่ยิ่งใหญ่
อธิบายว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะคอยดูแลสรรพสัตว์เพื่อจะพาผู้ที่บูชาพระองค์ข้ามพ้นวัฎฎสงสาร...ประมาณนี้
ถามว่า คนมีมาก จะพาใครข้ามไปก่อน
ตอบว่า พาคนดี มีคุณธรรมสูง ข้ามไปก่อน
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะให้เจ้าแม่กวนอิมพาข้ามไป ก็ต้องเร่งบำเพ็ญคุณความดี ประพฤติธรรมให้ยิ่งขึ้นๆ เพื่อจะได้มีโอกาสก่อนคนอื่นๆ...
การแบ่งกลุ่มคนโดยคุณธรรม จะแบ่งเป็น ๗ กลุ่ม ผู้ใดก็ตามที่มีคุณธรรมสูงขึ้นก็จะถัดไปอยู่กลุ่มด้านหน้า ใครมีคุณธรรมต่ำลงก็จะถอยกลับไปอยู่กลุ่มด้านหลัง...
เมื่อพิจารณาตามนี้ จะเห็นได้ว่า พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ก็คือตัวเราเอง นั่นคือ ถ้าเรามีศรัทธาในธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ และรู้จักดูแลตรวจสอบตัวเองแล้ว หมั่นละชั่วทำดีแล้ว เราก็จะค่อยๆ มีบารมีธรรมสูงขึ้น และก็จะได้ตรัสรู้หรือพ้นทุกข์...ประมาณนี้
หลายคนเคยดูหนังจีน พระจีนมักจะเปล่งวาจาว่า อมิตพุทธ ซึ่งแปลว่า ผู้ตรัสรู้นับประมาณไม่ได้ ...นั่นเป็นการเตือนสติตัวเองว่า เราก็สามารถตรัสรู้ได้ ...ประมาณนี้...
คำสอนในทางพระพุทธศาสนาทั้งหมด เมื่อพิจารณาโดยธรรมแล้วจะมุ่งไปที่การปฏิบัติตัวเองเพื่อพ้นทุกข์ มิได้สอนให้พึ่งสิ่งใดๆ
แต่กระแสโพธิสัตว์ก็เริ่มมาแรง เพื่อใช้อธิบายจตุคาม...
ส่วนที่เพื่อนผู้เขียนบอกว่า โพธิสัตว์ คือ สัตว์หากินอยู่ใต้ต้นโพธิ์ นั่น หมายความว่า มีผู้อาศัยใบบุญเรื่องนี้ทำมาหากิน ...ประมาณนี้
อนุโมทนา...
ฟังว่า หลายสิบปีก่อน ญีปุ่นรับสมัครนักเรียนทุน..
อาจารย์เสฐียร พันธรังสี ก็ไปสมัครด้วย... เค้าก็สัมภาษณ์ว่า จะไปเรียนสาขาไหน..
อาจารย์เสฐียร บอกว่า จะไปเรียนศาสนา...เป็นที่แปลกใจต่อคณะสัมภาษณ์ จึง ขอถามเหตุผล..
อาจารย์บอกว่า วิชาอื่นๆ สอนให้คนแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น มีแต่ศาสนาที่สอนให้คนอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่แก่งแย่ง....ประมาณนี้
เสียดาย หลวงพี่ได้ทันแค่อ่านหนังสือของท่าน และจุดธูปหน้าศพ ไม่ทันได้เรียนจากท่าน...
ขออนุโมทนาต่อกุศลเจตนาของน้องวีร์ อีกครั้ง
เจริญพร
พึ่งจะทราบความหมายครับพระอาจารย์...
สงสัยมานานเหมือนกัน เวลาใครถามถึงเจ้าแม่กวนอิม(มีพระแม่กวนอิมหยกขาว บนเขาสมอแครง พิษณุโลก)...ผมก็ไม่เข้าใจ(ส่วนใหญ่จะเป็นจินตนาการจากในหนังเชิงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์)...
พาลให้ผมนึกไปถึงประเด็นเรื่องภิกษุณีครับพระอาจารย์...สงสัยอยู่ว่าสมัยพุทธกาลห้ามมีภิกษุณีจริงหรือไม่ประการใด....
จะเห็นได้ว่า พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ก็คือตัวเราเอง นั่นคือ ถ้าเรามีศรัทธาในธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ และรู้จักดูแลตรวจสอบตัวเองแล้ว หมั่นละชั่วทำดีแล้ว เราก็จะค่อยๆ มีบารมีธรรมสูงขึ้น และก็จะได้ตรัสรู้หรือพ้นทุกข์
ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะพระอาจารย์
จิตคือพุทธะ
ต้องไปถามหลวงปู่ดุลย์....
ความเห็นส่วนตัวของเกจิอาจารย์ต่างๆ ท่านจะมีหลักการอธิบายของท่านเอง ซึ่งบางเรื่องหลวงพี่ก็ไม่เข้าใจ หรือไม่เคยรู้เรื่อง...
สำหรับหลวงปู่ดุลย์ เคยไปเที่ยวที่วัดของท่าน แต่จำชื่อวัดไม่ได้แล้ว....
เจริญพร
ข้าพเจ้าเป็นครูสอนวิชาธรณีวิทยา ได้จินตนาการเรื่องราวของการกำเนิดโลกตามทฤษฎีและสมมุติฐานต่าง ๆ ของนักวิทยาศาสตร์ ทำให้เข้าใจชีวิตในส่วนหนึ่ง คือธรรมชาติของโลกที่เชื่อมต่อธรรมะของพุทธศาสนา แต่ความลึกซึ่งทางศาสนาข้าพเจ้าเรียนรู้น้อยมาก การทำบุญกับพระสงฆ์ก็มีน้อย ส่วนใหญจะทำทานกับสุนัขที่โรงเรียนซึ่งมีอยู่มากมาย ตามกำลัง ข้าพเจ้าสังเกตเห็นคนที่มีทรัพย์มากก็จะทำบุญได้มาก คนที่มีทรัพย์น้อยก็ทำบุญได้น้อย ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่าบุญกรรมจะส่งผลได้เพียงใด